WAT PORTAL
ความเป็นมา
ชื่อและที่ตั้งของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงา ที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงา ก็คือเงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และทำร่มเงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า “พระธาตุผาเงา” ส่วนพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงานั้นเป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำวัดและมีอายุเก่าแก่มากถึง ๗๐๐-๑,๓๐๐ ปี ขุดพบเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. โดยมีนัยว่า เมื่อคณะศรัทธาได้ปรับพื้นที่หมดเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มขุดและยกตอไม้ขนาดใหญ่ออก ทุกคนต่างตื่นเต้นและปิติยินดีเมื่อได้พบว่า ใต้ตอไม้นั้นมีอิฐโบราณก่อเรียงไว้ เมื่อยกอิฐออกก็พบหน้ากาก (แผ่นทึบ) ก่อกั้นไว้ พอยกหน้ากากออกจึงได้พบพระพุทธรูปที่มีลักษณะสวยงามมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุได้วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง ๗๐๐-๑,๓๐๐ ปี คณะศรัทธาทั้งหมดจึงได้พร้อมใจกันตั้งชื่อพระพุทธรูปนี้ว่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่จากวัดสบคำ มาเป็นวัดพระธาตุผาเงา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ตำนาน
จากพงศาวดารโยนกบอกว่า ขุนผาพิงหรือขุนพิง (พระองค์พิง) ผู้ครองนครโยนก องค์ที่ ๒๓ ช่วงปี พ.ศ. ๔๙๔-๕๑๒ เป็นผู้สร้างเจดีย์ไว้บนหินก้อนใหญ่ที่เชิงเขาดอยจันทร์ ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงพระธาตุผาเงาในวัดนี้ พระธาตุผาเงาได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก คาดว่าน่าจะมีการบูรณะมาบ้าง เพราะพระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ที่ลาดต่ำสุดของภูเขา ซึ่งง่ายต่อการดูแลซ่อมแซมส่วนผู้สร้างพระธาตุจอมจันและพระธาตุเจ็ดยอด อยู่บน "ดอยคำ" และ "ดอยจัน" ตามลำดับ
เมื่อขุนลังได้ขึ้นครองเมือง "เวียงเปิกสา" (เมืองเชียงแสนปัจจุบันนี้) ช่วงปี พ.ศ. ๙๙๖-๑๐๐๗ พระองค์ได้ชักชวนไพร่บ้านชาวเมืองทั้งหลายให้ช่วยกันสร้างเจดีย์ไว้บนยอดดอยคำ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่า "ตอดจันทร์" เจดีย์ที่ว่านี้หมายถึงพระธาตุจอมจันและพระธาตุเจ็ดยอด เจดีย์ทั้ง ๒ องค์นี้ถูกภัยธรรมชาติทำลาย เช่น ถูกแดด - ฝน และลมพัดทำลายมานับพันปีจนเหลือแต่ซากฐานไว้ประมาณ ๕ เมตร ประกอบกับช่วยนั้นภาวะเศรษฐกิจอาจจะฝืดเคืองจนทำให้ชาวบ้านทอดทิ้งศาสนาขาดการดูแลเอาใจใส่และที่ฐานองค์พระเจดีย์ทั้งสองก็มีรอยขุดเจาะ อาจจะเป็นฝีมือของพวกนักสะสมของเก่าเสาะแสวงหาโบราณวัตถุก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ th.wikipedia.org/wiki/วัดพระธาตุผาเงา และเว็บไซต์ www.facebook.com/Phangao391
ขอขอบคุณที่มารูปภาพ : เว็บไซต์ www.papaiwat.com