สาวเวียดนาม ไม่หยุดสวย ดีมานด์ตลาดความงามโตกระฉูด

คอลัมน์ Market move

สาว ๆ กับความสวยความงามเป็นของคู่กัน ดังนั้น เครื่องสำอางจึงเป็นไอเท็มสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทำให้ในตลาดเกิดใหม่เครื่องสำอางเป็นหนึ่งในสินค้าที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการใช้เครื่องสำอางเติบโตต่อเนื่อง เป็นโอกาสสำคัญที่ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งด้านแบรนด์สินค้าและช่องทางขายเข้ามาปักฐานร่วมชิงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างผลวิจัยของบริษัทวิจัยการตลาด “คิวแอนด์มี” (Q&Me) ซึ่งสำรวจหญิงชาวเวียดนามอายุ 16-39 ปี จำนวน 500 คนในหลายเมืองใหญ่ อาทิ ฮานอย โฮจิมินห์ และอื่น ๆ พบว่าปัจจุบันสาว ๆ ชาวเวียดนามใช้จ่ายกับเครื่องสำอางมากขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปี 2559 หรือเพิ่มจากเฉลี่ย 2.84 แสนด่อง หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 381 บาท เป็น 3 แสนด่อง หรือประมาณ 400 บาทต่อเดือนไปในทิศทางเดียวกับพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

โดยกลุ่มผู้ที่ไม่ใช้เครื่องสำอางเลยลดลงเหลือ 14% จากสัดส่วน 24% เมื่อปี 2559 และในจำนวนสาว ๆ ที่ใช้เครื่องสำอาง 30% ใช้ทุกวัน และ 51% ใช้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ส่วนโอกาสสำหรับการแต่งหน้านั่้น 87% สำหรับออกปาร์ตี้, 61% เพื่อแฮงเอาต์กับเพื่อนฝูง และ 52% เป็นการเดตกับคู่รัก ทั้งนี้ ลิปสติกเป็นเครื่องสำอางที่สาวชาวเวียดนามนิยมพกติดตัวมากที่สุด ในขณะที่สกินแคร์ถูกใช้งานมากที่สุด

ขณะเดียวกับเวลาที่ใช้ในการแต่งหน้ายังยาวนานขึ้น โดยส่วนใหญ่แต่งหน้านาน 11-30 นาที จากเดิมไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น

สอดคล้องกับข้อมูลของ สมาคมเอสเซนเชียลออยล์ อโรมาเทอราปี และเครื่องสำอางแห่งเวียดนามที่ระบุว่า การตลาดความงามเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีแบรนด์ต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เป็นตัวผลักดันตลาดด้วยสัดส่วนยอดขายปี 2561 ที่ 90% ของมูลค่าตลาด หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2559

กระแสการเติบโตนี้ได้ดึงดูดเชนค้าปลีกความงามหลายรายเข้าสู่ตลาด โดย “วัตสัน” (watsons) เป็นรายล่าสุดที่เข้าปักฐานเปิดสาขาแรกในย่านธุรกิจใจกลางกรุงโฮจิมินห์ พร้อมประกาศแผนขยายสาขาเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 50 สาขาในอีก 5 ปีข้างหน้า

โดยในสาขาแรกนี้มีสินค้ากว่า 6,000 รายการ พร้อมไฮไลต์โซนเครื่องสำอางที่ลูกค้าสามารถทดลองแต่งหน้าหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำได้

“รอท รูทเลย์” กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของ เอส.เอ. วัตสัน กรุ๊ป กล่าวว่า นอกจากการขยายเพิ่มอีก 50 สาขาแล้ว ยังจะรุกช่องทางออนไลน์เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น ซึ่งคุ้นเคยกับเทคโนโลยีตามแผนที่จะสร้างฐานลูกค้าในระยะยาว

ทั้งนี้ หากวัตสันขยายสาขาได้ประมาณ 50 สาขาตามแผนจะทำให้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับ 4 รองจาก “เมดิแคร์” (Medicare) แบรนด์ท้องถิ่นรายใหญ่ มีร้านค้า 80 สาขาทั่วประเทศ และ

“การ์เดียน” (Guardian) เชนค้าปลีกความงามจากสิงคโปร์ ที่มี 70 สาขา ใน 4 เมืองใหญ่ รวมถึง “เดอะ เฟซช็อป” (The Faceshop) ซึ่งมีสาขา 60 สาขา

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของวัตสันและเชนค้าปลีกรายอื่น ๆ ยังมีความท้าทายจากอีคอมเมิร์ซด้วยเช่นกัน หลังแพลตฟอร์มใหญ่หลายรายเข้าทำตลาดทั้งช้อปปี้, ลาซาด้า, เซนโด (Sendo), ทิกิ (Tiki) รวมถึงผู้ค้าอิสระบนเฟซบุ๊กโซเชียลยอดนิยมของชาวเวียดนาม อีกทั้งผลวิจัยยังชี้ว่าชาวเวียดนามนิยมช็อปเครื่องสำอางในช่องทางนี้มากที่สุดอีกด้วย โดยเฉพาะสาวรายได้สูงอายุ 23-29 ปี ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ย 20 ล้านด่อง หรือประมาณ 865 เหรียญสหรัฐ

ดังนั้น ต้องรอดูว่าหลังเชนใหญ่รายใหม่เข้าสู่ตลาดแล้ว การแข่งขันในเวียดนามจะดุเดือดขึ้นแค่ไหน และแต่ละรายจะหาทางรับมือกับการแข่งขันระหว่างกันรวมถึงอีคอมเมิร์ซอย่างไร