More Related Content
Similar to ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
Similar to ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร (20)
More from Intrapan Suwan (7)
ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร
- 2. จังหวัดลำปางเป็นแหล่งอารยธรรมของล้านนาไทยที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ในอดีตมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ศรีดอนชัย
ลัมภะกัมปนคร เขลางค์นคร เวียงละกอน และ กุกกุฎนคร เมืองเขลางค์นครเป็นเมืองคู่แฝดกับอาณาจักรหริภุญไชย
ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง ในปัจจุบัน โดยมีพระเจ้าอนันตยศ พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวีเคยมา
ปกครองเมืองนี้ในระยะแรกๆ ในภาษาล้านนา คำว่า ขลาง หมายถึง แอ่งกระทะ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ที่มี
ภูเขาล้อมรอบ มีการทับถมของตะกอนดินซากพืชซากสัตว์จนเป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ ชาวลำปางมีชีวิตเรียบง่าย
เลื่อมใสศรัทธาและยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น ซึ่งจะเห็นว่าในจังหวัดลำปางมีพุทธสถานที่สำคัญมากมาย
ผักถือเป็นพืชที่นำมารับประทานทั้งสดหรือปรุงให้สุก ในผักนานา ชนิดจะประกอบด้วยสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
ที่สำคัญหลายกลุ่ม เช่น เทอร์พีนอยด์ แอลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น องค์ประกอบทางเคมีเหล่านี้จะช่วยให้
กระบวนการเมแทบอลิซึมในร่างกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายอีกด้วย
คนในสมัยโบราณนิยมรับประทานผักเป็นกิจวัตร โดยนำมาทำเป็นเครื่องเคียงหรือประกอบอาหารโดยตรง เช่น แกงแค
ภูมิปัญญาชาวบ้านหรือของชาวลำปางที่สั่งสมลองผิดลองถูกในการนำผักมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง ปลอดภัย ไม่เป็น
อันตรายต่อสุขภาพนั้น ได้มีการสืบทอดมาช้านาน
สังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนทำให้การนำผักมารับประทานในหมู่เยาวชนแทบจะไม่มีให้เห็น
ซ้ำยังปฏิเสธผักอีกด้วย จึงเป็นสิ่งที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงจะต้องช่วยกันรณรงค์ให้เยาวชนหันมารับประทานผัก
ปลอดสารพิษและการปลูกผักไว้ทุกบ้านเรือน นอกจากนี้จะต้องให้ความรู้ถึงประโยชน์และโทษของการไม่รับประทานผัก
อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในที่นี้หมายรวมถึง “ผักพื้นบ้าน” ด้วย การนำผักพื้นบ้านมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักรูปพรรณสัณฐาน
สรรพคุณทางยา และประโยชน์อื่นๆ เป็นแนวทางถึงที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางตระหนักถึง จึงมี
ความพยายามรวบรวมสรรพกำลังกายและความคิดจัดทำหนังสือ “ผักพื้นบ้านเขลางค์นคร” เล่มนี้ขึ้น
คณะวิทยาศาสตร์รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่คุณณรงค์ นันทะแสน นักวิชาการ กรมอุทยานสัตว์ป่า
และพั น ธุ ์ พ ื ช กระทรวงทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ ่ ง แวดล้ อ ม ที ่ ไ ด้ ก รุ ณ าเขี ย นขึ ้ น จาก
ประสบการณ์ แ ละความมุ ่ ง มั ่ นที ่ จ ะให้ ส ื ่ อ เล่ ม นี ้ เป็ น สมบั ต ิ ข องชาวลำปางและผู ้ ส นใจ
ตลอดไป ในส่ ว นของเนื ้ อ หาและภาพประกอบได้ ถ ่ า ยทำจากตลาดในจั ง หวั ด ลำปาง
แทบทั้งสิ้น ทั้งนี้บางชนิดใกล้สูญพันธ์ุไปแล้วก็มี และมีจำนวนมากที่เยาวชนคนรุ่นหลัง
ไม่ทราบชื่อ คณะผู้จัดทำได้แทรกชื่อภาษาล้านนาด้วยการเขียนอักขระตัวเมืองโดยคุณเนตร
กองสิน ปราชญ์ชาวบ้านแห่งอำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า
ผักพื้นบ้านเหล่านี้อยู่คู่กับชาวเขลางค์นครสืบไป
ในนามของนักศึกษา คณาจารย์ เจ้าหน้าที่คณะวิทยาศาสตร์ทุกท่าน
ต้ อ งขอขอบคุ ณ คุ ณ ณรงค์ นั นทะแสน อี ก ครั ้ ง ที ่ ได้ ส ละเวลาอั น มี ค ่ า
ตรวจทาน ออกแบบ พร้อมทั้งใส่จิตวิญญาณให้หนังสือนี้สำเร็จลง
อย่ า งสมบู ร ณ์ ผู ้ อ ่ า นท่ า นใดมี ม ุ ม มองบางมิ ต ิ ท ี ่ ต ้ อ งการแนะนำ
คณะวิทยาศาสตร์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอน้อมรับด้วย
ความเต็มใจ ขอคุณความดีของหนังสือเล่่มนี้จงเป็นแรงบันดาลใจ
ให้ผู้อ่านทุกคนร่วมกันอนุรักษ์ เผยแพร่ และสืบสาน ผักพื้นบ้าน
เขลางค์นคร ให้ดำรงอยู่คู่ชาวล้านนาตลอดไป
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิลาศ พุ่มพิมล)
คณบดีคณะวิทยาศาสตร์
- 3. ผักพื้นบ้านเขลางค์นครฉบับนี้ เป็นความพยายามของ ผศ.ดร.วิลาศ พุ่มพิมล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ และ
คุณณรงค์ นันทะแสน เจ้าหน้าที่สำนักหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคณะผู้จัดทำได้เก็บรวบรวมผักพื้นบ้านที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง โดยนำมาเสนอให้รู้ถึงชื่อ
ชนิด ลักษณะ ใบ ลำต้น ประโยชน์ด้านอาหาร ประโยชน์ด้านสมุนไพร หรือประโยชน์ทางยา วิธีนำมาใช้ ฯลฯ
ซึ่งองค์ความรู้ทั้งหมดเป็นทั้งทางวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานคุณค่าอย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
นับเป็นผลพวงแห่งความพยายามที่เป็นคุณูปการต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติโดยแท้
ผมขอแสดงความชื่นชมในผลงานและขอขอบคุณในนามของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ที่ ผศ.ดร.วิลาศ
พุ่มพิมล คุณณรงค์ นันทะแสน และคณะผู้จัดทำทุกคน ที่ได้ศึกษา ค้นคว้า และนำมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับ
ประโยชน์ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาระดีๆ ที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้จะถูกนำไปใช้ในการศึกษา
ค้นคว้าต่อยอด หรือใช้ในการถ่ายทอดเพื่อประโยชน์สุขในสังคมประเทศชาติต่อไป
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์เล็ก แสงมีอานุภาพ)
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
- 4. ความพากเพียรและพยายามในการอนุรักษ์ของดีต่างๆ ในท้องถิ่นทั้งด้านวัฒนธรรมและการอนุรักษ์วัฒนธรรม
โดยเฉพาะวั ฒ นธรรมในการบริ โภคอาหารที ่ เป็ น พื ช ผั ก ในท้ อ งถิ ่ น หรื อ ผั ก พื ้ น บ้ า นในแต่ ล ะภาคของแต่ ล ะประเทศ
ย่อมจะนำมาเพื่อความมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันในตัวผู้บริโภค คณะวิทยาศาสตร์ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.วิลาศ พุ่มพิมล คณบดี คณะวิทยาศาสตร์ และอาจารย์ณรงค์ นันทะแสน ได้ช่วยกันค้นคว้าและเรียบเรียงเขียนขึ้นมา
เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนในท้องถิ่นจังหวัดลำปางได้รับรู้และเข้าใจมากขึ้น
ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้สร้างผลงานที่มีประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นตามเจตนารมณ์
ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางทีี่ให้บริการทางวิชาการ และเผยแพร่ให้ชุมชนได้สามารถเรียนรู้อย่างถูกต้องและเป็น
วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะช่วยพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน และหวังว่าสาระดีๆ ที่มีอยู่ในหนังสือ
เล่มนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในท้องถิ่น เพิ่มคุณภาพชีวิตให้มีความสุข
ความแข็งแรงของชุมชนและประเทศชาติต่อไป
(นายประสิทธิ์ สิริศรีสกุลชัย)
ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง
- 5. หนังสือผักพื้นบ้านเขลางค์นคร เล่มนี้ ข้าพเจ้ามีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการเขียนตลอดจนถ่ายภาพผักต่างๆ
เพื่อที่จะนำเสนอผักให้หลากหลายชนิดที่ชาวนครลำปาง หรือ เขลางค์นคร ในอดีตใช้ในการบริโภคเป็นอาหารมาตั้งแต่
อดีตจวบจนปัจจุบัน ที่มีกรรมวิธีและวัฒนธรรมการบริโภคผักที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการที่
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมงานกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จึงได้มีโอกาสศึกษาพฤติกรรมการบริโภค
ผักของนิสิต นักศึกษา ตลอดจนเยาวชนทั่วไปในนครลำปาง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่นิยมบริโภคผัก หรือนิยมบริโภคผักที่มาจาก
ต่างแดน หรือจำพวกผักเศรษฐกิจที่มีลักษณะสีสดใส สวยงาม สะดุดตา ซึ่งปัจจัยสำคัญในขบวนการผลิตที่ขาดไม่ได้
คือ สารเคมีปราบคัตรูพืชที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเยาวชนทั้งหลายไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายในเรื่องนี้ ทำให้มองข้าม
ความสำคัญและคุณค่าทางโภชนาการตลอดจนประโยชน์ทางสมุนไพรของผักพื้นบ้าน หากทุกคนไม่ช่วยกันส่งเสริม
สร้างค่านิยมในการบริโภคผักพืนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากจะทำให้สขภาพร่างกายไม่แข็งแรงแล้ว วัฒนธรรมการบริโภค
้
ุ
ผักพื้นบ้านที่บรรพบุรุษได้สร้างสมเอาไว้เป็นมรดกทางปัญญาก็จะสูญหายไปในที่สุด ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริม
อนุรักษ์วัฒนธรรม ภูมิปัญญาในการบริโภคผัก ข้าพเจ้าพร้อมด้วยคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ตลอดเจ้าหน้าที่บุคลากร
ทุกท่าน จึงได้ร่วมมือกันจัดทำหนังสือผักพื้นบ้านเขลางค์นครเล่มนี้ เพื่อใช้เป็นสื่อในการทำความเข้าใจ และให้ความรู้
ความกระจ่างแก่นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ถึงประโยชน์และคุณค่าของผักพื้นบ้าน ตลอดจนกระตุ้นให้เยาวชนเป็น
ผู ้ ท ี ่ ม ี ค วามรั ก และหวงแหนในวั ฒ นธรรมและภู ม ิ ป ั ญ ญาของบรรพบุ ร ุ ษ ที ่ ได้ ม อบไว้ ให้ ภายในเล่ ม ได้ จ ั ด ภาพและ
คำบรรยายลักษณะของผักแต่ละชนิด ตลอดจนขั้นตอนวิธีการนำไปใช้ในการบริโภคและประโยชน์ทางสมุนไพร สำหรับ
ชื่อผักนั้นได้ใช้ชื่อพื้นเมืองเป็นชื่อหลักพร้อมเขียนตัวหนังสือล้านนากำกับไว้ด้วย เพื่อให้เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้สมบูรณ์
ที่สุดและใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการได้อย่างเป็นสากล จึงได้เขียนชื่อทางวิทยาศาสตร์ของผัก
แต่ละชนิดกำกับไว้อย่างครบถ้วน ข้าพเจ้าหวังว่าหนังสือผักพื้นบ้านเขลางค์นครเล่มนี้
คงจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่มีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับผักพื้นบ้านที่ชาว
นครลำปางใช้ บ ริ โภคมาตั ้ ง แต่ อ ดี ต จวบจนปั จ จุ บ ั น และขอขอบคุ ณ อธิ ก ารบดี
คณบดี เจ้าหน้าที่และบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏทุกท่าน ที่
ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดทำหนังสือ ผักพื้นบ้านเขลางค์นครเล่มนี้ จนสำเร็จ
ความดีของหนังสือที่ได้รับ ข้าพเจ้าขอมอบให้ชาวราชภัฏลำปางทุกท่าน หากมี
ข้อบกพร่องประการใด ข้าพเจ้ากราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
(ณรงค์ นันทะแสน)
- 6. เขลางค์นคร เป็นภาษาบาลี หมายถึง เมืองที่มีพื้นที่เป็นแอ่งรูปก้นกระทะซึ่งมีปรากฏอยู่
ในตำนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๓ เป็นชื่อเดิมเมืองลำปางในอดีต เมืองเขลางค์นครมีฐานะ
เป็นเมืองหลวงคู่แฝดของอาณาจักรหริภุญไชย เมืองเขลางค์นครแห่งอาณาจักรหริภุญไชยแห่งนี้
มีผู้ปกครองสืบทอดต่อกันมาตลอด ก่อนที่จะมีการสถาปนาอาณาจักรล้านนาของพระยามังราย
ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำกกตอนเหนือ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีการปฏิรูประบอบการปกครองเป็นระบบ
มณฑล เมื อ งลำปางจึ ง ได้ ข ึ ้ น อยู ่ ก ั บ มณฑลพายั พ (เมื อ งเชี ย งใหม่ ) และมณฑลมหาราษฎร
(เมืองแพร่) ต่อมาจึงได้เปลียนเป็นจังหวัดลำปางในสมัยรัชกาลที่ ๖ จังหวัดลำปางจึงเป็นจังหวัดหนึง
่
่
ในภาคเหนือ ตอนบน ภู ม ิ ป ระเทศ ทิ ศ เหนื อ ติ ด ต่ อ จั ง หวั ด เชี ย งรายและจั ง หวั ด พะเยา ทิศ ใต้
ติดต่อจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดตาก ทิศตะวันออกติดต่อจังหวัดแพร่ และทิศตะวันตกติดต่อจังหวัด
เชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เมืองลำปางอยู่ในหุบเขารูปแอ่งกระทะล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงชัน
บางส่วนก็ผดขึนเป็นแนวหินแกรนิตบนเทือกเขาผีปนน้ำด้านทิศตะวันตก ในบางยุคเกิดการเคลือนตัว
ุ ้
ั
่
ของเปลือกโลกอย่างรุนแรงจึงทำให้เกิดแอ่งที่ราบขนาดใหญ่ และทิวเขาที่ทับซ้อนกัน เมื่อผ่าน
กาลเวลามายาวนานส่วนที่เป็นแอ่งก็ได้กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เกิดการทับถมของตะกอนและ
ซากพืชซากสัตว์จนกลายเป็นผืนดินที่ราบ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแหล่งน้ำมันและถ่านหินลิกไนต์
ด้วยลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ จึงทำให้อากาศอบอ้าวแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับ
อิ ท ธิ พ ลจากมรสุ ม ตะวั นตกเฉี ย งใต้ แ ละมรสุ ม ตะวั นตกเฉี ย งเหนื อ ซึ ่ ง มี อ ากาศแตกต่ า งกั น
ตามฤดูกาล ในฤดูหนาวค่อนข้างหนาวจัด ส่วนฤดูร้อนจะยาวนาน สำหรับบริเวณที่ราบภูเขาสูงและ
ที่ราบลุ่มฝั่งแม่น้ำอันเป็นที่ราบดินตะกอนเก่า ผืนดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำวังไหลผ่าน
บางพื้นที่เป็นแหล่งที่ทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี บางส่วนก็ปกคลุมไปด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์
ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของเมืองลำปาง ดังนั้นวิถีชีวิตของชาวเขลางค์นครหรือชาวเมืองลำปาง
ในอดีตจึงผูกติดอยู่กับการทำเกษตรกรรมและการล่าสัตว์ ตลอดจนการเก็บหาของป่า พืชผักต่างๆ
ที่มีอยู่ในธรรมชาติเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละชุมชน ซึ่งอาจมีความ
แตกต่างกันบ้างด้านกรรมวิธี อันที่จริงชุมชนในภาคเหนือโดยเฉพาะชาวลำปางหรือเขลางค์นครนั้น
ถือว่าเป็นชนที่รู้จักผักต่างๆ ในธรรมชาติที่สามารถนำมาบริโภคได้มากที่สุดก็ว่าได้ ต่อมาจึงได้
ถ่ายทอดให้กับลูกหลานสืบต่อกันมา ปัจจุบันได้เรียกพืชผักต่างๆ ที่เก็บหามาได้จากแหล่งธรรมชาติ
เช่น ป่า เขา ห้วย หนอง คลอง บึง และบางชนิดที่ปลูกขึ้นมาว่า ผักป่าบ้าง ผักพื้นบ้านบ้าง
ผักพื้นเมืองบ้าง หลายคนอาจเคยได้ยินได้ฟังคำว่า ผักป่า ผักพื้นบ้าน ผักพื้นเมือง มาบ้างแล้ว หรือ
บางคนอาจบอกว่าได้ยินมาจนชินหูแต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเท่าใดนัก อันที่จริง
คำว่า ผักป่า ผักพื้นบ้าน ผักพื้นเมือง ทั้ง ๓ คำนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ถ้าจะแตกต่างกันก็ตรงที่มุมมอง
ของแต่ละบุคคลว่าจะมองด้านไหน มองอย่างไร และมองดูที่ตรงไหน คือ ถ้าคนในชุมชนหรือ
ชาวบ้านไปเก็บหาผักมาจากป่าเพื่อการบริโภคหรือนำมาขาย เขาก็จะเรียกผักนั้นว่า ผักป่า แต่
หากมีคนในเขตเมืองมาซื้อหาผักเหล่านั้นเขาก็จะบอกว่า ผักพื้นบ้าน ในขณะที่มีคนมาจากต่างบ้าน
ต่างเมืองจะเป็นการมาท่องเที่ยวหรือมาเพื่อการใดก็สุดแท้แต่ละบุคคล เมื่อมาเจอผักเหล่านั้น
หรือเพือนสนิทมิตรสหายแนะนำก็จะบอกว่านีคอ ผักพืนเมือง ดังนัน คำว่า ป่า บ้าน เมือง ทัง ๓ คำนี้
่
้ื
้
้
้
แม้ความหมายจะไม่ค่อยกลมกลืนกันนัก แต่ก็เป็นสิ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันได้
เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในภูมประเทศเขตร้อนทีอดมไปด้วยความหลากหลายทางพันธุกรรมพืช ดังนัน
ิ
ุ่
้
ผักป่า ผักพื้นบ้าน ผักพื้นเมือง จึงเป็นพืชที่ใช้ในการบริโภคและสามารถสร้างคุณค่าเป็นที่ประจักษ์
แก่บุคคลทั่วไป ตลอดจนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของป่าเขตร้อนที่เชื่อมสัมพันธ์กับภูมิปัญญาของ
คนในท้องถิ่น จนกลายเป็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆ กล่าวโดยสรุป ผักพื้นบ้าน
หมายถึง พืชชนิดใดก็ได้ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ สามารถเก็บหาได้จากแหล่งธรรมชาติในแต่ละ
ฤดูกาล แต่ละภูมิภาค ที่แตกต่างกันไป ทั้งป่าเขา ริมลำธาร ลำห้วย หรือตามหัวไร่ ปลายนา
- 7. เพื่อใช้ในการประกอบอาหารในแต่ละวันตามวิถีความเป็นอยู่และวัฒนธรรมการบริโภค
ของชุมชนนั้นๆ ทั้งยังให้คุณค่าทางโภชนาการตลอดจนใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือน ที่ได้รับ
การถ่ายทอดสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ในการบริโภคพืชผักต่างๆ นั้น ในแต่ละ
ชุมชนยังได้ใช้ภูมิปัญญาในการจำแนกผักออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามวิถีและวัฒนธรรมในการ
บริโภค คือ กลุ่มที่รับประทานส่วนหัวรากและเหง้า, กลุ่มที่รับประทานส่วนใบและยอด,
กลุ่มที่รับประทานส่วนผลและฝัก และกลุ่มที่รับประทานส่วนแกนกลาง สิ่งเหล่านี้เป็น
ข้อบ่งบอกถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการบริโภคของคนในแต่ละชุมชน ซึ่งอาจมีความ
แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ยังมีผักจากต่างประเทศอีกหลายชนิดที่ถูกนำเข้ามาปลูกเป็นระยะ
เวลานานจนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศได้ดี หลายคนเข้าใจว่า
เป็นผักดังเดิมของท้องถิน เช่น หอมขาว หอมบัว ขิงหยวก บ่ะแคว้ง หอมด่วน จ้ากอมก้อ ฯลฯ
้
่
่
ด้วยเหตุที่ผักเหล่านี้ได้รับความนิยมใช้กับอาหารไทยทั่วไปจึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ
ผักพื้นบ้านไทยเรื่อยมา ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายคนที่มีความรู้สึกว่า ผักพื้นบ้าน ไม่น่า
รั บ ประทาน ไม่ อ ร่ อ ย สี ส ั น ไม่ ส วยงามสะดุ ด ตาเหมื อ นพวกผั ก เศรษฐกิ จ จึ ง ไม่ น ่ า มี
ประโยชน์ต่อร่างกาย แท้ที่จริงผักพื้นบ้านหลายชนิดกลับมีคุณค่าทางโภชนาการสูงพอๆ
กับผักเศรษฐกิจหรือมากกว่า เช่น ผักแว่น ผักแค ยอดผักก้านถิน ฯลฯ ที่ให้วิตามินเอ
สูงกว่าผักเศรษฐกิจหลายชนิด ผักเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดเองโดยธรรมชาติตามฤดูกาล ปลอด
ซึ่งสารเคมีปราบศัตรูพืชที่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย ซึ่งต่างกับผักเศรษฐกิจที่ส่วนใหญ่มักจะ
มีสารเคมีปนเปื้อน เพราะการผลิตผักเศรษฐกิจนั้นสารเคมีปราบศัตรูพืชถือว่าเป็นปัจจัย
สำคัญในการผลิตที่ขาดไม่ได้เนื่องจากเกษตรกรยังมีความต้องการผลผลิตในจำนวนมาก
และมีลักษณะสีสันที่สวยงามปราศจากแมลงเพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
เมื ่ อ นำผั ก เหล่ า นั ้ น ไปบริ โภคอาจได้ ร ั บ สารเคมี ท ี ่ ป นเปื ้ อ นมากั บ ผั ก ซึ ่ ง ถื อ ว่ า มี โทษ
ต่อร่างกายอย่างยิง คนทีใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครัวจึงหันมาบริโภค
่
่
ผักพื้นบ้านที่ปราศจากสารเคมีปราบศัตรูพืช ผักบางชนิดจึงกลายเป็นผักยอดนิยม เช่น
ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน ผักปัง ผักหนาม ผักไผ่ ผักแค ผักพา ผักเสลี่ยมและมะลิดไม้
เป็ นต้ น พื ช ผั ก เหล่ า นี ้ ส ่ ว นใหญ่ จ ะมี ส รรพคุ ณทางสมุ น ไพรพื ้ น บ้ า นที ่ เ ข้ า กั บ สภาพ
ภูมประเทศและวัฒนธรรมการบริโภคของคนชุมชนนันๆ เป็นอย่างดี รสของผักแต่ละชนิดจะ
ิ
้
เป็นตัวบ่งบอกถึงสรรพคุณของผักชนิดนั้นๆ เช่น รสฝาด มีสรรพคุณสมานแผล แก้ท้องเสีย
ท้องร่วง รักษาแผล รสเปรี้ยว สรรพคุณช่วยกัดเสมหะ กระตุ้นต่อมน้ำลาย ทำให้
เจริญอาหาร รสหวาน สรรพคุณช่วยทำให้ชมชืน บำรุงกำลัง รสขม มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย
ุ่ ่
ลดไข้ แก้เลือดเป็นพิษ ถอนพิษเมา รสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณขับลมในกระเพาะอาหาร
แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดเฟ้อ รสมัน มีสรรพคุณแก้อาการเส้นเอ็นพิการ ปวดเสียว เคล็ด
ขัดยอก อาการกระตุก เป็นต้น ด้วยรสชาติและสรรพคุณของผักพืนบ้านทีใช้เป็นอาหารและ
้
่
ยาสมุนไพรควบคู่กันได้อย่างกลมกลืน จนกลายเป็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่ถูกถ่ายทอด
สืบต่อกันมา ดังนั้น คนในอดีตจึงมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าคนในปัจจุบันที่นิยมบริโภค
อาหารที่ถูกปรุงแต่งแปลกๆ สีสันสดใส โดยมีส่วนประกอบของสารเคมีต่างๆ หลายชนิด
เป็นเครื่องปรุงแต่ง ซึ่งนับว่ามีโทษต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดังนั้น เยาวชนคนรุ่นใหม่
จึงควรใส่ใจในเรื่องการบริโภค โดยเฉพาะการบริโภคผักควรเลือกผักที่เป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกาย เช่น ผักพื้นบ้านทั่วไป และสร้างค่านิยมใหม่โดยหันมานิยมการบริโภคผักพื้นบ้าน
ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย สามารถปลูกเองได้ภายในบริเวณบ้าน ถึงแม้ไปซื้อหา
ราคาก็ไม่แพง ทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการบริโภคผัก เป็นมรดกทาง
ปัญญาที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ บรรพบุรุษมอบไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อกันมาจากรุ่น
สู่รุ่นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจวบจนปัจจุบัน
- 8. ๑ .................... กระเจี๊ยบ
กระเพราช้าง............... ๒
๓ ..................... กล้วยลิอ่อง
กอก............................ ๔
๕ ..................... กอมก้อขาว
กาซะลอง................ ... ๖
๗ ..................... กุ่มน้ำ
กุ่มบก...................... ... ๘
๙ ..................... เกี๋ยงพาลาบ
ข่าแกง..........................๑๐
๑๑.................... ข่าหลวง
ขิงหยวก...................... ๑๒
๑๓.................... ขี้เหล็ก
เครือเขาคำ.................. ๑๔
๑๕.................... แคขาว
แคนา........................... ๖
๑
๑๗................... งิ้ว
จะค่าน........................ ๑๘
๑๙................... จะไค
ดอกก้าน.................. .. ๒๐
.
๒๑................... ดีงูว่า
ดีปลี............................ ๒๒
๒๓................... ตอง
ต้าง.............................. ๔
๒
๒๕.................... าล
ต
ตูน............................... ๒๖
๒๗.................... ตา
เ
ถั่วปู............................ ๒๘
๒๙.................... ั่วลันเตา
ถ
ถั่วเหลือง..................... ๓๐
๓๑.................... เถาวัลย์ด้วน
เทียนทั้งห้า.................. ๓๒
๓๓.................... างแลว
น
บวบหอม..................... ๓๔
๓๕................... บ่ะก้วยเตส
บ่ะกูด...........................๓๖
๓๗.................... ่ะขาม
บ
บ่ะเขือแจ้..................... ๓๘
๓๙.................... ่ะเขือปั๋ง
บ
บ่ะเขือผ่อย.................. ๔๐
๔๑.................... บ่ะเขือส้ม
บ่ะเขือหำม้า................ ๔๒
๔๓.................... ่ะแขว่น
บ
บ่ะค้อนก้อม................ ๔๔
บ
๔๕.................... ่ะแคว้ง
บ่ะแคว้งขม................. ๔๖
๔๗.................... ่ะแคว้งเครือขม
บ
บ่ะจ้ำ....................... ... ๔๘
๔๙.................... ่ะเดื่อเกลี้ยง
บ
บ่ะตาเสือ.................... ๕๐
๕๑.................... บ่ะตึก
บ่ะเต้า......................... ๕๒
๕๓.................... ่ะแตงลาย
บ
บ่ะนอยงู......................๕๔
๕๕.................... ่ะนอยจา
บ
บ่ะนอยเหลี่ยม............ ๕๖
๕๗.................... ่ะน้ำ
บ
บ่ะป้าว........................ ๕๘
๕๙.................... ่ะปิ่น
บ
บ่ะปู่............................ ๖๐
๖๑.................... บ่ะแปบ
บ่ะฟักแก้ว................... ๖๒
๖๓.................... บ่ะเฟือง
บ่ะม่วง......................... ๔
๖
๖๕.................... บ่ะเม่าสาย
บ่ะยม.......................... ๖๖
๖๗.................... บ่ะลิดไม้
บ่ะหนุน....................... ๖๘
๖๙.................... บ่ะห่อย
บ่ะไห่.......................... ๗๐
๗๑.................... บ่ะแฮะ
บัวกวัก.........................๗๒
๗๓.................... ้าน
ป
ปุย............................... ๗๔
- 9. ๗๕.................... ูเลย
ป
ผักกาดจ้อน..................๗๖
๗๗.................... ักกูด
ผ
ผักขี้ขวง........................๗๘
๗๙.................... ักขี้มด
ผ
ผักขี้มูก........................ ๘๐
๘๑.................... ผักขี้หูด
ผักเข้า......................... ๘๒
๘๓.................... ักโขม
ผ
ผักคาวตอง..................๘๔
๘๕.................... ักแค
ผ
ผักแคบ.........................๘๖
๘๗.................... ักจิก
ผ
ผักจี............................. ๘๘
๘๙.................... ักจีอ้อ
ผ
ผักเชียงดา................... ๐
๙
๙๑.................... ผักด้ามพั่ว
ผักตับแก้..................... ๙๒
๙๓.................... ักติ้วขาว
ผ
ผักตุ๊ด...........................๙๔
๙๕....................ผักบั้ง
ผักบุ้ง........................... ๖
๙
๙๗.................... ักปอดม้า
ผ
ผักปั๋ง........................... ๘
๙
๙๙.................... ักปู่ย่า
ผ
ผักแปม........................ ๐๐
๑
๑๐๑.................ผักแปมป่า
ผักเผ็ดขม.................... ๑๐๒
๑๐๓................. ผักเผ็ดน้อย
ผักไผ่........................... ๑๐๔
๑๐๕................. ผักพญายอ
ผักแว่น........................ ๑๐๖
๑๐๗................. ผักสาบ
ผักสีเสียด.....................๑๐๘
๑๐๙................. ผักเสี้ยว
ผักแส้ว.........................๑๑๐
๑๑๑................. ผักหนอก
ผักหนอง...................... ๑๒
๑
๑๑๓................. ผักหนาม
ผักหละ........................ ๑๑๔
๑๑๕.................ผักหวานบ้าน
ผักหวานป่า................. ๑๑๖
๑๑๗................. ผักหอมป้อม
ผักฮ้วนหมู................... ๑๑๘
๑๑๙.................ผักฮากกล้วย
ผักฮิน.......................... ๑๒๐
๑๒๑.................ผักเฮียด
ผำ................................ ๒๒
๑
๑๒๓.................ไผ่ตง
พริกแด้........................ ๑๒๔
๑๒๕.................เพี้ยฟาน
มะแหลบ......................๑๒๖
๑๒๗.................ย่านาง
ละแอน........................ ๑๒๘
๑๒๙.................เล็บครุฑ
ส้มป่อง........................ ๑๓๐
๑๓๑.................ส้มป่อย
ส้มสะเอาะ.................. ๑๓๒
๑๓๓.................ส้มสังกา
ส้มเสี้ยน...................... ๑๓๔
๑๓๕.................สลิด
สะเลียม....................... ๓๖
๑
๑๓๗.................สะเลียมหอม
สะแล....................... ... ๑๓๘
๑๓๙.................หญ้าเอ็นยืด
หน่อซาง...................... ๑๔๐
๑๔๑.................หน่อไร่
หน่อฮวก...................... ๔๒
๑
๑๔๓.................หวาย
หอมด่วนหลวง............ ๑๔๔
๑๔๕.................หอมเตียม
หอมบั่ว........................ ๔๖
๑
๑๔๗.................หอมป้อมเป้อ
หอมแย้........................ ๔๘
๑
๑๔๙.................เห็ดขอนขาว
เห็ดไข่ขาว.................... ๕๐
๑
๑๕๑.................เห็ดถอบ
เห็ดเฟือง...................... ๕๒
๑
๑๕๓.................เห็ดลม
เห็ดห้า......................... ๑๕๔
๑๕๕.................เห็ดหูลัวะ
อังลาว......................... ๑๕๖
๑๕๗.................อาว
เอื้องดิน....................... ๑๕๘
- 10. ชื่ออื่น
กระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเปรี้ยว ส้มพอดี
กระเจี๊ยบ เป็นไม้พุ่มอายุปีเดียว สูงประมาณ ๑ – ๒ เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบ รูปรีแหลม ขอบใบเว้าลึก
๓ หยักหรือเรียบ ก้านใบยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร หรือบางครั้งพบใบหลายลักษณะ ดอก เป็นดอกเดี่ยวสีชมพู ออกบริเวณ
ง่ามใบ ตรงกลางดอกมีสีเข้มกว่าด้านนอก ก้านดอกสั้น กลีบรองดอกลักษณะปลายแหลมมีประมาณ ๘ – ๑๒ กลีบ กลีบเลี้ยง
จะแผ่ขยายติดกันออกหุ้มเมล็ดไว้ มีสีแดงเข้ม หักง่าย ผล รูปรี ปลายแหลม ผลมีความยาวประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร หุ้มไว้ด้วย
กลีบเลี้ยงสีแดงสด
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
ใบ ใช้ปรุงอาหารทำให้มีรสเปรี้ยว
ใบอ่ อ น ช่ ว ยย่ อ ยอาหาร ละลายเสมหะ ขั บ ปั ส สาวะ กลี บ เลี ้ ย ง
ขับปัสสาวะ ขับน้ำดี แก้นิ่ว แก้กระหายน้ำ
๑
- 11. ชื่ออื่น
ยี่หร่า โหรพาช้าง กะเพราญวน
กระเพราช้าง เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ ๕๐ – ๘๐ เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นสีน้ำตาลแก่ ใบ เป็น
ใบเดี่ยวออกตรงข้ามคู่กัน ขอบใบหยัก ปลายใบแหลม แผ่นใบสาก ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอดประกอบด้วยดอกขนาดเล็ก
จำนวนมาก เมล็ด ลักษณะกลมรีขนาดเล็กสีน้ำตาลอ่อน
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
๒
ใบ ใช้ผัดกับเนื้อช่วยดับกลิ่นคาว ใส่แกง เมล็ด ทำเครื่องเทศ
ทั้งต้น เป็นยาขับลม ช่วยย่อย แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- 12. ชื่ออื่น
กล้วยน้ำว้า กล้วยส้ม กล้วยนิออง
กล้วยลิอ่อง เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเทียมเกิดจากกาบหุ้มซ้อนกันเป็นลำขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๒ – ๕ เมตร กาบลำต้น
ด้านนอกสีเขียวอ่อน ใบ มีสีเขียวเป็นแผ่นยาวเส้นใบขนานกัน แกนใบเห็นได้ชัดเจน ท้องใบมีนวลขาว ดอก ออกเป็นช่อห้อยลง
กาบหุ้มสีแดงม่วงดอกย้อยติดกันเป็นแผง ฐานดอกเป็นดอกตัวเมีย ส่วนปลายเป็นดอกตัวผู้เมื่อดอกตัวเมียเติบโตเป็นผลดอกตัวผู้
จะเริ่มร่วงหล่น ผล เมื่อดอกเจริญกลายเป็นผลแล้วผลจะประกอบเป็นหวีเครือละประมาณ ๗ – ๑๐ หวี ผลอ่อนจะมีสีเขียว
เมื่อสุกจะมีสีเหลืองอมน้ำตาล เนื้อในสีขาว มีรสหวาน ผลลักษณะเป็นเหลี่ยม เปลือกหนา ก้านผลสั้น แต่ละต้นจะให้ผลเพียง
ครั้งเดียวแล้วก็จะเน่าตายไป
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
ดอก (หัวปลี) ใช้แกง รับประทานสดร่วมกับน้ำพริกต่างๆ แกนกลาง
(หยวก) ใช้แกง ดอง
ผลดิบแก้ท้องเสีย รักษาโรคกระเพาะอาหาร ผลสุก เป็นยาระบาย
ดอก (หัวปลี) แก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ โรคโลหิตจาง ลดน้ำตาลในเส้นเลือด
๓
- 13. ชื่ออื่น
มะกอก มะกอกป่า กอกเขา
กอก เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง ๑๕ – ๒๕ เมตร
ลำต้นเปลาตรง เปลือกหนา สีเทา เรียบมีต่อมระบายอากาศมาก
เรือนยอดเป็นพุ่มกลม โปร่ง กิ่งอ่อน เกลี้ยง ใบ เป็นช่อแบบ
ขนนกติดเรียงสลับเวียนกัน แต่ละช่อมีใบย่อยรูปรีแกมรูปไข่ ออก
เป็นคู่ๆ ตรงข้ามหรือเยื้องเล็กน้อยมี ๔ – ๖ คู่ ปลายใบสุดก้านช่อ
จะออกเดี่ยวๆ ขนาดกว้าง ๓ – ๔ เซนติเมตร ยาว ๗ - ๑๒
เซนติเมตร เนื้อใบหนา เนียน เกลี้ยงเป็นมัน ขอบใบเรียบ ใบอ่อน
สีน้ำตาลอมแดง ดอก ออกรวมกันเป็นช่อโตตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง
มีสีขาว ขนาดเล็ก ผล กลมรี วัดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ - ๓.๕
เซนติเมตร ผลแก่สีเขียวอ่อน เมล็ดโตและแข็ง มีเมล็ดเดียว ผิวเมล็ด
เป็นเสี้ยนและมีเนื้อเยื่อบางๆ หุ้ม
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ใบอ่อนและยอดอ่อนใช้เป็นผักแกล้มลาบ หลู้ น้ำพริกปลาร้า ผลสุกมีรสเปรี้ยว
ใช้ปรุงส้มตำ น้ำพริกตาแดง ตำมะม่วง
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ผล แก้ เ ลื อ ดออกตามไรฟั น แก้ ธ าตุ พ ิ ก าร แก้ บ ิ ด แก้ ด ี พ ิ ก าร แก้ โรค
ขาดแคลเซี่ยม ทำให้ชุ่มคอ เมล็ดแก้ไข้มีพิษร้อน แก้ร้อนในกระหายน้ำ
๔
- 14. ชื่ออื่น
แมงลัก อีตู่
กอมก้อขาว เป็นไม้ล้มลุก ต้นสูงประมาณ ๓๐ – ๙๐ เซนติเมตร ทุกส่วนมีกลิ่นเฉพาะ ลำต้นสี่เหลี่ยม กิ่งอ่อน
มีสีม่วงแดงแกมเขียว ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปไข่หรือรูปวงรี กว้างประมาณ ๒ – ๓ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๔ – ๖
เซนติเมตร ขอบใบหยักแบบฟันเลือยห่างๆ ดอก ออกเป็นช่อทีปลายยอด กลีบเลียงและกลีบดอกต่างแยกเป็น ๒ ปาก กลีบดอกสีขาว
่
่
้
ปากล่างมีแถบสีม่วงแดงตามยาว ใบประดับสีเขียวแกมม่วง ผล เป็นผลแบบแห้งมี ๔ ผลย่อย
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ยอดอ่อนลวกรับประทานร่วมกับน้ำพริก ใบสดรับประทานกับขนมจีน
ใส่แกงหน่อ แกงแค แกงอ่อม ดับกลิ่นคาวในอาหาร
ใบสดแก้ท้องอืดเฟ้อ น้ำมันหอมระเหยที่มีในใบช่วยการบีบตัวของ
ลำไส้เล็ก สามารถขับลมในลำไส้ได้ดี
๕
- 15. ชื่ออื่น
ปีบ ก้านของ กาซะลอง
กาซะลอง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง
สูงประมาณ ๑๕ เมตร ลำต้นเปลาตรงเปลือก
หนา สีเทาอมเหลือง แตกเป็นร่องหรือเป็น
สะเก็ดเล็กๆ ตามลำต้นและกิ่งก้าน ใบ ออก
เป็นช่อ แต่ละช่อประกอบด้วยใบเล็กๆ รูปไข่
ขอบใบเรี ย บหรื อ อาจหยั ก ห่ า งๆ ปลายใบ
แหลมเป็นติ่งยาว โคนใบมน ดอก สีขาว
กลิ ่ น หอมอ่ อ นๆ ออกรวมกั น เป็ นช่ อ โตๆ
ตามปลายกิ่ง ดอกรูปแตรเรียวยาวได้ถึง ๖
เซนติ เ มตร ปลายดอกห้ อ ยย้ อ ยลง
ปลายดอกแยกออกเป็น ๕ แฉก ดอก
จะบานในเวลากลางคืน ผล เป็นฝัก
แบนๆ ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร
หั ว และปลายฝั ก แหลมภายใน
มีเมล็ดยาวสีขาว มีกลีบทำให้ปลิว
ไปตามลมได้ระยะไกล
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ยอดอ่ อ นย่ า งไฟให้ ห อมหรื อ นำมาต้ ม รั บ ประทานร่ ว มกั บ
น้ำพริก ลาบ หรืออาหารที่มีรสจัด
ประโยชน์ทางสมุนไพร
ดอกรักษาริดสีดวงจมูก ต้มน้ำดื่มแก้ไอ ราก บำรุงปอดและ
รักษาวัณโรค
๖
- 16. ชื่ออื่น
กุ่มน้ำ (ทั่วไป)
กุ่มน้ำเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงถึง ๒๐ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
๔๐ เซนติเมตร แผ่กิ่งก้านสาขามาก ใบ ออกเป็นช่อ ช่อหนึ่งมี ๓ ใบรูปหอก กว้าง
๑.๕ – ๖.๕ เซนติเมตร ยาว ๔.๕ – ๒๓ เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบ
สอบแคบ เนื้อใบหนามันเป็นแผ่นหนัง เส้นกลางใบมีสีค่อนข้างแดงผิวใบด้านล่าง
จะมีละอองสีเทาปกคลุมก้านใบแข็งยาว ๔ – ๑๔ เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะ
ที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว ๑๐ – ๑๖ เซนติเมตร มี ๒๐ – ๑๐๐ ดอก กลีบรองดอกรูปไข่ปลายแหลม
กลีบดอกกว้าง ๑.๕ – ๒ เซนติเมตร ยาว ๑.๕ – ๓ เซนติเมตร เกสรตัวผู้มีสีม่วง มี ๑๕ – ๒๕ อัน ดอกเมื่อ
บานจะมีสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อแก่ ผล รูปรียาว ๕ – ๘ เซนติเมตร เปลือกหนามีสะเก็ดบางๆ
เมื่อสุกจะมีสีเทา
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ยอดอ่อน และดอกอ่อนนำมาดองกับเกลือรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก
แดง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกปลาร้า หรือยำกับปลาทู
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ผล แก้ไข้ ใบขับเหงื่อ แก้ไข้ แก้ปวดเส้น ดอกแก้เจ็บตา เจ็บคอ เปลือกต้น
แก้ไข้ ขับน้ำดี ระงับพิษที่ผิวหนัง ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
๗
- 17. ชื่ออื่น
ก่าม
กุ่มบก เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ ๗ – ๑๐ เมตร ใบ เป็นใบประกอบ มี ๓ ใบย่อย กว้าง ๑๓ – ๑๕
เซนติเมตร ยาว ๑๒ – ๑๓ เซนติเมตร มีใบย่อย กว้าง ๒.๗ – ๕ เซนติเมตร ยาว ๖ – ๙ เซนติเมตร ก้านใบย่อยยาวประมาณ
๐.๕ เซนติเมตร แผ่นใบคล้ายกระดาษ รูปไข่กลับ โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบป้าน ขอบเรียบ ผิวใบทั้ง ๒ ด้านเกลี้ยง ดอก เป็นช่อ
แบบกระจะ ดอกย่อยมีก้านเรียงสลับบนแกนกลาง ช่อดอกยาว ๘ – ๙ เซนติเมตร มีใบประดับคล้ายใบดอกดอกย่อย มีเส้น
ผ่าศูนย์กลาง ๒.๕ – ๓ เซนติเมตร ก้านดอกย่อย ยาว ๓.๕ - ๕ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมี ๕ กลีบ โคนติดกัน กลีบดอกมีจำนวน
๔ กลีบ สีขาวรูปรี ปลายมน มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ที่โคนติดกับก้านชูเกสรเพศเมีย ก้านชูเกสรเพศผู้สีชมพูยาวประมาณ
๓ เซนติเมตร เกสรเพศเมียมี ๑ อัน อยู่เหนือวงกลีบมีสีขาวครีม ยาวประมาณ ๓ เซนติเมตร ผล กลมเกลี้ยงเปลือกแข็ง
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ เซนติเมตร ก้านผลยาวประมาณ ๔ เซนติเมตร
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
๘
ยอดอ่อน ดอกอ่อน นำมาดองกับน้ำเกลือรับประทานเป็นผักจิ้มร่วมกับ
น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกตาแดง ยำกับปลาทูนึ่ง
ผล ขับลม แก้กลากเกลื้อน เปลือกต้น แก้ปวดท้อง บำรุงไต บำรุง
หัวใจ แก้บวม
- 18. ชื่ออื่น
สันพร้าหอม
เกี๋ยงพาลาบ เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ ๑ – ๑.๕ เมตร ลำต้นสีแดง ทุกส่วนเมื่อขยี้ดมมีกลิ่นหอม ใบ ออกเป็นกระจุก
แคบเรียว เมื่อยังอ่อนขอบใบและเส้นกลางใบด้านท้องใบมีสีแดง และมีขนประปราย ใบ ยาวประมาณ ๒๐ – ๒๕ เซนติเมตร
ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ปลายใบแหลม ก้านใบสั้น ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด สีขาวอมชมพูอ่อน ๆ เป็นกระจุกเล็กๆ เมล็ด
ขนาดเล็ก ที่ปลายเมล็ดมีขนหรือ แพพพัส ช่วยในการกระจายพันธ์ุ
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ หลู้ ส้า น้ำพริก หรืออาหาร
ที่มีรสจัด
ทั้งต้นแก้ไข้ เป็นยาชูกำลัง ขับเหงื่อ แก้ท้องอืดเฟ้อ ช่วยให้ลมหายใจ
สดชื ่ น กระตุ ้ นทางเพศ น้ ำ ต้ ม รากขั บ พิ ษ และช่ ว ยให้ ป ระจำเดื อ น
เป็นปกติ
๙
- 19. ชื่ออื่น
ข่าป่า ข่าลิง
ข่าแกง เป็นไม้ล้มลุกข้ามฤดู สูงประมาณ ๑.๕ – ๒ เมตร ลำต้นอยู่ใต้ดิน (เหง้า) ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นข้อๆ และ
ปล้องเห็นได้ชัดเจน ส่วนที่อยู่เหนือดินจะเป็นก้านและใบ ใบ รูปไข่ยาว หรือรูปรีขอบขนาน ปลายใบแหลมกว้างประมาณ ๔ – ๕
เซนติเมตร ยาวประมาณ ๘ – ๑๐ เซนติเมตร สีเขียวเข้มเป็นมัน ออกสลับมีกาบหุ้มลำต้น ดอก ออกเป็นช่อที่ยอด ก้านดอกยาว
ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาวกระสีน้ำตาล โคนติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกออกเป็น ๓ กลีบ กลีบที่โตสุดมีริ้วสีแดง
ผล กลม เมื่อสุกจะเป็นสีส้มภายในผลจะมีเมล็ด
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
๑๐
เหง้า ใช้เป็นเครื่องปรุงน้ำพริก ต้นอ่อน (หน่อ) ต้มรับประทานร่วมกับ
น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกหนุ่ม
เหง้า แก้กามโรค แก้ปวดท้อง แก้จุกเสียดแน่น ต้น แก้ฝีดาษ ฝีฝักบัว
ใบ แก้โรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน
- 20. ชื่ออื่น
ข่า ข่าหยวก
ข่าหลวง เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ ๑.๕ – ๒ เซนติเมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดิน หรือเหง้าลักษณะเป็นข้อและปล้องชัดเจน
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ รูปหอก รูปวงรีหรือเกือบขอบขนาน กว้างประมาณ ๗ – ๙ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๐ – ๓๐
เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาวโคนติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ส่วนปลายแยกเป็น
๓ กลีบ กลีบที่โตที่สุดมีริ้วสีแดง ใบประดับรูปไข่ ผล เป็นผลแห้ง รูปกลมแตกได้
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
หน่ออ่อน ต้ม ลวก รับประทานร่วมกับน้ำพริก เหง้า ใช้ปรุงอาหาร
ดับกลิ่นคาว เหง้าสดหั่นฝอยใส่ลาบเนื้อ ลาบปลา
เหง้าต้มน้ำดื่ม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม เหง้าสดโขลกผสม
เหล้าโรงทาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน
๑๑
- 21. ชื่ออื่น
ขิงหยวก เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ ๓๐ – ๑๐๐ เซนติเมตร
มีลำต้นอยู่ใต้ดิน เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวล มีกลิ่น
เฉพาะ แทงหน่อหรือลำต้นเทียมตังขึนเหนือผิวดิน ใบ เป็นใบเดียว เรียงสลับ
้ ้
่
รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้างประมาณ ๑ – ๒ เซนติเมตร ยาวประมาณ
๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อแทงออกจากเหง้า กลีบดอกสีเหลือง
แกมเขียว ใบประดับสีเขียวอ่อน ผล เป็นแบบผลแห้งมี ๓ พู
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ขิง ขิงแกลง
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
๑๒
เหง้ า อ่ อ นรั บ ประทานเป็ น เครื ่ อ งเคี ย งใน เมี ่ ย งคำ ยำ ยอดอ่ อ น
รับประทานเป็นผักสดร่วมกับอาหารที่มีรสจัด
เหง้าแก่ทั้งสด และแห้ง เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แก้ไอ ขับเสมหะ
- 22. ชื่ออื่น
ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กใหญ่ ขี้เหล็กกินดอก ผักจี้ลี้
ขี้เหล็ก เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ สูง ๘ - ๑๕ เมตร ลำต้นมักขดงอเป็นปุ่มปม เปลือก
สีเทาหรือน้ำตาลดำ แตกเป็นร่องสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ยอดอ่อนและใบอ่อน
ออกเป็ น สี แดงเรื ่ อ ๆ ใบ ออกเป็ นช่ อ แบบขนนกช่ อ ติ ด เรี ย งสลั บ ยาวประมาณ ๓๐
เซนติเมตร แต่ละช่อมีใบย่อยรูปขอบขนานแคบๆ กว้าง ๑ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๓
เซนติเมตร ติดเป็นคู่ตรงข้ามกัน ๕ - ๑๒ คู่ ที่ปลายสุดของช่อเป็นใบเดี่ยว ดอก สีเหลือง
ออกเป็นช่อโตๆ ที่ปลายกิ่ง ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ก้านช่อย่อยมักติดสลับเวียนกัน
ดอกจะเริ่มบานจากโคนช่อสู่ปลายช่อ ผล เป็นฝักแบนสีคล้ำๆ ยาวได้ถึง ๓๐ เซนติเมตร
กว้างประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดเรียงตัวตามขวางมีประมาณ ๒๐ – ๓๐
เมล็ด
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกอ่อน ใช้แกง
ใบ แก้ระดูขาว ถ่ายพิษไข้ ดองสุราดื่มแก้อาการนอนไม่หลับ แก่น
แก้เหน็บชา ขับโลหิต แก้กามโรค แก้หนองใน ถ่ายเส้น
๑๓
- 23. ชื่ออื่น
ฝอยทอง ผักไหม ฝอยไหม
เครื อ เขาคำ เป็ น พื ช ล้ ม ลุ ก เจริ ญ เติ บ โตบนต้ น ไม้ อ ื ่ น
โดยดูดอาหารจากต้นไม้ที่เกาะอาศัย ลำต้นเป็นเถาเลื้อยยาวกลม
อ่อนนุ่มสีเหลืองแตกกิ่งมาก ใบ มีลักษณะเป็นเกล็ด รูปสามเหลี่ยม
เล็ ก ๆ ออกจากลำต้ น แบบสลั บ ใบมี ส ี เหลื อ งเหมื อ นสี ข องลำต้น
ดอก มีขนาดเล็ก ดอกเป็นช่อสีขาว มีดอกย่อยจำนวนมาก ปลาย
กลีบดอกแยกออกเป็น ๕ กลีบ ลักษณะกลมมน
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ลำต้นอ่อน ยอดอ่อน ยำใส่มะเขือ
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
๑๔
ทั้งต้น ช่วยห้ามเลือด อุจจาระเป็นเลือด บำรุงไต แก้ปวดเอวและต้นขา
- 24. ชื่ออื่น
แค แคบ้าน แคดอกแดง
แคขาว เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ ๒ – ๕ เมตร โตเร็วแตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นสีน้ำตาลมีรอยขรุขระ
หนา เปลือกในสีชมพู ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยขนาดเล็กเรียงเป็นคู่ประมาณ ๑๐ – ๒๕ คู่ ใบย่อยรูปขอบขนาน
ปลายกลมเว้าตื้น มีขนแนบชิดผิวใบทั้ง ๒ ด้าน ขนาดใบยาว ๓ – ๔ เซนติเมตร กว้าง ๑ – ๑.๕ เซนติเมตร ก้านใบย่อยยาว
๐.๑ – ๐.๒ เซนติเมตร ดอก เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อแบบช่อกระจะ มี ๒ – ๔ ดอก ห้อยลงสีขาวหรือสีแดงเข้ม ยาว
๑.๕ – ๕ เซนติเมตร ก้านดอกเดี่ยวหรือเป็นคู่ ยาว ๕ – ๗.๕ เซนติเมตร กว้าง ๓.๕ – ๕ เซนติเมตร ผล ลักษณะเป็นฝักยาว
ประมาณ ๒๐ – ๕๐ เซนติเมตร กว้าง ๐.๗ – ๐.๙ เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกออกเป็น ๒ ซีก มีเมล็ดอยู่ตรงกลางมีแถวเดียว
ลักษณะกลมแบนสีน้ำตาลอ่อน แข็ง
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ยอดอ่อน ดอก ใช้แกง ลวก นึ่ง รับประทานร่วมกับน้ำพริก
ยอดอ่อน ใบอ่อน ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ลม บำรุงหัวใจ
๑๕
- 25. ชื่ออื่น
แคขาว แคป่า แคยอดดำ แคอาว
แคนา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ ๑๐ – ๒๐ เมตร ลำต้นเปลาตรงมักแตกกิ่งต่ำเปลือกต้นสีน้ำตาล
อมเทาบางทีมีประสีดำ เปลือกในสีนวลหรือน้ำตาลปนเหลืองอ่อนๆ เรือนยอดเป็นพุ่มรูปไข่ค่อนข้างทึบ กิ่งอ่อนเกลี้ยงมีช่องระบาย
อากาศทั่วไป ใบ เป็นช่อแต่ละช่อมีใบย่อยรูปรี ๓ – ๗ ใบ ติดตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ส่วนปลายสุดจะเป็นใบเดี่ยวกว้างประมาณ
๓ – ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๕ – ๑๐ เซนติเมตร โคนใบสอบปลายใบเรียวแหลม เนื้อใบบางเกลี้ยง ก้านใบยาวประมาณ
๑ – ๓ เซนติเมตร ดอก โต สีขาวรูปแตร ออกรวมกันเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่ง ช่อยาว ประมาณ ๒ – ๓ เซนติเมตร มี ๓ – ๗
ดอก กลีบฐานดอกทรงรูปกรวยปลายด้านหนึ่งจะเป็นจะงอย ผิวคล้ำ โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอกตอนครึ่งล่าง
ส่วนครึ่งบนผายโป่งออกผิวกลีบและขอบกลีบจะย่นเป็นริ้ว ฝัก แบน รูปขอบขนานยาวประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ลักษณะคดโค้ง
หรือบิดไปมา
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
๑๖
ดอก ต้ม ลวก บีบน้ำออกเพื่อลดความขม ใช้ยำ และจิ้มน้ำพริก
ดอก ขับเสมหะ โลหิต และลม ขับผายลม เมล็ดแก้ปวดประสาท
แก้โรคชัก เปลือก แก้ท้องอืด
- 26. ชื่ออื่น
งิ้วแดง งิ้วบ้าน
งิ้วเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ ๒๕ เมตร แตกกิ่ง
ก้านสาข าตามเรือนยอด ลำต้นมีหนามแหลมคม
ทั่วไป ใบ แบบใบรวมประกอบขึ้นจากใบย่อย
รูปร่างแหลมยาว มี ๕ – ๗ ใบ รวมกันยาว
ประมาณ ๓๐ เซนติ เมตร ใบย่ อ ยเรี ย งกั น
คล้ายนิ้วมือ ดอก สีแดงขนาดใหญ่มีเกสร
รวมกันหลายกระจุกอยู่ในวงล้อมเป็นของ
กลีบทั้ง ๕ กลีบรองดอกมีสีเขียว ลักษณะ
เป็นรูปถ้วยมนแข็งกลางดอกจะมีเกสรซ้อนเรียงกัน
อยู ่ ๓ ชั ้ น และตามกลี บ ดอกจะมี ข นมั น เป็ น เงาปกคลุ ม อยู
่
เวลาออกดอกจะทิ้งใบ ผล มีขนาดใหญ่ รูปมนรีปลายแหลม
ทั ้ ง สองข้ า ง ผลอ่ อ นมี ส ี เขี ย วแล้ ว เปลี ่ ย นเป็ น สี น ้ ำ ตาลตอนแก่
เปลือกแข็ง ยาวประมาณ ๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร ภายในมีใย
เป็นปุยสีขาวและมีเมล็ดสีดำจำนวนมาก
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
เกสรดอกงิ้วตากแห้งใช้โรยหน้าขนมจีนน้ำเงี้ยว แกงแค
ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
ดอกตากแห้งนำมาต้มกับน้ำแก้ท้องร่วง เปลือกต้นแก้
กระเพาะอาหารอักเสบ แก้ท้องร่วง
๑๗
- 27. ชื่ออื่น
สะค้าน สะค้านเนื้อ
จะค่าน เป็นไม้เลื้อย ลำต้นอวบ ผิวเป็นตุ่มเล็กๆ แตกกิ่งได้มาก
ข้อโป่งนูน ก้านใบยาว ๕ - ๗ เซนติเมตร ใบบางเหนียวสีเขียวอ่อน เมื่อใบแห้ง
แผ่ น ใบและเส้ น ใบมี ส ี แ ดงคล้ า ยสี อ ิ ฐ แผ่ น ใบรู ป ไข่ แ กมรู ป หอก กว้ า ง
๗.๘ - ๑๐ เซนติเมตร ยาว ๑๔ - ๒๐ เซนติเมตร ฐานใบรูปลิ่ม ปลายใบแหลม
เส้นใบด้านท้องใบนูนมีจำนวน ๖ - ๗ เส้น ดอก เป็นช่อห้อยลงช่อดอกเพศผู้
สีเหลือง ก้านช่อดอกยาว ๑ - ๒ เซนติเมตร แกนช่อดอกมีขนใบประดับรูปกลม
ด้านล่างมีขน ผล รูปไข่หรือรูปรี ช่อผลยาว ๑๕ - ๒๕ เซนติเมตร ไม่มีก้านผล
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
๑๘
เถาใส่แกงแคเป็นเครื่องชูรส โดยปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นแว่นๆ
หรือใส่แกงมะหนุน ใบอ่อนรับประทานเป็นผักแกล้มกับลาบ ก้อย
ใบ ขับลมในลำไส้ แก้แน่นจุกเสียด ดอกแก้ลมอัมพฤกษ์ ผลแก้ลม
ในทรวงอก รากแก้ไข้ แก้จุกเสียด รักษาธาตุ
- 28. ชื่ออื่น
ตะไคร้ ไคร คาหอม หัวซิงไค
จะไค เป็นพืชล้มลุก ขึ้นเป็นกอ สูงประมาณ ๑ เมตร ลักษณะลำต้นเป็นรูปทรงกระบอกแข็ง เกลี้ยง ตามลำต้นมักมีไข
สีขาวปกคลุม มีอายุหลายปี ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว แตกใบออกเป็นกอ รูปขอบขนานปลายใบแหลม ผิวใบสากทั้งสองด้าน
เส้นกลางใบแข็ง ขอบใบมีขนขึ้นประปราย กว้างประมาณ ๒ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๖๐ – ๙๐ เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อ
กระจาย ช่อดอกย่อยมีก้านออกเป็นคู่ๆ ในแต่ละคู่จะมีใบประดับรองรับ
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
ลำต้น ใช้ปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่น ใส่แกง ซอยใส่ยำ ลาบ ส้า
ทั้งต้น รักษาอาการหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
บำรุงธาตุไฟให้เจริญ
๑๙
- 29. ชื่ออื่น
อีลอก บุก อีลอกเขา
ดอกก้าน เป็นไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดิน ลักษณะกลมผิวขรุขระมีรากโดยรอบ ในฤดูฝนจะมีก้านใบงอกโผล่ขึ้นมาเหนือดิน
ลักษณะอวบน้ำไม่มีแกนยาวประมาณ ๕๐ – ๑๒๐ เซนติเมตร มีลายสีเขียว น้ำตาล และดำ ทั้งแบบเป็นพื้นและจุดด่างหรือแถบ
ลายแตกต่างกันไป ใบ มีก้านใบย่อยแตกออกจากปลายก้านใบ ๒ – ๓ ก้าน และมีใบประกอบ ๑๐ – ๑๒ ใบ ออกเป็นคู่รูปหอก
ยาวประมาณ ๑๕ – ๒๕ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๕ – ๑๐ เซนิเมตร ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้มหรือบางชนิดมีจุดสีขาว
กระจายอยู่ทั่วไปมีหูใบติดก้านใบย่อย ดอก มีก้านยาวออกบริเวณเหง้าลักษณะคล้ายก้านใบ มีดอกอยู่ตรงปลายก้าน มีเกสร
เป็นแท่งอยู่ตรงกลาง ผล ลักษณะกลม สีเขียวเรียงติดกันเป็นแท่งยาวประมาณ ๕ – ๘ เซนติเมตร และมีกลีบเลี้ยงห่อด้านหลัง
ผลสุกสีแดงส้ม
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ก้านใบและก้านดอกลอกเปลือกออกแล้วนำมาแกงอ่อม แกงหน่อและ
แกงร่วมกับเห็ดลม
เหง้าใช้พอกกัดฝีหนอง
ข้อควรระวัง ต้องปรุงให้สุกก่อนบริโภค
๒๐
- 30. ชื่ออื่น
เนระพูสีไทย ค้างคาวดำ ว่านหูเลย ม้าถอนหลัก
ดีงูว่า เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลักษณะรูปทรงกระบอก ลำต้นสูงประมาณ ๓๐ – ๕๐ เซนติเมตร
ใบ ออกเรียงเวียนสลับ เป็นรัศมีวงรี รูปขอบขนานถึงรูปหอก กว้างประมาณ ๘ – ๑๘ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๒๐ – ๖๐
เซนติเมตร ก้านแผ่เป็นครีบ ดอก ลักษณะคล้ายค้างคาวบิน ออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม มีดอกย่อย ๔ – ๖ ดอก สีม่วงแกมเขียว
ถึงม่วงดำ มีใบประดับ ๒ คู่ สีเขียวถึงสีมวงดำ เรียงตังฉากกัน ผล เป็นผลสด รูปหอกขนานแกนสามเหลียม มีสนเป็นคลืนตามยาว
่
้
่
ั
่
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
ใบอ่อน ยอดอ่อน ลวก ต้ม รับประทานร่วมกับน้ำพริก ลาบ ส้า หลู้
หัว หั่นเป็นแว่น ๆ ดองเหล้า ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด
๒๑
- 31. ชื่ออื่น
ดีปลีเชือก ประดงข้อ บี้ฮวด
ดีปลี เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันไปตามไม้อื่น มีรากที่ข้อสำหรับยึดเกาะ ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับรูปไข่แกมขอบขนาน
กว้างประมาณ ๓ – ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๗ – ๑๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยงเป็นมันโคนเบี้ยวปลายแหลม ขอบเรียบ มีเส้นใบ
ออกจากโคนใบจำนวน ๓ – ๕ เส้น ดอก ออกเป็นช่อมีดอกย่อยเรียงแน่นบนช่อดอก ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน
ช่อดอกตัวผู้ยาวประมาณ ๔ – ๕ เซนติเมตร ช่อดอกตัวเมียยาวประมาณ ๓ – ๔ เซนติเมตร ผล อัดกันแน่นบนแกนช่อ ยาว
ประมาณ ๒ – ๕ เซนติเมตร ผลเมื่อสุกจะเป็นสีน้ำตาลแกมแดง
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ทางสมุนไพร
๒๒
ผลใส่แกงแค ใส่แกงโฮะ ทำเครื่องปรุง
ผล กลิ่นหอม เผ็ดคล้ายพริกไทย เป็นยาขับลม แก้อาการอ่อนเพลีย
ช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร ขับระดู ทำให้แท้ง
- 32. ชื่ออื่น
ทองหลางน้ำ ทองหลางหนาม ทองหลางบ้าน
ตอง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูงประมาณ ๑๐ – ๑๗ เมตร ตามกิ่งก้านมีหนามแหลมคมทั่วไป ใบ เป็นใบ
ประกอบ มีใบย่อย ๓ ใบ ยาวประมาณ ๒๐ – ๓๐ เซนติเมตร เนื้อใบหนาเหนียว เมื่อแก่ผิวใบด้านล่างมีแป้งขาวปกคลุม
ใบย่อยตอนปลายยอดรูปไข่ขอบขนาน กว้างประมาณ ๘ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อยาว
ประมาณ ๑๗ มิลลิเมตร มีกลีบดอก ๕ กลีบขนาดไม่เท่ากัน กลีบที่หนาจะใหญ่ที่สุด ส่วนกลีบในสุดจะเล็กและแคบที่สุด
กลีบดอกมีสีม่วงถึงแดงเข้ม ดอกจะออกในช่วงที่ผลัดใบ ผล เป็นฝักลักษณะยาวตรง ยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร กว้าง
ประมาณ ๒ เซนติเมตร มีสีน้ำตาลอ่อน เมล็ด รูปไตยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๗ มิลลิเมตร
การใช้ประโยชน์ด้านอาหาร
ประโยชน์ด้านสมุนไพร
ยอดอ่ อ น ใบอ่ อ น รั บ ประทานเป็ น ผั ก สดร่ ว มกั บ น้ ำ พริ ก ตาแดง
น้ำพริกปลาร้า และทำเมี่ยงคำ
เปลือกต้น แก้เสมหะ แก้ลมพิษ แก้ตาแดง ราก แก้พยาธิในท้อง
แก้เสมหะและลม แก้ไข้หวัด
๒๓