Van Gogh Museum

ความท้าทาย

เมื่อ 10 ปีก่อน พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะได้ว่าจ้างผู้จัดการสื่อดิจิทัลคนแรก ปัจจุบันแผนกการสื่อสารดิจิทัลมีพนักงาน 6 คนที่มุ่งจะบรรลุเป้าหมายหลายประการ ได้แก่ เชื่อมต่อกับผู้ชมทั่วโลก ขายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ สร้างการรับรู้ถึงกิจกรรมสำคัญ และให้ความรู้แก่คนทั่วโลกเกี่ยวกับชีวิตและงานศิลปะของวินเซนต์ แวน โก๊ะ ทีมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับปัญหาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็จัดหาทรัพยากรไดัมากขึ้น เพื่อนำใช้ประโยชน์ในโอกาสที่ใหญ่ขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับ The Mesdag Collection ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ในกรุงเฮกที่พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะเป็นผู้บริหารจัดการ The Mesdag Collection เป็นที่รู้จักน้อยกว่าพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะและยังไม่มีผู้ติดตามและแบรนด์เป็นของตัวเอง แผนกดิจิทัลจึงหันมาใช้เครื่องมือของ Google เพื่อเพิ่มการรับรู้และดึงดูดผู้ชม

เรื่องราว

พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะในอัมสเตอร์ดัมเปิดทำการเมื่อปี 1973 ให้ผู้คนมากมายเข้าถึงชีวิตและผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ ซึ่งช่วยเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เข้าชม พิพิธภัณฑ์นี้มีคอลเล็กชันภาพเขียนและภาพวาดของแวนโก๊ะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2016 พิพิธภัณฑ์มีผู้เข้าชมทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 2 ในเนเธอร์แลนด์ ส่วน The Mesdag Collection ในกรุงเฮกที่สร้างขึ้นโดยศิลปินและนักสะสมชื่อ Hendrik Willem Mesdag และภรรยา Sientje Mesdag บริหารจัดการโดยพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะในปัจจุบัน มีการจัดแสดงคอลเล็กชันงานศิลปะของครอบครัว Mesdag ได้แก่ ภาพวาดของศิลปินจาก French Barbizon School และ Dutch Hague School ที่ The Mesdag Collection และที่อยู่อาศัยในอดีตของ Hendrik และ Sientje Mesdag ด้วย

พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะใช้ Google Workspace for Nonprofits เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในพิพิธภัณฑ์เองและกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆ และมีการใช้ Google Meet เพื่อปรึกษาหารือกันเมื่อจัดการประชุมแบบมาพบกันได้ยาก Google เอกสารและ Google ไดรฟ์ช่วยให้ทำงานร่วมกันและแชร์ไฟล์ได้ง่ายขึ้น Google เอกสารทำให้ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารที่ล็อกหรือเก็บไว้ในเครื่องอีกต่อไป ทุกคนดูและแก้ไขเอกสารฉบับเดียวกันพร้อมกันได้ พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะยังใช้ Google ไดรฟ์เป็นหลักในการจัดการทรัพย์สินด้วย

ทั้งพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะและ The Mesdag Collection ใช้ Ad Grants เพื่อสร้างการรับรู้ Ad Grants สร้างโฆษณาแบบข้อความที่มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะและกระตุ้นยอดขายตั๋วเข้าชมด้วย ทีมการสื่อสารดิจิทัลตั้งค่า Google Analytics ให้วัดผลกระทบโดยตรงที่โฆษณามีต่อยอดขายตั๋วเข้าชมและได้ทราบว่า Ad Grants เป็นที่มาของยอดขายตั๋ว 15% จากทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ รวมถึงเป็นที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์คิดเป็น 40% ของการเข้าชมโดยรวม

"Google เพื่อการกุศลช่วยให้ผู้คนมากมายทั่วโลกเข้าถึงงานศิลปะของวินเซนต์ แวน โก๊ะอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน นอกจากนี้ เครื่องมือต่างๆ ทั้งสำหรับการเผยแพร่ การกระจายและโปรโมตเนื้อหา และการติดตามผลล้วนมีส่วนทำให้พันธกิจของพิพิธภัณฑ์สำเร็จลุล่วงไปได้"

Edith Schreurs พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ

ผลกระทบ

Ad Grants ช่วยให้การเข้าชมเว็บไซต์ The Mesdag Collection เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เราพบว่า Google Ads ทำให้เกิดการเข้าชมเว็บไซต์ The Mesdag Collection คิดเป็น 44% จากทั้งหมด และเป็นแหล่งที่มาอันดับ 1 ของการเข้าชมโดยรวม สำหรับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะนั้น การค้นหาทั่วไปใน Google เป็นแหล่งที่มาของการเข้าชมอันดับ 1 คิดเป็นการเข้าชม 39% จากทั้งหมด การใช้ Google เพื่อการกุศลส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อองค์กรและชุมชนของเรา

นอกจากนี้ เนื่องจากเวลาทำการของพิพิธภัณฑ์แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล ทีมดิจิทัลจึงอัปเดตหน้า Google Business Profile อยู่เสมอเพื่อให้ผู้เข้าชมวางแผนการมาเยี่ยมชมได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทีมสื่อดิจิทัลยังพบว่า Google Analytics มีประโยชน์อย่างยิ่งและตรวจดูบัญชี Google Analytics ทุกวันเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์และแหล่งที่มาของผู้เข้าชมดังกล่าว ช่อง YouTube ของพิพิธภัณฑ์มีผู้ติดตามแล้วมากกว่า 4,039 คน ทางพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะได้สร้างเนื้อหาต้นฉบับใน YouTube เช่น วิดีโอเด่น "Meet Vincent" (มียอดการดู 27,156 ครั้งแล้ว) และตัวอย่างนิทรรศการเพื่อดำเนินงานตามพันธกิจในการให้ความรู้แก่ผู้คนทั่วโลกเกี่ยวกับวินเซนต์ แวน โก๊ะ

มีคนมากมายที่สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับชีวิตและงานศิลปะของวินเซนต์ แวน โก๊ะในแง่มุมต่างๆ งานศิลปะของเขาดึงดูดสายตาผู้พบเห็น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พิพิธภัณฑ์จะต้องนำเสนอวิดีโอคุณภาพที่มีการผสมผสานอย่างลงตัวเกี่ยวกับวินเซนต์ แวน โก๊ะ (การศึกษา หัวข้อการศึกษาวิจัย ตัวอย่างนิทรรศการ และอื่นๆ) เนื่องจากเนื้อหาวิดีโอทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ทีมการสื่อสารดิจิทัลจึงได้ลงทุนในทรัพยากรต่างๆ เพื่อสร้างเนื้อหาวิดีโอที่มีคุณภาพและแชร์กับผู้ชมทั่วโลก การผลิตวิดีโอของพิพิธภัณฑ์เป็นความร่วมมือระหว่างแผนกต่างๆ (การสื่อสารดิจิทัล การศึกษาและการตีความ การตลาด) เพื่อให้มีความสมดุลระหว่างเนื้อหาเชิงลึกและคำกระตุ้นการตัดสินใจที่สำคัญ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา YouTube ได้กลายเป็นเครื่องมือค้นหาที่สำคัญและพิพิธภัณฑ์ก็ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งวิดีโอให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหาด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังคอยฝังวิดีโอไว้ในแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น เว็บไซต์ อีกด้วย