2 ทศวรรษแสนว้าวุ่น! 10 แข้งริมเส้นน่าผิดหวังที่ แมนยู ทุ่มซื้อร่วมทัพ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ผู้เล่นริมเส้นทั้งฝั่งซ้ายและขวาขึ้นมาประดับวงการลูกหนังโลกมากมาย แต่ในปัจจุบันดูเหมือนว่าผู้เล่นในตำแหน่งนี้จะกลายเป็นจุดที่ทัพ "ผีแดง" เจอปัญหาเยอะมาก

"เร้ด เดวิลส์" มีผู้เล่นริมเส้นชั้นนำไม่ว่าจะเป็นไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม, จอร์จ เบสต์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, อันเดร แคนเชลสกี้ และ ลี ชาร์ป ซึ่งนักเตะเหล่านี้สร้างชื่อเสียงโด่งดังทั้งการเล่นให้กับสโมสร และทีมชาติ

อย่างไรก็ตามในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนผู้เล่นริมเส้นจะกลายเป็นของแสลงสำหรับ "ปีศาจแดง" เพราะพวกเขาเคยเซ็นสัญญานักเตะในตำแหน่งนี้ด้วยเม็ดเงินกว่า 372 ล้านปอนด์ (ราว 16,368 ล้านบาท) แต่ผลตอบแทนกลับไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่

ช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูฯ ทุ่มเงินรวม 150 ล้านปอนด์ (ราว 6,600 ล้านบาท) คว้าตัว เจดอน ซานโช่ กับ อันโตนี่ มาสร้างสีสันทางริมเส้น แต่ผลงานของพวกเขาไม่มีความโดดเด่นเลย ขณะที่นักเตะดาวรุ่งอย่าง อาหมัด ดิยัลโล่ และ ฟาคุนโด้ เปยิสตรี้ ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้มากนัก

งานนี้ลองมาพิจารณากันดูว่าตลอดระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องสูญเสียเงินไปกับการซื้อผู้เล่นริมเส้นมากแค่ไหแถมแต่ละคนดูแล้วทำผลงานไม่คุ้มกับเงินที่สโมสรเสียไป

1. ดาวิด เบลลิยง

เบลลิยง กับ โรนัลโด้ ย้ายมาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมๆ กันเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2003 และทั้งสองคนเล่นตำแหน่งปีก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ชีวิตของพวกเขาช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"ผีแดง" ควักกระเป๋าจ่ายเงินให้ ซันเดอร์แลนด์ 2 ล้านปอนด์ (ราว 88 ล้านบาท) แต่ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ไม่สามารถแจ้งเกิดในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเขาซัดไปแค่ 8 ประตูจากการเล่น 40 เกมตลอดทุกรายการ 

นักเตะถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ สุดท้าย เบลลิยง ย้ายกลับไปเล่นในฝรั่งเศสกับ นีซ ปี 2006 หลังใช้เวลาเล่นแบบยืมตัวกับพวกเขาก่อนหน้านั้น 1 ซีซั่น 

2. โซรัน โทซิช 

ดาวเตะชาวเซอร์เบีย ย้ายจาก ปาร์ติซาน เบลเกรด มาเล่นใน "โรงละครแห่งความฝัน" เดือนมกราคม 2009 ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ (ราว 308 ล้านบาท) ด้วยความหวังที่จะมาสร้างความแตกต่างให้กับทีม

นักเตะโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เอฟซี โคโลญจน์ หนึ่งปีถัดมา หลังได้ลงเล่นแค่ 5 เกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในทุกรายการ โดย โทซิช อำลา "ปีศาจแดง" แบบถาวรช่วงซัมเมอร์ปี 2010 เพื่อไปเล่นกับซีเอสเคเอ มอสโก

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามที่จะโน้มน้าวให้ โทซิช อยู่กับสโมสรต่อไป แต่ โทซิช ต้องการย้ายทีม แม้เขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมเมื่อช่วย มอสโก คว้าแชมป์เมเจอร์ 6 รายการ แต่หลังจากนั้นเขายอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่เลือกอำลา แมนฯ ยูฯ 

3. กาเบรียล โอแบร์กต็อง

แมนฯ ยูฯ ได้รับเงินค่าตัวเป็นสถิติโลกในช่วงเวลานั้น ตอนที่ขาย "ซีอาร์เซเว่น" ให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ (ราว 3,520 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 จากนั้นพวกเขาก็ทุ่มเงินเสริมทัพด้วยการคว้าตัว โอแบร์กต็อง, อันโตนิโอ วาเลนเซีย และ ไมเคิ่ล โอเว่น

"เซอร์เฟอร์กี้" ควักเงิน 3 ล้านปอนด์ (ราว 132 ล้านบาท) ให้กับ บอร์กโดซ์ เพื่อคว้าตัว โอแบร์กตอง มาร่วมทัพ โดยนักเตะได้ลงเล่นตัวจริง 3 เกมจาก 27 แมตช์ที่ค้าแข้งให้กับ "เร้ด เดวิลส์" ในทุกรายการ และยิงได้แค่ประตูเดียวใน 2 ฤดูกาล 

หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะโดนปล่อยลอยแพไปให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ช่วงซัมเมอร์ปี  2011 โดยเขาเล่น 58 เกมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตลอด 5 ซีซั่นในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค 

4. เบเบ้

ตอนนั้นเป็นอะไรที่สุดเซอร์ไพรส์ที่ แมนฯ ยูฯ ยอมควักเงินถึง 7 ล้านปอนด์ (ราว 308 ล้านบาท) เพื่อคว้าตัว เบเบ้ มาจาก วิตอเรีย กิมาไรซ์  แน่นอนว่านี่คือการย้ายทีมที่แปลกประหลาดและอาจจะไร้สาระที่สุดก็ได้

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอมรับว่าเขาไม่เคยได้เห็น เบเบ้ เล่นแม้แต่เกมเดียว โดยที่ตัดสินใจอนุมัติให้คว้าตัวเพราะเชื่อลมปากของ  คาร์ลอส เคยรอซ ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่เป็นมือขวาของ "ป๋า" เป็นคนแนะนำและการันตีฝีเท้าแข้งรายนี้

สำหรับการลงทุนในครั้งนี้เป็นหนึ่งในความผิดพลาดอย่างแท้จริงของสโมสร เพราะนักเตะยิงได้แค่ 2 ประตูจากการเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ 7 แมตช์ตลอด 4 ฤดูกาล นอกจากนี้เขายังถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เบซิคตัส, ริโอ อาฟ และ ปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิก้า แบบถาวรช่วงซัมเมอร์ปี 2014 

5. วิลฟรีด ซาฮา 

แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญากับ วิลฟรีด ซาฮา ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ราว 660 ล้านบาท) เมื่อเดือนมกราคม 2013 แต่ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ คริสตัล พาเลซ ต้นสังกัดเดิมจนกระทั่งจบซีซั่น

ซาฮา ดูเหมือนจะเป็นจิ๊กซอว์แรกสำหรับ "ป๋า" ในการสร้างทีมใหม่ แต่กลายเป็นว่าเขาคือผู้เล่นคนสุดท้ายที่ ยอดคนชาวสกอตแลนด์ เซ็นสัญญามาร่วมทัพ เพราะจบซีซั่น 2012/2013 เจ้าตัวตัดสินใจวางมือจากการเป็นกุนซือ

จะว่าไปแล้ว ซาฮา เป็นหนึ่งในนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยเขาได้รับการโหวตคว้ารางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยม อีเอฟแอล ปี 2012 อย่างไรก็ตามนักเตะหมดอนาคตในยุคเดวิด มอยส์ และได้เล่นตัวจริงแค่ 2 เกมจาก 4 แมตช์ให้กับทีมชุดใหญ่

หลังจากนั้น ซาฮา ซึ่งปัจจุบันอายุ 30 ปี โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ คาร์ดิฟฟ์ และ พาเลซ ก่อนที่เขาจะหวนกลับมาค้าแข้งในถิ่นเซลเฮิร์สท์ พาร์ค  แบบถาวรในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 

6.  อังเคล ดิ มาเรีย

ต้องบอกว่านี่คือการเสี่ยงที่สุดแสนย่ำแย่สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในการที่พวกเขาทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัว อังเคล ดิ มาเรีย มาร่วมทัพ เพราะนักเตะทำผลงานได้น่าผิดหวัง และทัศนคติยังย่ำแย่ด้วย

"ปีศาจแดง" ทุ่มเงินถึง 59.7 ล้านปอนด์ (ราว 2,626.8 ล้านบาท) เพื่อกระชากตัวนักเตะมาจาก "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด โดยในเวลานั้นจำนวนตัวเลขที่ทีมจ่ายไปถือเป็นสถิติการย้ายทีมในลีกอังกฤษเลยทีเดียว

ดิ มาเรีย ได้รับเกียรติให้สวมเสื้อตำนานหมายเลข 7 และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นด้วยการซัด 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์จากการลงสนาม 4 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก แต่นั่นคือฟอร์มที่ดีที่สุดของสตาร์ชาวอาร์เจนตินา เพราะหลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้นการที่นักเตะ และครอบครัวไม่สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ ดิ มาเรีย ล้มเหลวกับทีม โดยเฉพาะ จอร์เจลิน่า การ์โดโซ่  ภรรยาของเขาที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเกลียดเมืองแมนเชสเตอร์เข้าไส้ ก่อนที่เขาจะย้ายไปประสบความสำเร็จกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 

7. เมมฟิส เดอปาย 

นักเตะรายนี้ก็เหมือนกับ ดิ มาเรีย โดย เมมฟิส เดอปาย ย้ายมาเล่นกับ แมนฯ ยูฯ พร้อมกับความคาดหวังมหาศาล หลังจากที่สโมสรยอมจ่ายเงิน 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,100 ล้านบาท) จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ช่วงซัมเมอร์ปี 2015

เดอปาย ได้รับโอกาสสวมเสื้อเบอร์ 7 แม้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ก็ตาม แต่ศักภยาพของนักเตะไม่สามารถงัดออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นทางในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แข้งชาวดัตช์ ซัดไปแค่ 7 ประตูจาก 53 เกมจากการเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในทุกรายการ และลงสนามเพียง 8 เกมในซีซั่นที่สองกับ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะโดนขายทิ้งให้กับ โอลิมปิก ลียง ในเดือนมกราคม ปี 2017

8.  แดเนี่ยล เจมส์ 

เจมส์ ซัดประตูในเกมเดบิวต์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แมตช์ไล่ต้อน เชลซี 4-0 ในนัดเปิดซีซั่น 2019/2020 และจากนั้นก็ซัดเพิ่มอีกสองประตูในอีกสามแมตช์ถัดมา ซึ่งถือเป็นฟอร์มที่โดดเด่นเด็ดสะระตี่เหลือเกิน

"ปีศาจแดง" กระชากตัว สตาร์ทีมชาติเวลส์ มาจาก "หงส์ขาว" สวอนซี ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ (ราว 660 ล้านบาท) โดยนักเตะได้ลงเล่นตัวจริง 18 เกมจาก 26 แมตช์ในฤดูกาลที่สองกับสโมสร ที่สำคัญเขาซัดไป 9 ประตูและ 9 แอสซิสต์ตลอด 74 แมตช์ที่อยู่ใน "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม" 

หลังจากที่หมดอนาคตกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,320 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นกรณีที่หายากมากๆ ที่ "ผีแดง" สามารถขายผู้เล่นแล้วได้กำไร 

9. เจดอน ซานโช่

เจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย พยายามไล่ล่าตัว เจดอน ซานโช่ มานาน จนกระทั่งประสบความสำเร็จในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ทุ่มเงิน 73 ล้านปอนด์ (ราว 3,212 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์ปี 2021คว้านักเตะมาเสริมแกร่งได้ตามความต้องการ

อย่างไรก็ตาม ซานโช่ ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนตอนที่เล่นให้กับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้เลย โดยเขาซัดไปแค่ 12 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการเล่น 82 เกมในทุกรายการ แถมนักเตะยังเจอกับปัญหาหนักทั้งในและนอกสนาม 

เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 23 ปี พลาดลงสนาม 4 เดือนเนื่องจากต้องรับมือกับปัญหาด้านร่างกาย และจิตใจ แถมล่าสุดเขายังมีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก กรณีที่ออกมาตอบโต้กุนซือเรื่องที่อ้างว่าซ้อมไม่ดี และยืนยันว่าตัวเองเป็นแพะรับบาป 

แม้ว่าปัจจุบัน ซานโช่ จะเคลียร์ใจกับ กุนซือชาวดัตช์ ไปแล้ว และจัดการลบโพสต์ดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์เรียบร้อย แต่กระนั้นดูเหมือนว่าอนาคตของเขากับสโมสรยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย 

10. อันโตนี่

แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามมองหาทางแก้ปัญหาในตำแหน่งปีกด้วยการเซ็นสัญญากับ อันโตนี่ มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม โดยนักเตะโชว์ฟอร์มงามหยดชดช้อยด้วยการซัด 3 ประตูจากการเล่น 3 เกมแรกในศึกพรีเมียร์ลีก

ดาวเตะชาวบราซิเลียน ย้ายมาร่วมทัพ "เร้ด เดวิลส์" ด้วยค่าตัวมหาศาล 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงสุดอันดับสามในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร ต่อจาก ปอล ป็อกบา และ โรเมลู ลูกากู 

สำหรับฤดูกาลเปิดตัวของ อันโตนี่ เขาสามารถซัดไป 8 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ในทุกรายการให้ต้นสังกัด ซึ่งถือเป็นฟอร์มที่น่าประทับใจมากๆ และทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" มีความหวังในการลุ้นความสำเร็จอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามในฤดูกาลปัจจุบัน อันโตนี่ ทำผลงานได้น่าผิดหวัง แถมยังมีปัญหาส่วนตัวเมื่อถูกอดีตแฟนสาวแจ้งความคดีทำร้ายร่างกาย และตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนอย่างเร่งด่วน

ณ ตอนนี้คดีดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป แต่สโมสรดำเนินการสั่งพักงาน อันโตนี่ ชั่วคราว เพื่อให้นักเตะไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะหากให้กับมาเล่นเจ้าตัวคงไม่มีสภาธิ แถมสโมสรมีสิทธิ์โดนตำหนิไปด้วย 

ทอมเม้ง

ข้อมูลภาษาอังกฤษ : dailymail.co.uk


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport