มหัศจรรย์! “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” ตำนานพญานาคที่ยังไม่รู้ความลึก

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ลงพื้นที่สำรวจถ้ำใหญ่น้ำหนาว ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว พบตัวถ้ำมีขนาดใหญ่ และมีหินงอกหินย้อยสวยงาม ซึ่งเป็นถ้ำมหัศจรรย์ที่มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพญานาค และต้นกำเนิดของบั้งไฟบูชาพญานาค รวมทั้งยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวถ้ำมีความลึกเท่าใด

นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นางอังคณา หัตถกิจโกศล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ นายสมชาย ธีรางกูร นายอำเภอน้ำหนาว และคณะ ลงพื้นที่ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ เข้าสำรวจและเยี่ยมชมถ้ำใหญ่น้ำหนาว พบตัวถ้ำมีความสวยงาม มีหินงอกหินย้อยมากมาย อีกทั้งภายในถ้ำยังมี ลำธารธรรมชาติที่มีน้ำใสเย็นจัดตลอดทั้งปี ไหลออกมาจากปากถ้ำโดยไม่เคยเหือดแห้ง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชมได้จำนวนมาก

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ำใหญ่น้ำหนาว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว บ้านห้วยลาด ต.หลักด่าน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ทางเข้าสู่ถ้ำอยู่บริเวณ กิโลเมตรที่ 60 ของเส้นทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-กกกะทอน จากหน่วยพิทักษ์ของอุทยานฯ จะมีเส้นทางเดินเท้าไปสู่ปากถ้ำ ระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยถ้ำนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ภายในถ้ำใหญ่น้ำหนาว มีขนาดใหญ่ มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยย่อยแยกออกไปเป็นจำนวนมาก อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศา และยังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย ในรูปทรงและสักษณะต่างๆมากมาย นอกจากนี้ยังมีลำธารธรรมชาติที่มีน้ำใสเย็นจัดตลอดทั้งปี ไหลออกมาจากปากถ้ำโดยไม่เคยเหือดแห้ง และในอดีตเคยมีทีมนักสำรวจจากต่างประเทศได้เข้าไปสำรวจภายในถ้ำ เป็นระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร แต่ไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้จนสุด ภายในถ้ำยังคงมีทางให้เดินต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนภายในถ้ำจะมีน้ำไหลสูง จนไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ หากนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสธรรมชาติ และอากาศหนาวเย็นภายในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวในช่วงนี้ ก็ขอเชิญชวนให้เดินทางมาเที่ยวชมถ้ำใหญ่น้ำหนาว จะพบกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์โดยรอบถ้ำ และหินงอกหินย้อยที่สวยสดงดงามภายในถ้ำอีกด้วย

สำหรับตำนานเล่าขานถ้ำใหญ่น้ำหนาวหรือถ้ำน้ำริน ถ้ำแห่งนี้มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ครั้งอดีตกาลก่อนที่จะมีบ้านห้วยลาด บริเวณนี้มีหมู่บ้านเก่าแก่อยู่หมู่บ้านหนึ่ง ชาวบ้านหมู่บ้านนี้มีความศรัทธายิ่งในพระพุทธศาสนา สมัยนั้นมีความเชื่อกันว่าบริเวณถ้ำใหญ่มีทางเดินที่สามารถเข้าสู่เมืองบาดาลได้ ทุกๆปีพญานาคและบริวารจะแปลงกายเป็นมนุษย์มาร่วมทำบุญกับชาวบ้านที่วัดบ้านธาตุ แต่มาปีหนึ่งหลังจากทำบุญเสร็จปรากฏว่า ขันทองคำของพญานาคได้หายไปใบหนึ่ง เมื่อพญานาคและบริวารไม่สามารถหาขันทองคำได้ จึงโกรธและประกาศว่า จะไม่มาทำบุญร่วมกับชาวบ้านตลอดไป พร้อมกับแปลงร่างจากมนุษย์กลายเป็นพญานาคพากันเลื้อยหายเข้าไปในถ้ำ เกิดเสียงดังกึกก้องกัปนาท และพื้นพสุธาหวั่นไหว แผ่นดินที่ตั้งของวัดบ้านธาตุและบริเวณใกล้เคียงได้ถูกดูดกลืน จนกลายเป็นตำนานของถ้ำใหญ่ที่เล่าขานสืบต่อกันมา และเกิดเป็นประเพณีท้องถิ่น บุญบั้งไฟเพื่อบูชาพญานาค มักจัดขึ้นในเดือนแปดของทุกปี เพื่อให้เจ้าพ่อปกปักรักษาและให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล