More Related Content
Similar to เหนือ ท่องเที่ยว (10)
More from leemeanshun minzstar (20)
เหนือ ท่องเที่ยว
- 2. -2-
ลาวเม็งและพระนางเทพคาขยายหรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมืองประสูติเมื่อวันอาทิตย์แรม9 ค่าเดือน 3 ปีจอ พุทธศักราช1782
และเสด็จสวรรคตที่เมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ.1854รวมพระชนมายุได้ 72พรรษาสถูป(กู่)บรรจุพระอัฐิหรือ
กู่พญามังรายมหาราชตั้งอยู่ที่วัดงาเมือง
การสร้างบ้านแปลงเมืองของท่านพ่อขุนเม็งรายได้สร้างเมืองเชียงรายขึ้นบนดอยทอง
จากรากฐานเดิมที่เคยเป็นเมืองมาก่อนเมื่อปี พ.ศ. 1805ทรงเป็นปฐมกษัตริย์
แห่งราชวงศ์มังรายและรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทยจนเจริญรุ่งเรืองจวบจนปัจจุบัน
อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมีลักษณะเป็นพระรูปของพระองค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์
ขนาดหนึ่งเท่าครึ่ง ทรงฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงพระมหากษัตริย์แบบล้านนาโบราณประทับยืนบนฐานสูงประมาณ3
เมตร ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ซ้ายแนบกับพระเพลา
ทรงสวมมาลัยพระกรและสวมพระธามรงค์ที่พระหัตถ์ขวาตรงนิ้วนางและนิ้วก้อยและตรงนิ้วชี้ที่พระหัตถ์ข้างซ้าย
และทรงฉลองพระบาทปัจจุบันมีตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติสีทองอร่ามขนาดใหญ่ประดับอยู่ทางด้านหลังอนุสาวรีย์ด้วย
สาหรับฐานใต้พระบรมรูปมีคาจารึกว่า"พ่อขุนเม็งรายมหาราชพ.ศ.1782 - 1860 ทรงสร้างเมืองเชียงรายขึ้นเป็นเมืองแรกเมื่อ
พ.ศ. 1805ทรงสถาปนาอาณาจักรล้านนาไทยให้เป็นปึกแผ่นและทรงสร้างความสามัคคีระหว่างชนชาติไทย"
อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวเชียงรายและคนล้านนาเป็นอย่างมาก
มีผู้คนมาสักการะทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่ขาดสาย
กู่พระเจ้าเม็งราย จังหวัดเชียงรายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความสาคัญต่อประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ได้มีการบันทึกเรื่องราวที่ได้
เกิดขึ้นณ อาณาจักรแห่งนี้ไว้มากมายซึ่งถือว่าเป็นยุคแห่งประวัติศาสตร์ที่สาคัญยุคหนึ่งของประเทศไทย
ในประวัติศาสตร์ช่วงแรกๆเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะที่มีความเกี่ยวพันกับเรื่องดินแดนการเมืองการปกครอง
วัฒนธรรมรวมไปถึงผู้ปกครอง
ซึ่งผู้ที่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดเชียงรายก็คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของพระเจ้าเม็งราย
หรือพ่อขุนเม็งรายซึ่งจังหวัดเชียงรายนอกจากจะมีอนุสาวรีย์สามกษัตริย์แล้ว
กู่พระเจ้าเม็งรายก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นอนุสาวรีย์ที่สาคัญแห่งหนึ่ง
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บและบรรจุอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราชอดีตเจ้าเมืองแห่งดินแดนนี้
กู่พระเจ้าเม็งรายตั้งอยู่หน้าวัดงาเมืองบนดอยงาเมืองนอกจากนี้ตามประวัติกล่าวว่า
พระเจ้าไชยสงครามราชโอรสพระเจ้าเม็งรายเมื่อได้มอบราชสมบัติให้พระเจ้าแสนภูราชโอรสขึ้นครองนครเชียงใหม่
แล้วพระองค์ได้นาอัฐิพระราชบิดามาประทับอยู่ที่เมืองเชียงรายและได้โปรดเกล้าฯสร้างกู่บรรจุอัฐิของพระราชบิดาไว้ ณ
ดอยงาเมืองแห่งนี้ซึ่งก็คือกู่เม็งรายแห่งนี้นี่เอง
- 3. เสาสะดิอเมือง(เสาหลักเมือง) อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช กู่พระเจ้าเม็งราย
-3-
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน ตั้งอยู่ในเขตกาแพงเมือง
เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากบริเวณเชียงแสนและพื้นที่ใกล้เคียงเช่น ลวดลายปูนปั้นฝีมือล้านนา
พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและจากพะเยา
พร้อมทั้งให้ข้อมูลทางด้านวิชาการเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีการตั้งถิ่นฐานของชุมชน และประวัติการสร้างเมืองเชียงแสน
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้านของ ชาวไทยใหญ่ ไทยลื้อและชาวเขาเผ่าต่างๆได้แก่ เครื่องเขินเครื่องดนตรี
เครื่องประดับอุปกรณ์การสูบฝิ่นเป็นต้นเปิดทาการตั้งแต่เวลา ๙.๐๐-๑๖.๐๐น. ทุกวันเว้นวันจันทร์ อังคาร
และวันหยุดนักขัตฤกษ์
พิพิธภัณฑ์อูบคาศูนย์อนุรักษ์มรดกอันล้าค่าของอาณาจักรล้านนาโบราณ อาภรณ์ของชนชาติไตเผ่าต่าง
ในอาณาจักรล้านนาด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของชาวล้านนาทาให้ อาจารย์จุลศักดิ์
สุริยะไชยจึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์อูบคาเพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์มรดกล้าค่าของอานาจักรล้านนาโบราณ
เช่นเครื่องใช้ในราชสานักล้านนาเครื่องใช้ในราชสานักคุ้มเจ้าต่างๆในล้านนา
ซึ่งเกิดจากการตั้งใจของผู้รวบรวมที่ต้องการเก็บของมีค่าสมัยล้านนาที่กระจายอยู่ในที่ต่างๆ ให้คืนกลับสู่แผ่นดินไทย
และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไปในอนาคต
เมืองเก่าเชียงแสน เป็นอาเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงรายมีซากโบราณสถานของเมืองเชียงแสนเก่าอยู่ในบริเวณตัวอาเภอ
ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวและท่าเรือขนส่งสินค้าที่สาคัญในภาคเหนือ
นอกจากนี้เชียงแสนมีพื้นที่ซึ่งเรียกว่าสามเหลี่ยมทองคาในพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านสบรวกตาบลเวียงอาเภอเชียงแสน
อันเป็นบริเวณที่บรรจบกันของชายแดนสามประเทศคือไทย ลาวและพม่า
- 4. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสน พิพิธภัณฑ์อูบคา เมืองเก่าเชียงแสน
พิพิธภัณฑ์บ้านดาตั้งอยู่ที่414 หมู่ที่ 13 ตาบลนางแลเป็นผลงานของอาจารย์ถวัลย์ดัชนีศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์
(จิตรกรรม)ในพื้นที่กว่าร้อยไร่ ประกอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมท้องถิ่นภาคเหนือกว่า25หลัง
และอาคารสถาปัตยกรรมท้องถิ่นประยุกต์หลายหลังที่จัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน
ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของช่างท้องถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดทาด้วยสีดาแต่ละหลังประดับประดาด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายสวยงามวิจิตรยิ่งและยังประดับด้วยเขาสัตว์เช่น
เขาควายเขากวางและกระดูกช้างเป็นต้น
พิพิธภัณฑ์บ้านดาเป็นศิลปะสถานที่สร้างจินตนาการให้แก่ผู้พบเห็นในหลายมุมมองและยังเป็นที่เก็บสะสมสิ่งของต่างๆ
ที่ใช้ในการดารงชีวิตมาตั้งแต่อดีตซึ่งของบางชิ้นคนรุ่นใหม่ก็ไม่อาจพบเห็นหรือหาได้ในปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์พระ -ประทีปโกลด์แลนด์ พิพิธภัณฑ์พระแห่งนี้สร้างขึ้นโดยคุณประทีปประทีปอุษานนท์
ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันในวงการพระเท่าไรนักเพราะคุณประทีปนั้นไม่ได้เข้ามาคลุกคลีกับคนในวงการมากนัก
แต่เนื่องจากคุณประทีปนั้นเคยเป็นผู้รับ
-4-
สัมปทานการก่อสร้างและบริหารท่าเรือการค้าระหว่างประเทศหลายๆแห่งจึงเป็นที่รู้ จักของคนในวงการธุรกิจเป็นอย่างดี
คุณประทีปได้เริ่มเก็บสะสมพระมาตั้งแต่อายุประมาณ20ปี
แล้วค่อยๆแสวงหาพระมาเก็บสะสมเรื่อยๆจนมีมากเพียงพอกับการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งมีงบประมาณในการสร้างกว่า4
0ล้านบาทบนเนื้อที่หลายพันไร่ ซึ่งในอนาคตมีแผนว่าจะพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้มีทั้งที่พักอาศัย
โรงแรมและศูนย์การค้าอีกด้วย
ภายในพิพิธภัณฑ์พระได้มีการจัดแสดงพระพุทธรูปยุคต่างๆตั้งแต่โบราณเริ่มจากยุคคันธราษฎร์ ทวารวดีเชียงแสนสุโขทัย
อู่ทอง ลพบุรี อยุธยาและรัตนโกสินทร์ มากกว่า500องค์นอกจากนี้ยังมีพระบูชาอีกคือพระเครื่องชุดเบญจภาคีจานวน3
ชุด พระเบญจภาคียอดขุนพลพระร่วงหลังร่างปืนพระสมเด็จวัดระฆังซึ่งมีทุกพิมพ์พระกริ่งปวเรศ(ซึ่งเป็นพระ1ในจานวน22
องค์ในประเทศไทย)พระกริ่งจีนพระกิ่งเขมรพระกริ่งสายวัดสุทัศน์เทพวรารามพระกริ่งวัดบวรฯพระสมเด็จจิตรดา
พระหลวงปู่ทวดทุกพิมพ์นอกจากนี้แล้วยังมีการสะสมเหรียญยอดนิยมต่างๆอีกเป็นจานวนมากอาทิเช่นหลวงพ่อกลั่นเหรียญ
ร.5ในแบบต่างๆให้ชมมากกว่า2,000องค์ รวมถึงที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีพระพุทธรูปที่แกะจากหยกล้านปี ซึ่งมีน้าหนักรวมกว่า
8 ตันผู้ที่ชื่นชอบศิลปะการสร้างพระพุทธรูปและมีศรัทธาไม่ควรพลาดชมเปิดบริการทุกวันเวลา09.00-17.00น.
พิพิธภัณฑ์และศูนย์ศึกษาชาวเขา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น3ของอาคารPDA(The Population&Community
- 6. พิพิธภัณฑ์ดา พิพิธภัณฑ์พระ-ประทีปโกลด์แลนด์ พิพิธภัณฑ์และศูนย์ศึกษาชาวเขา
อนุสรณ์ชาวไทยเชื้อสายจีนหมู่บ้านสันติคีรี หรือ"ดอยแม่สลอง"หรือ"เหมย เซอ เล่อ" ที่อาเภอแม่ฟ้ าหลวง
จังหวัดเชียงรายนั้นหมายถึงดินแดนแห่งความสงบสุขเดิมเป็นหมู่บ้านของอดีตทหารจีนคณะชาติ(ก๊กมินตั๋ง)กองพล
93 เป็นที่ตั้งของอนุสรณ์ชาวไทยเชื้อสายจีน
ซึ่งทหารจีนดังกล่าวได้ช่วยราชการไทยต่อสู้และปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ดอยหลวงดอยขาวและดอยผาหม่น
จ.เชียงรายพ.ศ.2514-2528และพื้นที่เขาย่าจ.เพชรบูรณ์ ในปี 2524และต่อมาได้รับสัญชาติไทยในที่สุด
พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์แห่งนี้จึงถูกสร้างโดยความรักความศรัทธาของคนในชุมชน
เพื่อเป็นการราลึกถึงคุณงามความดีของอดีตทหารจีนคณะชาติในการช่วยรักษาผืนแผ่นดินไทย
พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวดอยแม่สลอง
เมื่อเดินเข้าไปเราจะพบ“พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือประจาประเทศไทย”
ตัวอาคารหลักคืออาคารที่อยู่ตรงกลางออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน เป็น
"อนุสรณ์สถานทหารจีนคณะชาติภาคเหนือประจาประเทศไทย" ภายในมี“ป้ ายวิญญาณ”ของเหล่าทหารผู้วายชนม์
อาคารทางซ้ายมือเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ห้องที่1บอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง
ความเป็นมาของทหารชื้อสายจีนตั้งแต่ก่อนมาอยู่ประเทศไทยยึดตามวันเวลาในการรบเป็นสาคัญ
มีโมเดลแสดงถึงสนามรบและเส้นทางการเดินทัพรวมถึงจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของทหารในยุคนั้นส่วนอาคารทางขวาคือ
พิพิธภัณฑ์ห้องที่2 และ3 แสดงให้เห็นถึงการสงเคราะห์ต่างๆของสมาคมจีนเพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย
ทั้งการสงเคราะห์ในรูปแบบของสิ่งของและทุนการศึกษา
เวียงกาหลง “เมืองวัฒนธรรมแดนพุทธภูมิถิ่นกาขาวชาวศรีวิไล” คือคาขวัญของสถานปฏิบัติธรรมและเมืองสมัยโบราณ
เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชื่อ“เวียงกาหลง”
เวียงกาหลงตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยดงในเทือกเขาดอยหลวงในเขตบ้านป่าส้านหมู่ที่5 ตาบลหัวฝายอาเภอเวียงป่าเป้ า
จังหวัดเชียงรายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สาคัญอีกที่หนึ่ง ชุมชนโบราณแห่งนี้ไม่สามารถระบุได้ว่า
เป็นเมืองที่สร้างขึ้นในยุคสมัยใดเพราะไม่พบการพูดถึงเมืองนี้ในหลักฐานหรือบันทึกเลย
เรื่องราวของเมืองจึงบอกเล่าผ่านวัตถุต่างๆที่พบที่นี่เท่านั้น
สาหรับแผนผังในเมืองโบราณแห่งนี้เมื่อผ่านซุ้มประตูทางเข้าเข้าไปเราจะพบป้ ายอธิบายสถานที่ต่างๆ
ภายในเมืองนี้ประกอบด้วยวัดศูนย์การเรียนรู้
และเตาเผาโบราณ นอกจากนี้ผู้มาเยือนสามารถเดินท่องเที่ยวไปตามกาแพงทางเดินรอบๆเมือง
-6-
ชมทัศนียภาพอันสวยงามแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สัมผัสบรรยากาศสมัยก่อนได้
นอกจากวัดเวียงกาหลงอันสงบร่มรื่นแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้ของการมาเยือนที่นี่คือเตาเผาโบราณ
ใช้เผาเครื่องปั้นดินเผาอันเลื่องทั้งความงามและและคุณภาพของที่นี้บนเครื่องเคลือบแต่ละชิ้นปรากฏลวดลายอ่อนช้อยงดงาม
ทั้งสัตว์เช่นลายกา ลานกิเลนลายพันธุ์ไม้ เช่น
ลายก้านขด ลายกาคู่ โดยเฉพาะลายกานั้นถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยทีเดียว
- 7. ลายนี้เกิดจากการดัดแปลงรูปกลีบดอกไม้หรือใบไม้ ให้เหมือนรูปนกกา จึงเรียกว่าลายกาหรือดอกกาหลงนั่นเอง
ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้ าหลวง
ตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้ าหลวง
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ100ปี แห่งวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
นับเป็นเครื่องหมายแห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
เป็นศูนย์กลางการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยและในภูมิภาครวมทั้งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธ
รรมระหว่างประเทศจีน-ไทยลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบจีนแท้มีสวนน้าตรงกลางแบบซูโจว
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจีนจากมณฑลเสฉวนวัสดุกระเบื้องหลังคารูปปั้นประดับหลังคา
สิงโตคู่แกะสลักด้วยหินอ่อนที่หน้าศูนย์ฯนามาจากประเทศจีนทั้งสิ้น
ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
เสด็จเยือนประเทศจีนและมีห้องสมุดให้ค้นคว้า
อนุสรณ์าวไทยเชื้อสายจีน เวียงกาหลง ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร
รอยพระบาทแห่งสันติภาพ รอยพระบาทแห่งสันติภาพที่ปัจจุบันอยู่ภายในค่ายเม็งมหาราชนั้น
เป็นหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้นาพาความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินไทยตอนเหนือ
ซึ่งในอดีต ราว3-
4ทศวรรษที่ผ่านมาได้เกิดความไม่สงบขึ้นเนื่องจากการสู้รบกันของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยึดฐานที่ตั้งอยู่ที่ดอยผาหม่นหรือดอยภู
ชี้ฟ้ าในปัจจุบันกับเจ้าหน้าที่รัฐ
สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสมรภูมิรบบนยอดดอยที่วีรบุรุษผู้กล้าของไทยมากมายต้องต่อสู้และเสียสละชีวิตเพื่อปกป้ องอธิปไตยของ
ชาติจากความพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)จนกระทั่งวันที่27กุมภาพันธ์พ.ศ.2525 การรบพุ่งสงบลง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี
พระวรราชาธินัดดามาตุทรงเยี่ยมบ้านพญาพิภักดิ์ณสันดอยยาวพอ.วิโรจน์ทองมิตรได้นาอดีตผู้นา
ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เข้าเฝ้ าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อแสดงความ
- 9. สามารถให้ร่มเงาให้แก่คนได้ 20คน
ประชาชนมีความเชื่อว่าหากนาไม้มาค้ากิ่งนิโครธน้าจะทาให้บรรลุความปรารถนาเช่นเดียวกับต้นกัลปพฤกษ์กล่าวคือ
ทิศตะวันออกได้บุตรสมประสงค์ทิศเหนือได้ทรัพย์ทิศตะวันตกเจริญรุ่งเรือง และทิศใต้อายุยืนนานปัจจุบันคงเหลือเพียงพระ
-8-
สถูปช้างมูบเป็นเจดีย์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนก้อนหินใหญ่ ซึ่งมีลักษณะเหมือนช้างหมอบอยู่สภาพโดยเป็นต้นโพธิ์ใหญ่
และต้นสนซึ่งใช้ปลูกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้า
รอยพระบาทแห่งสันติภาพ หอวัฒนธรรมนิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ สถูปดอยช้างมูบ
ชมวัง เที่ยววัด
พระตาหนักดอยตุง อยู่บริเวณกม.ที่ 12 ทางหลวงหมายเลข1149
เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระ-ตาหนักเป็นอาคารสองชั้น
มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของสวิส มีการแกะสลักไม้ตามกาแล
เชิงชายและขอบหน้าต่างเป็นลวดลายต่างๆฝีมือช่างชาวเหนือ
ดอยตุงนอกจากจะมีพระธาตุดอยตุงที่เป็นที่เลื่อมใสแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมากคือ“พระตาหนักดอยตุง”
หรือ“พระตาหนักสมเด็จย่า”นั่นเองตัวสถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมมีกลิ่นอายล้านนาและความเรียบง่าย
รอบพระตาหนักรายล้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ทาให้ที่นี่สวยงามร่มรื่นมาก
พระตาหนักดอยตุงถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เกิดโครงการพัฒนาดอยตุงฯ
โดยพระราชดารัสของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เมื่อเดือนธันวาคมพ.ศ.2530
พระองค์ทรงแปรพระราชฐานมาทรงงานที่นี่และนับได้ว่าเป็น“บ้าน”หลังแรกของพระองค์
พระตาหนักสร้างอยู่บนเนินเขาทาให้มองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลลักษณะเด่นคือเป็นศิลปะแบบล้านนาบ้านปีกไม้ มีกาแล
ผสมกับลักษณะบ้านพื้นเมืองของชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่เรียกว่าชาเลต์(SwissChalet)
มีไม้แกะสลักเป็นเชิงชายลายเมฆไหลอ่อนช้อยเน้นความเรียบง่ายแต่ใช้สอยได้อย่างครบครันมีสองชั้นและชั้นลอย
สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษคือเพดานดาวที่มีตาแหน่งของดาวเรียงกันเหมือนเช่นในวันพระราชสมภพ
นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมห้องบรรทมและห้องทรงงานที่สงบเรียบง่ายแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
รอบพระตาหนักตกแต่งเป็นสวนสวยงามด้วยดอกไม้หลายสายพันธุ์
- 10. พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณกม.ที่ 17.5 ของทางหลวงหมายเลข1149เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย
(กระดูกไหปลาร้า)ของพระพุทธเจ้านามาจากมัธยมประเทศนับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์
ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทยเมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ได้ทาธงตะขาบ(ภาษาพื้นเมืองเรียกว่าตุง)
ใหญ่ยาวถึงพันวาปักไว้บนยอดดอยถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหนก็จะกาหนดเป็นฐานพระสถูป
เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทยจึงปรากฏนามว่าดอยตุง พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สาคัญ
เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงจะมี
-9-
พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่นชาวเชียงตุงในรัฐฉานประเทศสหภาพพม่า
ชาวหลวงพระบางเวียงจันทน์เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี
หอแห่งแรงบันดาลใจมูลนิธิแม่ฟ้ าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ทาการปรับปรุงหอพระราชประวัติ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและเปลี่ยนเนื้อหานิทรรศการเป็น "หอแห่งแรงบันดาลใจ"
ถ่ายทอดพระราชจริยวัตรในการทางาน
และพระวิริยะอุตสาหะที่มุ่งพัฒนาความเป็นอยู่ของคนไทย โดยหวังให้ผู้เข้าชมได้เกิดแรงบันดาลใจยึดมั่นในความดีคิดดี
ประพฤติปฏิบัติดีเท่าที่ตนเองจะสามารถทาได้ เพื่อพลังแห่งความดีนี้จะได้ผลิดอกออกผลบานสะพรั่งไปทั่วทุกหนทุกแห่งเช่น
ราชสกุลมหิดลที่เปรียบเสมือนหยดน้าหยดเล็กๆที่ค่อยๆหลั่งรินสร้างแรงกระเพื่อม ดับร้อน
และบันดาลความชุ่มชื่นผาสุกไปทั่วแผ่นดินไทย
พระตาหนักดอยตุง พระธาตุดอยตุง หอแห่งแรงบันดาลใจ
วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ ถนนสิงหไคลริมแม่น้ากกใกล้ศาลากลางจังหวัดแต่เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธสิหิงค์องค์ที่ประดิษฐานอยู่ณวิหารลายคาวัดพระสิงห์เชียงใหม่ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าเจ้ามหาพรหม
พระอนุชาของพระเจ้ากือนากษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองกาแพงเพชร
พระเจ้ากือนาได้โปรดฯให้ประดิษฐานไว้ ณเมืองเชียงใหม่ต่อมาพระเจ้ามหาพรหม
ทูลขอยืมพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ที่เมืองเชียงรายเพื่อหล่อจาลอง แต่เมื่อสิ้นบุญพระเจ้ากือนาและพระเจ้าแสนเมือง
ราชนัดดาของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองเมืองเชียงใหม่เจ้ามหาพรหมคิดจะชิงราชสมบัติจึงยกกองทัพจากเชียงราย
ไปประชิดเมืองเชียงใหม่ แต่เจ้าแสนเมืองก็สามารถป้ องกันเมืองได้อีกทั้งยกทัพตีทัพเจ้ามหาพรหมมาถึงเชียงราย
- 11. และครั้งนี้เองที่ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์คืนกลับไปประดิษฐานอยู่ที่พระสิงห์เชียงใหม่สืบมา
วัดนี้นอกจากเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์แล้ว ยังมีรอยพระพุทธบาทจาลองบนแผ่นศิลากว้าง5นิ้วยาว2 ฟุต
มีอักษรขอมโบราณจารึกว่า"กุศลาธมมา-อกุศลาธมมา"สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช
วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดดอยทอง ตาบลเวียงอาเภอเมืองเชียงราย พระธาตุเป็นมงคลนามแห่งเมืองเชียงราย
เดิมเป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่ามีมาก่อนที่พ่อขุนเม็งรายจะมาพบพื้นที่และสร้างเป็นเมืองเชียงรายในปี พ.ศ. ๑๘o๕
ตามหลักฐานปรากฏในหนังสือพงศวดารโยนกของพระยาประชากรจักรกล่าวว่า เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงแล้ว๙๕๖
พรรษามีพระเถระเจ้ารูปหนึ่งนามพระพุทธโฆษาเป็นชาวโกศลเมื่อสุธรรมวดี(สะเทิ้ม)
ในสามัญประเทศได้ออกไปสู่เมืองลังกาทวีปนาคัมภีร์พระไตรปิฏกแห่งลังกาทวีปมาสู่สามัญทวีปและพุกามประเทศ
และเข้ามาสู่โยนกนครไชยบุรีศรีเชียงแสนในวันจันทร์ขึ้น๘ค่า
-10-
เดือน ๖ ปีชวด มหาศักราชได้ ๓๓๕(พ.ศ.๑๔๘๓) นาพระบรมสารีริกธาตุ๓ขนาดรวม๑๖องค์ ถวายแก่พระเจ้าพังคราชเจ้า
เมืองโยนกนาคพันธ์พระองค์ได้แบ่งได้แบ่งเป็นพระธาตุขนาดใหญ่หนึ่ง ขนาดกลางสองรวมสามองค์ส่งให้พญาเรือนแก้ว
เจ้าเมืองไชยนารายณ์ (บริเวณอาเภอเวียงชัยในปัจจุบัน)ส่วนหนึ่งบรรจุลงมหาสถูปบนดอยทอง
ขนานนามว่าพระธาตุดอยจอมทองเพื่อเป็นมงคลนามของเมืองมีพิธีสรงน้าพระธาตุทุกวันขึ้น๑๕ค่าเดือน ๓ (เดือน ๕ เหนือ)
วัดร่องขุ่น เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆด้วยฝีมือการออกแบบและก่อสร้างของอ.เฉลิมชัย
โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นวัดประจาบ้านเกิดสร้างโดยจินตนาการของอาจารย์จัดเป็นงานพุทธศิลป์ ที่ยิ่งใหญ่
และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่ง อ.เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่3ประการคือเพื่อชาติ
ศาสนาและพระมหากษัตริย์ซึ่งอาจารย์บอกว่า จึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิตใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง
สร้างงานพุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานประจารัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด"
(จากเอกสารของวัดร่องขุ่น)ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่"โบสถ์"เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์
เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว
แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้ากระจกขาวหมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์
และจักรวาล สะพานหมายถึงการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึงโลกมนุษย์
วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหูหมายถึงกิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์
ผู้ที่จะเข้าเฝ้ าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร
เพื่อเป็นการชาระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้ายและพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา
บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน16ตนข้างละ8 ตนหมายถึงอุปกิเลส16
จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดาด้านล่างเป็นสระน้าหมายถึงสีทันดรมหาสมุทร
มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน6ชั้นด้วยกันผ่านสวรรค์6เดินลงไปสู่พรหม16ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์16ดอกรอบพระอุโบสถ
ดอกที่ใหญ่สุด4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึงซุ้มพระอริยเจ้า 4พระองค์ประกอบด้วยพระโสดาบันพระสกิทาคามี
- 12. พระอนาคามีและพระอรหันต์เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา ก่อนขึ้นบันไดครึ่งวงกลมหมายถึงโลกุตตรปัญญา
บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทนอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตาผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม4แทนด้วยดอกบัวทิพย์4
ดอกและบานประตู4 บานบานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่างซึ่งหมายถึงความหลุดพ้น
แล้วจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิ ภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมดผนัง4 ด้าน
เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรมส่วนบนของหลังคาโบสถ์
ได้นาหลักการของการปฏิบัติจิต3ข้อ คือศีล สมาธิปัญญา
นาไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆของโบสถ์ของวัดร่องขุ่นส่วนรายละเอียดจริงๆนั้น
อาจารย์บอกว่าจะสร้างทั้งหมด9หลังแต่ละหลังมีความหมายเป็นคติธรรมทุกหลัง
ผมหวังจะสร้างงานพุทธศิลป์ ของแผ่นดินให้ยิ่งใหญ่อลังการเพื่อให้คนทั้งโลกยอมรับและปรารถนาจะมาชื่นชมให้ได้
จะถวายชีวิตสร้างจนลมหายใจสุดท้ายและได้สร้างลูกศิษย์รอรับช่วงต่ออีก 2รุ่นหลังผมตายคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง9
หลัง คงใช้เวลาทั้งหมด60-70ปีครับ" นอกจากจะชมความงดงามของพระอุโบสถแล้ว ยัง
-11-
สามารถเข้าชมผลงานของอาจารย์และเลือกซื้อของที่ระลึกจากวัดร่องขุ่นได้อีกด้วย
วัดพระสิงห์ วัดพระธาตุดอยจอมทอง วัดร่องขุ่น
วัดพระแก้ว ถนนไตรรัตน์เป็นวัดที่ค้นพบพระแก้วมรกตหรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่ประดิษฐานอยู่ณวัดพระแก้ว
กรุงเทพฯในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๗ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น
ฟ้ าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่งและได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์
ต่อมารักกะเทาะออกจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวสร้างด้วยหยก คือพระแก้วมรกตนั่นเอง
ปัจจุบันวัดพระแก้วเชียงรายเป็นที่ประดิษฐานพระหยก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
มีพระชนมายุครบ90 พรรษา
- 13. วัดกลางเวียง วัดกลางเวียงคือวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเวียงเชียงรายเดิมชาวบ้านเรียกว่าวัดจันทน์โลกหรือวัดจั๋นตะโลก
เพราะในวัดเคยมีต้นจันทน์แดงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ถือเป็นไม้มงคลใช้บูชาพระตามธรรมเนียมโบราณ
วัดมิ่งเมือง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อพ.ศ.2513 เป็นวัดใหญ่ สมัยก่อนมีชุมชนไทยใหญ่อยู่เรียกว่าวัดเงี้ยวหรือ
วัดช้างมูบเวลานี้มีการบูรณะเจดีย์โบราณณของวัดพบจารึกบนแผ่นเงินจารึกเป็นภาษาพม่าแปลออกมาเป็นผู้สร้างจากเจดีย์
โบราณวัดภาษายังมีปรากฎอยู่เป็นศิลปะผสมระหว่างพม่าและล้านนา
วัดพระแก้ว วัดกลางเวียง วัดมิ่งเมือง
-12-
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงแสนด้านทิศตะวันออก สร้างโดยพระเจ้าแสนภู
เมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่๑๙โบราณสถานประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงระฆังแบบล้านนาสูง๘๘ม. ฐานกว้าง
๒๔ ม. เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเชียงแสนนอกจากนี้มีพระวิหาร ซึ่งเก่าแก่มากพังทลายเกือบหมดแล้วและเจดีย์รายแบบต่างๆ
๔องค์
วัดพระเจ้าล้านทอง อยู่ในเขตกาแพงเมืองเจ้าทองงั่วราชโอรสพระเจ้าติโลกราชเป็นผู้สร้างเมื่อพ.ศ.2032
ได้ทรงหล่อพระพุทธรูปองค์หนื่งหนักล้านทอง(1,200กก.)ขนานนามว่าพระเจ้าล้านทองเป็นพระประธานหน้าตักกว้าง2ม.
สูง 3 ม.เศษ ในวัดนี้ยังมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งได้มาจากวัดทองทิพย์ซึ่งเป็นวัดร้าง เรียกกันว่า
พรเจ้าทองทิพย์เป็นพระพุทธรูปทองเหลืองพระพักตร์งดงามมากลักษณะเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยหน้าตักกว้าง1ศอก 15
นิ้ว สูง 2 ศอก 10 นิ้ว
วัดป่าสัก อยู่ห่างจากที่ว่าการอาเภอเชียงแสนประมาณ๑กม.ในเขต ต.เวียงพระเจ้าแสนภูทรงสร้างเมื่อพ.ศ. 1838
และให้ปลูกต้นสักล้อมกาแพง300ต้น วัดนี้จึงได้ชื่อว่า"วัดป่าสัก"ภายในวัดมีโบราณสถานที่สาคัญคือ
เจดีย์ประธานทรงมณฑปยอดระฆังตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรมีฐานกว้าง 8ม.สูง 12.5 ม.
เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตร
- 14. วัดพระธาตุเจดีย์หลวง วัดพระเจ้าล้านทอง วัดป่าสัก
วัดสังฆาแก้วดอนหัน มีประวัติว่าสร้างโดยพรเจ้าลวจักราชเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 12
แต่หลักฐานที่พบแสดงว่ามีอายุอยู่ในช่วงไม่เกินพุทธศตวรรษที่ 21
กรมศิลปากรได้ขุดพบหลักฐานที่พบแสดงว่ามีอายุอยู่ในช่วงไม่เกินพุทธศตวรรษที่ 21
กรมศิลปากรได้ขุดพบภาพขูดขีดบนแผ่นอิฐเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระชาติของพระพุทธเจ้า ตอนพระเวสสันดรชาดกเช่น
พระเวสสันดรเดินป่าชูชกเฝ้ าพระเวสสันดรเป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนจิตรกรรมฝาผนังที่หลุดพังมาจากผนังวิหารมีสภาพแตกหัก
แต่ยังคงเหลือลักษณะของสีและตัวภาพซึ่งใช้สีชาดและสีแดงเพียง 2สีนับได้ว่าเป็นการค้นพบที่สาคัญทางวิชาการอย่างยิ่ง
วัดพระธาตุผาเงา อยู่ห่างจากอาเภอเชียงแสนไปตามเส้นทางเชียงแสน-เชียงของประมาณ4กม.
อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสบคาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมมีเนื้อที่ 143ไร่ มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดเล็กตั้งอยู่บนหินก้อนใหญ่
วิหารปัจจุบันสร้างทับซากวิหารเดิมบนยอดเขาข้างหลังวัด
เป็นที่ตั้งของพระบรมพุทธนิมิตรเจดีย์ที่มองเห็นทิวทัศน์สวยงามได้โดยรอบ
-13-
วัดเจดีย์เจ็ดยอด อยู่เหนือวัดพระธาตุผาเงาขึ้นไปบนดอยประมาณ 1กิโลเมตรตัววัดหักพังหมดแล้ว
เหลือแต่เพียงซากอิฐเก่าๆแทบไม่เห็นรูปร่างเดิมอาจกล่าวได้ว่า วัดพระธาตุผาเงาและวัดเจดีย์เจ็ดยอดอยู่บนเขาลูกเดียวกัน
มีบริเวณต่อเนื่องกันอย่างกว้างขวางบริเวณร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ สมกับเป็นสถานปฏิบัติธรรม
วัดสังฆาแก้วดอนหัน วัดพระธาตุผาเงา วัดเจดีย์เจ็ดยอด
- 15. วัดพระเจ้าทองน้อยตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ถนนพหลโยธินตาบลเวียงอาเภอเชียงแสนจังหวัดเชียงราย
อยู่(ตรงข้ามกับวัดพระเจ้าล้านทอง)วัดนี้ประกอบด้วยเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังวิหารซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
กาแพงวัดและอาคารอื่นๆถูกทาลายไปแล้ว ปัจจุบันเป็นวัดร้างไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างน่าจะถูกทิ้งร้างไปหลัง
พ.ศ. 2347เมื่อทัพล้านนายกมาขับไล่พม่าสันนิษฐานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่21
วัดพระยืนเชียงแสน ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงพระเจดีย์เท่านั้นเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนลดหลั่นกันสามชั้น
มีเรือนธาตุย่อมุมมีลวดบัวคาดกลางโดยตลอดตอนบนเป็นระฆังแปดเหลี่ยมตามตานานและพงศาวดารกล่าวว่าพญาคาฟู
โอรสของพญาแสนภูทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1875 ต่อมาพระเจดีย์เกิดชารุด
พระยาหลวงไชยชิตจึงทาการซ่อมแซมเมื่อพ.ศ.2181 จากรูปแบบของสถาปัตยกรรม
สันนิษฐานว่าน่าจะก่อสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่21
วัดพระแก้ว เชียงของ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 13 ตาบลเวียงอาเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
เป็นอีกวัดหนี่งในเชียงของที่ตั้งอยู่กลางเมืองตั้งอยู่ห่างที่ว่าการอาเภอฯประมาณ 400เมตรบนถนนสายหลักเชียงของ-
เชียงแสน(ติดกับที่ทาการไปรษณีย์)ทางเข้าวัดจะติดถนนสายหลักแต่อีกด้านหนึ่งจะติดแม่น้าโขง
ดังนั้นบริเวณวัดจึงสามารถมองเห็นวิวน้าโขงสวยงามมาก รวมทั้งมองเห็นฝั่งลาวได้ชัดเจนอีกด้วย
ภายในวัดมีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่ทาจากหินน้าโขงที่งดงามมาก
บริเวณด้านติดแม่น้าโขงมีม้านั่งหินอ่อนให้ท่านนั่งชมทัศนียภาพน้าโขงและฝั่งลาวตลอดแนววัด
วัดพระเจ้าทองน้อย วัดพระยืนเชียงแสน วัดพระแก้ว เชียงของ
วัดศรีดอนชัย เดิมชื่อ “วัดตุงคา”ตั้งอยู่บริเวณสถานีตารวจภูธรอาเภอเชียงของปัจจุบันต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2400
ได้ย้ายมาสร้างวัดใหม่ทางทิศตะวันตกติดกับประตูชัย(ที่ตั้งวัดปัจจุบัน)และได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า“วัดศรีดอนชัย”วัดศรีดอน
-14-
ชัย เป็นศูนย์กลางจัดการศึกษาของคณะสงฆ์อาเภอเชียงของโดยได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมมาตั้งแต่พ.ศ.2580
แผนกสามัญศึกษามาตั้งแต่พ.ศ.2525 และเป็นสถานที่สอบธรรมสนามหลวงประจาอาเภอเชียงของประจาทุกปี
และได้รับยกย่องจากกรมการศาสนาให้เป็น“วัดพัฒนาตัวอย่าง”เมื่อพ.ศ. 2519
มีปูชนียวัตถุที่สาคัญอันเป็นที่สักการบูชาของพุทธศาสนานิกชนคือ “ หลวงพ่อเพชร”ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงของ
และพระธาตุศรีเวียงดอนชัยมีประเพณีสักการบูชาเป็นประจาทุกปีในวันมาฆบูชา
วัดหลวงหรือวัดไชยสถานเป็นอีกวัดหนึ่งที่ด้านหน้าติดถนนสายหลักเชียงของ-เชียงแสนและอีกด้านอยู่ติดกับแม่น้าโขง
วัดหลวงอยู่ห่างจากวัดพระแก้วไม่เกิน100เมตรตัววิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก(ทางแม่น้าโขงและเมืองห้วยทราย
สปป.ลาว) ดังนั้นอยู่บนบริเวณวัดจึงมองเห็นทัศนียภาพน้าโขงและเมืองลาวได้อย่างชัดเจน
- 16. ถัดจากชั้นบริเวณวัดมีบริเวณให้อีกชั้นหนึ่งที่สาหรับจอดรถและนั่งชมวิวก่อนที่จะถึงชั้นถนนตัวหนอนเลียบน้าโขง ช่วงเย็นๆ
อากาศเย็นสบายและทิวทัศน์สวยงามมาก
วัดหาดไคร้ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายที่เด่นๆในวัดจะมีเพียงพระประธานและพญานาคหน้าวัด
แม่น้าโขงช่วงผ่านหน้าวัดหาดไคร้นี้เป็นวังน้าลึก และเป็นช่องแคบกว่าแม่น้าโขงช่วงอื่น
เป็นจับปลาบึกเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยการจับปลาบึกที่บ้านหาดไคร้ มักจะทาพิธีอยู่ที่ลานหน้าวัดไคร้
ดาเนินการโดยชมรมจับปลาบึกอาเภอเชียงของโดยมีการจับฉลากระหว่างเรือจากฝั่งไทยและลาวสลับกัน
ก่อนเปิดฤดูจับปลาจะมีพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกในวันที่18เม.ย.ที่ลานจับปลาบึกริมแม่น้าโขงด้านหลังวัดหาดไคร้
ปลาบึกที่จะจับขายได้คือปลาบึกตัวผู้ที่โตเต็มวัยเท่านั้น
หากเป็นปลาตัวเมียจะรีดไข่หรือขายให้กับกรมประมงเพื่อนาไปขยายพันธุ์
วัดศรีดอนชัย วัดหลวงหรือวัดไชยสถาน วัดหาดไคร้
พระธาตุดอยปูเข้า ตามเส้นทางเชียงแสน-สบรวกแยกซ้ายก่อนถึงสามเหลี่ยมทองคาเล็กน้อย
รถยนต์สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาหรือจะเดินขึ้นบันไดก็ได้ พระธาตุดอยปูเข้านี้สร้างขึ้นบนดอยเชียงเมี่ยง ริมปากน้ารวกเมื่อ
พ.ศ. 1302ในสมัยพระยาลาวเก้าแก้วมาเมืองกษัตริย์องค์ที่2แห่งเวียงหิรัญนครเงินยางโบราณสถานประกอบด้วยพระวิหาร
และกลุ่มเจดีย์ที่พังทลายก่อด้วยอิฐมีร่องรอยการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นนอกจากนี้บนดอยเชียงเมี่ยงยังเป็นจุดชมวิว
สามารถมองเห็นสามเหลี่ยมทองคาได้ชัดเจน
พระธาตุจอมแว่ อยู่บนภูเขาจอมแว่ หมู่ที่ 2 ต.เมืองพาน 3 กม.
เป็นพระธาตุที่มีประชาชนชาวอ.พานและอ.ใกล้เคียงนับถือกันว่าเป็นพระธาตุอันศักดิ์สิทธิเมื่อถึงเดือน8 เหนือหรือเดือน 9 ใต้
ขึ้น 15 ค่า จะมีงานนมัสการองค์พระธาตุทุกปี
วัดทรายขาว พาน เป็นวัดมหานิกายเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ2400 โดยมีพ่อหนานอริยะ-แม่มัง
ได้พาญาติพี่น้องอพยพครอบครัวจากบ้านหลวงอ.ดอยสะเก็ดจ. เชียงใหม่ มาตั้งภูมิลาเนาอยู่ริมลาห้วยทรายขาว
ตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านห้วย
-15-
ทรายขาวต.แม่หนาดอ.พานจ.เชียงรายจนถึงพ.ศ.2436 พ่ออุ้ยตา-แม่อุ้ยป้ ออริยะมั่งเป็นบุตรพ่อหนานอริยะ-แม่มั่ง
เป็นผู้มีฐานะดีได้เสียสละกาลังทรัพย์เป็นผู้นาย้ายวัดทรายขาวมาตั้งที่อยู่ ปัจจุบัน
- 17. พระธาตุดอยปูเข้า พระธาตุจอมแว่ วัดทรายขาว พาน
ธรรมชาติ
ไร่แม่ฟ้ าหลวง อุทยานศิลปะและวัฒนธรรมบนเนื้อที่กว่า 150ไร่ กลางเมืองเชียงราย
เป็นที่เก็บรักษาศิลปะวัตถุอันล้าค่าของวัฒนธรรมล้านนา เชิญนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในหอคา
ชมงานนิทรรศการเรื่องไม้สักพร้อมชมงานศิลปะพื้นบ้านในหอแก้วล้อมรอบตัวด้วยบึงน้าอันสงบเงียบ
มีสวนไม้หอมและพฤกษานานาพันธ์
สวนแม่ฟ้ าหลวง ตั้งอยู่ด้านหน้าพระตาหนักดอยตุงมีเนื้อที่ประมาณ 10ไร่ เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ
มีดอกไม้เมืองหนาวอาทิ ดอกซัลเวียพิทูเนียบีโกเนียกุหลาบดอกลาโพงไม้มงคลต่างๆ
นอกจากนั้นยังมีไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลี้อยอีกมากกว่า 70ชนิดและยังมีรูปปั้นต่อเนื่อง ฝีมือปั้นของคุณมีเซียมยิปอินซอย
มีศาลาชมวิวและร้านจาหน่ายสินค้าของที่ระลึกโดยมูลนิธิแม่ฟ้ าหลวง สวนแม่ฟ้ าหลวงสร้างโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เพื่อถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
และในบริเวณใกล้กับสวนแม่ฟ้ าหลวงจะมีหอพระราชประวัติซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ
และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
สวนรุกขชาติแม่ฟ้ าหลวง มีเนื้อที่250 ไร่ มีเส้นทางให้เดินลัดเลาะเข้าไปในดงกุหลาบพันปี
สถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ตระกูลกุหลาบพันปีไว้มากที่สุดในประเทศ จุดชมวิวที่สูงที่สุดของเทือกเขานางนอน
ดอยช้างมูบ และยังมีกล้วยไม้ป่ากล้วยไม้ดิน
และรองเท้านารี จะสวยงามมากในช่วงที่ต้นพญาเสือโคร่งและเสี้ยวดอกขาวบานสะพรั่งช่วงเดือนมกราคม
บริเวณด้านในมีลานชมวิวต่างๆเช่นลานรุ่งอรุณลานอัสดงจุดส่องสามแคว้น (ไทย-พม่า-ลาว)
ไร่แม่ฟ้ าหลวง สวนแม่ฟ้ าหลวง สวนรุกขชาติแม่ฟ้ าหลวง
-16-