เรือราษฎรไทยถูกฝั่งเมียนมายิง บนแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ จ.แม่ฮ่องสอน โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะแล่นไปส่งสินค้า เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

วันนี้(10 ธ.ค.2564) เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่าทหารไม่ทราบฝ่ายจากฝั่งเมียนมา พิกัด LV 612999 ได้ยิงเรือราษฎรไทย บริเวณแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยเรือดังกล่าวมีนายจ่อ วาเล ชาวบ้านแม่สามแลบ เป็นเจ้าของเรือ ซึ่งเรือถูกทหารเมียนมายิง ขณะที่กลับจากไปส่งสินค้าที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ทำให้เรือถูกกระสุนปืนที่กราบเรือจนทะลุ และก่อนหน้านั้น เวลาประมาณ 10.45 น. เรือของนาย ม่อ โกร ได้ถูกยิงเช่นกันขณะเดินทางจากท่าเรือแม่สามแลบ นำสินค้าไปส่งที่บ้านท่าตาฝั่งเช่นกัน โดยในวันเดียวกันทหารเมียนมาได้ยิงเรือราษฎรไทย จำนวน 2 ครั้ง ส่งผลให้ราษฎรไทยที่บ้านแม่สามแลบ ไม่กล้านำเรือแล่นในแม่น้ำสาละวินพร้อมทั้งขอให้ทหารพรานที่รักษาอธิปไตยในพื้นที่ดังกล่าว ช่วยเจรจากับทหารเมียนมาไม่ให้ยิงเรือไทยอีก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.2564 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ประกอบด้วยนายสุชาติ เศรษฐมาลินี และนางปรีดา คงแป้น ได้ลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียนโดยเดินทางไปยังบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย และบ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง เพื่อรับทราบสถานการณ์ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีการสู้รบอย่างรุนแรงงานระหว่างทหารเมียนมาและทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union: KNU) จนทำให้ชาวบ้านนับหมื่นคนต้องหนีตายมาอยู่ในป่าและริมแม่น้ำสาละวิน โดยมีชาวบ้านนับพันคนข้ามมาหลบภัยในฝั่งไทย ที่สำคัญคือความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากฝั่งไทยไม่สามารถเข้าไปถึงกลุ่มผู้ลี้ภัยการสู้รบเหล่านี้ได้เพราะถูกปิดกั้นจากทหารไทย

จากนั้นคณะ กสม.ได้ล่องเรือเดินทางไปยังหมู่บ้านท่าตาฝั่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบเนื่องจากฝั่งตรงกันข้ามเป็นฐานทหารเมียนมาซึ่ง KNU ต้องการขับไล่ให้ออกจากพื้นที่จึงเกิดการปะทะกันหลายระลอก โดยกองทัพเมียนมาได้ใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิด ทำให้ชาวบ้านท่าตาฝั่งต้องอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยคณะ กสม.ได้รับฟังข้อมูลจากผู้บังคับกองร้อยทหารพราน ผู้ใหญ่บ้านและผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง

นายทรงศักดิ์ จอมแก้วเกล้า ผู้ใหญ่บ้านท่าตาฝั่ง เล่าให้คณะ กสม.ฟังว่า เมื่อมีการสู้รบรุนแรงทำให้มีชาวบ้านอพยพหนีข้ามมาฝั่งไทยซึ่งรู้สึกเห็นใจเพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่พอจะนำข้าวของไปช่วยเหลือก็ถูกสั่งห้าม จนกระทั่งมีลูกปืนใหญ่มาตกหลังหมู่บ้านซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของทหารพม่าหรือทหารกะเหรี่ยง แต่โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ โดยช่วงที่เกิดสถานการณ์ไม่สงบ มีผู้อพยพจากฝั่งกะเหรี่ยงเข้ามาอยู่แถวหมู่บ้านกว่า 100 คนหรือ 22 ครอบครัว แต่อยู่ไม่กี่วันก็ต้องกลับไป

ขณะที่นายสายัญ โพธิสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง กล่าวว่า ขณะนี้ที่โรงเรียนได้ทำบังเกอร์เพื่อให้เด็กๆ ได้หลบภัยหากเกิดสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยล่าสุดได้ทำการซ้อมหนีภัยกันอย่างจริงจังเพราะต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ จริงๆแล้วไม่อยากให้เด็ก ๆ ได้เห็นความรุนแรง แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยปัจจุบันมีนักเรียนอยู่ 132 คน อนาคตอยากขยายจากชั้น ป.6 ให้ไปถึงระดับ ม.3 เพราะเด็กจะได้ไม่ต้องเดินทางไปเรียนในเมือง

ทั้งนี้ นอกจากการสร้างแนวกั้นหลบภัยไว้ในโรงเรียนท่าตาฝั่งแล้ว ขณะนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้นำกระสอบทรายมาส่งให้ชาวบ้านได้ทำแนวกั้นหลบภัยไว้อีกหลายจุดเพื่อเป็นจุดหลบภัยในยามคับขัน