สวีเดนติดตั้ง “ว่าว” พลังงานน้ำขึ้นน้ำลงที่ใหญ่ที่สุดในโลก แค่ตัวเดียวผลิตไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนกว่า 1,000 หลัง

Minesto สตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดน ที่มีความเก่งกาจและเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์ว่าวพลังงานน้ำขึ้นลง ล่าสุดเดินหน้าติดตั้งว่าวยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในหมู่เกาะแฟโรซึ่งอยู่ไกลโพ้น เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับบ้านเรือน 1,000 หลัง


มีผู้คนใช้ประโยชน์จากพลังงานน้ำขึ้นน้ำลงเพื่อการสีเมล็ดพืชมาเป็นเวลากว่า 1,000 ปีแล้ว และอุปกรณ์ในปัจจุบันสำหรับใช้ในแหล่งพลังงานตลอด 24 ชั่วโมงนี้ มีความซับซ้อนกว่า
แทนที่จะเล่นว่าวบนชายหาด Minesto เปลี่ยนมาเล่นในมหาสมุทร เนื่องจากน้ำมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศเกือบพันเท่า ดังนั้นพลังงานที่ได้จึงมีความเข้มข้นมากกว่ามาก

หนึ่งในการออกแบบที่สะดุดตาที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ “ว่าว” โลหะขนาดใหญ่ ซึ่งลอยทวนกระแสน้ำอยู่ใต้ท้องทะเล เพื่อหมุนโรเตอร์ (ส่วนเคลื่อนที่เพื่อหมุนเพลาแล้วจ่ายพลังงานกลออกมา) และผลิตกระแสไฟฟ้า จากนั้นไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังโครงข่ายโดยใช้สายเคเบิลใต้ทะเลซึ่งทำหน้าที่เป็นสายโยงว่าวด้วย
ปัจจุบัน ว่าวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา หรือที่รู้จักในชื่อ Dragon 12 กำลังจะถูกติดตั้งนอกหมู่เกาะแฟโร เขตปกครองตนเองของเดนมาร์ก ด้วยปีกที่กว้างถึง 12 เมตร เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ 1.2 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเพียงพอที่จะจ่ายให้กับบ้านเรือนประมาณ 1,000 หลัง โดยขณะนี้ว่าวกำลังถูกส่งจากสวีเดนไปยังหมู่เกาะแฟโรเพื่อทำการติดตั้ง

ว่าวดังกล่าวได้รับการออกแบบครั้งแรกโดยบริษัทรถยนต์ Saab จากสวีเดน จากนั้นจึงออกสู่ตลาดในปี 2550 โดย บริษัท Minesto สตาร์ทอัพในเครือ Saab เช่นกัน ซึ่งได้ปรับปรุงเทคโนโลยีนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยเงินทุนมากกว่า 40 ล้านยูโรจากกองทุนเพื่อการพัฒนาภูมิภาคยุโรป ซึ่ง Minesto อ้างว่าเป็นการลงทุนด้านพลังงานทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปจนถึงปัจจุบัน
แม้จะมีศักยภาพมหาศาลสำหรับการผลิตพลังงานทดแทน แต่เทคโนโลยีกระแสน้ำขึ้นน้ำลงยังคงถูกนำไปใช้ประโยชน์น้อยเกินไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการควบคุมการลดลงและการไหลของมหาสมุทรในอดีตเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างเรือบรรทุกหรือกังหันในกระแสน้ำที่มีราคาแพง (โดยพื้นฐานแล้วคือกังหันลมที่ผูกติดอยู่กับก้นทะเล) ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทร

Minesto เชื่อว่าการผสมผสานพลังงานหมุนเวียนที่สมดุลเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่ระบบพลังงานแห่งอนาคตที่ยั่งยืน กระแสน้ำขึ้นน้ำลงและกระแสน้ำในมหาสมุทรมีความน่าเชื่อถือและไม่สิ้นสุด เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะกระแสน้ำเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ของแรงโน้มถ่วงของโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ การเคลื่อนที่สัมพัทธ์นี้ทำให้เกิดกระแสน้ำขึ้นน้ำลงทั่วโลกซึ่งมีพลังงานจำนวนมหาศาล เนื่องจากสามารถทำนายตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำในระดับสูง ข้อมูลนี้จึงสามารถนำไปใช้ทำนายการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำและความเร็วกระแสน้ำได้ทุกที่ในโลก
เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรหมุนเวียนที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและแตกต่างนี้ บริษัทฯ จึงพัฒนาเทคโนโลยีว่าวพลังงานน้ำขึ้นน้ำลงให้มีน้ำหนักเบา แยกส่วน และปรับขนาดได้ ซึ่งจะปลดล็อกทำให้โลกพึ่งพาทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนที่คาดการณ์ได้
นอกจากนี้ ยังเป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีการใช้ที่ดินน้อยที่สุดและไม่มีผลกระทบต่อการมองเห็น จากการที่ในหลายภูมิภาคทั่วโลกมีทรัพยากรที่ดินสำหรับโครงการพลังงานทดแทนจำกัด การพัฒนาโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์จึงต้องแข่งขันกับการใช้ประโยชน์ที่ดินอื่นๆ แค่เทคโนโลยีพลังงานใต้ท้องทะเล เช่น เทคโนโลยีว่าวพลังงานน้ำขึ้นน้ำลงของ Minesto นั้นอยู่ใต้ทะเลไม่ส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยและไม่ต้องใช้ประโยชน์ใดๆ จากที่ดินที่มีจำกัด

“ว่าวใต้น้ำ” ทำงานอย่างไร
  • เทคโนโลยีของ Minesto ผลิตกระแสไฟฟ้าจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลงและกระแสน้ำในมหาสมุทรด้วยหลักการเฉพาะและจดสิทธิบัตรแล้วคล้ายกับการเล่นว่าวในสายลม
  • ปีกใช้แรงยกอุทกพลศาสตร์ที่สร้างขึ้นโดยกระแสน้ำใต้น้ำเพื่อขับเคลื่อนว่าวด้วยระบบควบคุมบนตัวว่าวจะถูกบังคับทิศทางโดยอัตโนมัติตามวิถีโคจรเป็นเลข 8 ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยจะดึงกังหันผ่านน้ำด้วยการไหลของน้ำที่สูงกว่าความเร็วกระแสน้ำจริงหลายเท่า
  • เพลากังหันจะเปลี่ยนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าซึ่งจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับโครงข่ายโดยใช้สายไฟในสายเคเบิลใต้ทะเลไปยังฝั่ง
ในอนาคต Minesto จะร่วมกับ SEV บริษัทสาธารณูปโภคด้านพลังงานในท้องถิ่น ตั้งเป้าที่จะสร้างความจุว่าวพลังงานน้ำขึ้นน้ำลงขนาด 120MW ในหมู่เกาะแฟโร โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตนี้จะประกอบด้วยว่าวประมาณ 100 ตัว สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ 40% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าของหมู่เกาะแฟโร

ทั้งนี้หมู่เกาะแฟโรเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลกในการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืน โดยไฟฟ้ามากกว่า 50% ของประเทศมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน
หมู่เกาะแฟโรไม่มีปัญหาการขาดแคลนพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากกระแสน้ำในมหาสมุทรและกระแสน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติกตะวันออกเฉียงเหนือและลมที่พัดแรง
ด้วยเครือข่ายไฟฟ้าพลังน้ำที่มีอยู่จากลำธารและทะเลสาบบนภูเขา การแปลงแหล่งพลังงานธรรมชาติอื่นๆ ให้เป็นพลังงานสีเขียวที่ราคาไม่แพงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สัดส่วนของพลังงานสีเขียวในโครงข่ายไฟฟ้าของหมู่เกาะแฟโรกำลังเพิ่มขึ้น โดยมีการติดตั้งกังหันลมเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่ดีสำหรับพลังงานไฟฟ้าจากกระแสน้ำในมหาสมุทรที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบนี้
โดย SEV ต้องการบรรลุการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% ในหมู่เกาะแฟโรภายในปี 2573 รวมถึงมีความพยายามในการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลในกิจกรรมอื่นๆ โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาลหมู่เกาะแฟโร ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการพัฒนานโยบายและความริเริ่มในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

ที่มา :