การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เราควรมองอย่างไร

การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0

กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่  การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 The Fourth Industrial Revolution (4IR) หรือ Industry 4.0 กันเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากการเติบโตที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีบทบาทในธุรกิจอุตสาหกรรมมากขึ้น ผู้ประกอบการทั้งหลายต่างพากันพัฒนาองค์กรให้มีความก้าวหน้าและทันต่อเทคโนโลยี เพื่อสร้างความได้เปรียบในธุรกิจ พัฒนาอุตสาหกรรมให้โดดเด่นด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบดิจิทัล โดยเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรมแบบเดิมให้เป็นระบบอัตโนมัติที่เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น 

ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 คืออะไร ? 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และ 4IR คือ การแปลงภาคการผลิตให้เป็นดิจิทัล ซึ่งได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของข้อมูลและการเชื่อมต่อ การวิเคราะห์ การโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และการปรับปรุงด้านวิทยาการหุ่นยนต์ ปัจจุบันระบบอัตโนมัติและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมอื่นๆ สร้างจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1- 3 มาก่อนอุตสาหกรรม 4.0 มีความโดดเด่นด้วยการรวมเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), วิทยาการหุ่นยนต์, คลาวด์คอมพิวติ้ง และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เข้าสู่กระบวนการทางอุตสาหกรรม สามารถตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์

การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ก่อนถึง อุตสาหกรรม 4.0

  • ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 เกิดปี 1784 เดิมใช้แรงงานคนและสัตว์เป็นหลัก เปลี่ยนมาเป็นการใช้พลังงานน้ำ หรือเครื่องจักรไอน้ำ แทนการใช้แรงงานคน สัตว์ เป็นยุคเริ่มต้นในการปฏิวัติอุตสาหกรรม  มีการใช้ไอน้ำในรถไฟหัวจักรไอน้ำ 
  • ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 เกิดปี 1870 เป็นการเปลี่ยนจากพลังงานไอน้ำ เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า ก๊าซ และน้ำมัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตมาเป็นระบบโรงงาน ทำให้มีการขยายคุณภาพและปริมาณในการผลิตเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาสินค้าถูกลง 
  • ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 เป็นการนำไฟฟ้ามาสู่การพัฒนายุคอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จุดเปลี่ยนสำคัญของยุคนี้ก็คือ คอมพิวเตอร์ เริ่มนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ หรือหุ่นยนต์ในการผลิต เพราะมีความละเอียดแม่นยำ ใช้กำลังคนควบคุมน้อยลงทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานสูงขึ้น
  • ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้เกิดการผลิตที่หลากหลาย เชื่อมโยงเครือข่ายในรูปแบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง รวมไปถึงการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ และจักรกลเรียนรู้ รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือในการบริหารระบบภายในองค์กร

  ที่มาข้อมูล : การปฏิวัติอุตสาหกรรม1-4

การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เปลี่ยนแปลงการผลิตอย่างไร

การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0  เป็นการปฏิวัติวิธีการผลิต ปรับปรุง และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท ผู้ผลิตผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในโรงงานผลิต โรงงานอัจฉริยะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ขั้นสูง ซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย  และหุ่นยนต์วิเคราะห์ข้อมูลช่วยประมวลผลทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น เทคโนโลยีดิจิทัลนี้นำไปสู่การเพิ่มระบบอัตโนมัติ การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยตนเองของการปรับปรุงกระบวนการ และประสิทธิภาพและการตอบสนองในระดับใหม่ต่อลูกค้า การพัฒนาโรงงานอัจฉริยะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในการเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4  การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่รวบรวมจากเซ็นเซอร์บนพื้นโรงงานช่วยให้มองเห็นการผลิตได้แบบเรียลไทม์ และสามารถจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์เพื่อลดเวลาหยุดทำงานของอุปกรณ์

การใช้อุปกรณ์ IoT ที่มีเทคโนโลยีสูงในโรงงานอัจฉริยะ ทำให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้นและคุณภาพที่ดีขึ้น การแทนที่โมเดลธุรกิจการตรวจสอบด้วยตนเองด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตและประหยัดเงินและเวลา ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพสามารถตั้งค่าสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตได้จากทุกที่ ด้วยการใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ผลิตสามารถตรวจพบข้อผิดพลาดได้ทันที แทนที่จะตรวจพบในภายหลังเมื่องานซ่อมมีราคาแพงกว่า

ที่มาข้อมูล : How Industry 4.0 technologies are changing manufacturing

ประโยชน์ของอุตสาหกรรม 4.0

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 แสดงถึงการผลิตตั้งแต่อุตสาหกรรม 1.0 ไปจนถึง 4.0 และประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอุตสาหกรรม 4.0 คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และนำไปใช้กับธุรกิจได้อย่างไร

1.ปรับปรุงประสิทธิภาพและผลผลิต

อุตสาหกรรม 4.0 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงสุดและเพิ่มผลผลิต เนื่องจากเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม 4.0 ทำให้บริษัทสามารถผลิตได้มากขึ้น เร็วขึ้น และดีขึ้นในขณะที่ใช้จ่ายน้อยลงด้วย สายการผลิตจะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ (OEE) ที่เพิ่มขึ้น พร้อมการเปลี่ยนที่รวดเร็ว เวลาหยุดทำงานน้อยลง การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

2.เพิ่มการแบ่งปันความรู้และการทำงานร่วมกัน

ประโยชน์ที่สำคัญของอุตสาหกรรม 4.0 คือ IIoT (Industrial Internet of Things) ที่ทำให้บุคคล เครื่องจักร หรือซอฟต์แวร์ สามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างง่ายดายโดยไม่คำนึงถึงสถานที่ เขตเวลาอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ความรู้ที่ได้รับจากเซนเซอร์ในโรงงานบางแห่งสามารถใช้เพื่อสั่งงานเครื่องจักรอื่นๆ ได้ทุกที่ในโลก

3.ลดต้นทุน

เมื่อพิจารณาถึงประสิทธิภาพ ผลผลิต และการตัดสินใจที่ดีขึ้น ประโยชน์อีกประการของอุตสาหกรรม 4.0 คือการลดต้นทุน โรงงานอัจฉริยะสามารถกำหนดต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงได้ เนื่องจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้ดีขึ้น การออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถปรับปรุง ลดปัญหาด้านคุณภาพ และปรับให้เหมาะสมเพื่อลดทรัพยากรและวัสดุที่จำเป็น

4.การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ดีขึ้น

เนื่องจากบริษัทจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์จะมีการออกแบบดีขึ้น และลดการสิ้นเปลืองพลังงานและวัสดุในระหว่างการผลิต ความยั่งยืนของอุตสาหกรรม 4.0 มีความสำคัญ เนื่องจากช่วยลดของเสียในการผลิตให้เหลือน้อยที่สุดและปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

5.โอกาสทางนวัตกรรมที่มากขึ้น

อุตสาหกรรม 4.0 จะได้รับความรู้เชิงลึกในทุกส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่รายละเอียดผลการดำเนินธุรกิจไปจนถึงประสิทธิภาพของซัพพลายเชน และทุกส่วนประกอบในสายการผลิต รายละเอียดนี้จะควบคู่ไปกับ AI เพื่อช่วยในการค้นพบโอกาสทางนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น: การปรับปรุงกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ การเพิ่ม OEE การลดของเสียและความไร้ประสิทธิภาพในสายการผลิต เป็นต้น 

6.เพิ่มความยืดหยุ่นและการปรับแต่งผลิตภัณฑ์

ข้อดีอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรม 4.0 คือความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นและโอกาสในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ง่ายขึ้น เนื่องจากโรงงานอัจฉริยะสามารถตั้งโปรแกรมได้ง่ายและปรับให้เข้ากับข้อกำหนดใหม่ๆ เช่น:การเพิ่มหรือลดการผลิต หรือผสมผสานการผลิตหลายผลิตภัณฑ์ในสายการผลิตเดียวกัน ปรับแต่งชุดการผลิตเฉพาะ เป็นต้น 

7.ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

ด้วยความยืดหยุ่นของ Industry 4.0 ยังนำเสนอโอกาสในการปรับปรุงบริการที่คุณนำเสนอแก่ลูกค้าและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เช่น การติดตามและตรวจสอบอัตโนมัติ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัญหาน้อยลงเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของผลิตภัณฑ์ คุณภาพของผลิตภัณฑ์จะดีขึ้น และเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและอัตราการรักษาลูกค้า

8.รายได้เพิ่มขึ้น

โรงงานอัจฉริยะสร้างรายได้ที่สูงขึ้นเนื่องจากประสิทธิภาพ ผลผลิต และความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น เช่น ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นสามารถใช้เพื่อให้ได้สัญญาใหม่ ในขณะที่ความยืดหยุ่นใหม่สามารถใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ต้องการการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ ความยั่งยืนที่ดีขึ้นที่ได้รับจากการดำเนินการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม 4.0 อาจใช้เพื่อดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ของธุรกิจ

9.ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น

ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจ หากสามารถผลิตได้มากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและเพิ่มรายได้ บริษัทก็จะทำกำไรได้มากขึ้น เทคโนโลยี Industry 4.0 จะช่วยให้องค์กรได้รับผลกำไรที่สูงขึ้นในขณะที่สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพเป็นนวัตกรรมใหม่ ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูดรายได้ใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งได้ ในขณะที่ยังคงรักษาข้อได้เปรียบทั้งหมดของวิธีการผลิตจำนวนมาก

ที่มาข้อมูล : Benefits Of Industry 4.0

สรุป

การเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เรียกได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจอุตสาหกรรมเท่านั้น ทุกๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องมีการปรับตัวเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น บทบาทของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและระบบดิจิทัล จะเข้ามาทำงานมากขึ้น สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้น ทำงานได้หลากหลาย ใช้กำลังคนน้อยลง ซึ่งการปรับตัวนั้นต้องทำการศึกษาเรียนรู้อย่างไม่รีบร้อน ทำความเข้าใจกับคนในองค์กร เพื่อการเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างยั่งยืน
Scroll to Top