คลื่นความร้อนในเอเชียใต้ทะลุ 50 องศาเซลเซียส ส่งสัญญาณเตือนอะไรกับโลกของเรา

ฤดูร้อนมาถึงเอเชียใต้เร็วเกินไปแล้ว คลื่นความร้อนที่รุนแรงส่งผลทำให้ในบางพื้นที่ของอินเดียมีอุณหภูมิเกิน 50 องศาเซลเซียส โรงเรียนบางแห่งต้องปิดในช่วงต้นฤดูร้อน ขณะที่มีหลายสิบคนเสียชีวิตจากโรคลมแดด…ปรากฎการณ์นี้กำลังบอกอะไรกับโลกของเรา


ภูมิภาคเอเชียใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อากาศร้อนจัดเป็นเรื่องปกติในเดือนพฤษภาคมของทุกปี แต่ไม่ใช่ในเดือนเมษายนและมีนาคม โดยเฉพาะที่อินเดีย คลื่นความร้อนแผลงฤทธิ์รุนแรงในช่วงกลางและปลายเดือนเมษายน 2022 ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4.5-8.5 องศาเซลเซียส ทางตอนกลาง ตะวันออก และตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่มีบันทึกว่าเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนมีนาคมที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียเริ่มเก็บบันทึกข้อมูลสภาพอากาศเมื่อ 120 กว่าปีที่แล้ว
อินเดีย
หลายเมืองทั่วอินเดียอุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 43 องศา
ชาวอินเดีย
ในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐอุตตราขัณฑ์และรัฐหิมาจัลประเทศ พบว่าหิมะบนภูเขาได้ละลายอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ไฟป่าขนาดใหญ่กว่า 300 จุด ถูกเผาทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 27 เมษายน ตามรายงานของ Forest Survey of India โดยเกือบ 1 ใน 3 เกิดขึ้นในรัฐอุตตราขัณฑ์

Chrisell Rebello วัย 37 ปี บอกกับสำนักข่าว NPR ในขณะที่ยืนอยู่นอกร้านไอศกรีมในมุมไบตอนเวลา 23.00 น. ว่า “เราต้องการเครื่องดื่มเย็นๆ เครื่องปรับอากาศ และอาบน้ำวันละหลายครั้ง…มันโคตรจะร้อนเลย!”

มีเพียงเศษเสี้ยวของชาวอินเดียเท่านั้นที่มีกำลังทรัพย์พอจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่แน่นอนว่าเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้นถึงจะได้อยู่ในห้องที่เย็นฉ่ำ แทนที่จะต้องนำผ้าไปแช่น้ำแล้วแขวนไว้ที่ประตูและหน้าต่างเพื่อระบายความร้อนที่แผดเผา

ชาวอินเดีย

อย่างไรก็ตาม พัดลมไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศได้ผลักดันความต้องการไฟฟ้าของอินเดียให้สูงเป็นประวัติการณ์
ปัญหาคือ 70% ของไฟฟ้าในอินเดียมาจาก “ถ่านหิน” ซึ่งเป็นพลังงานฟอสซิสที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นรัฐบาลของนเรนทรา โมดี จึงเปลี่ยนรถไฟโดยสารเป็นบริการขนส่งสินค้า เพื่อเร่งส่งถ่านหินไปยังโรงไฟฟ้าที่ประสบปัญหา และนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศมากขึ้น
สืบเนื่องจากคลื่นความร้อนที่ไม่หยุดนิ่งดังกล่าว ได้ผลักดันความต้องการไฟฟ้าให้สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่วิกฤตพลังงานครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 6 ปี และบังคับให้อินเดียต้องกลับไปใช้นโยบายที่จะลดการนำเข้าถ่านหิน
ในระยะสั้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอินเดียไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผาถ่านหินเพื่อให้พัดลมและเครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือนและสำนักงานต่างๆ ยังคงใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะยาวจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อหลีกเลี่ยงวงจรอุบาทว์ของภาวะโลกร้อน

ถ่านหิน

Ulka Kelkar นักเศรษฐศาสตร์จากเบงกาลูรูและผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute; WRI) กล่าวว่า “เมื่อต้องเผชิญกับความร้อนและความชื้นในบางช่วง ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อวัยวะของร่างกายของมนุษย์จะทำงานได้ตามปกติ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ร่างกายไม่สามารถทำให้ตัวเองเย็นลงได้ และประชากรส่วนใหญ่ของเราในอินเดียยังคงทำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะการก่อสร้างอาคาร และในโรงงานที่ไม่ได้รับการระบายความร้อน”

ทั้งนี้ ประเมินว่าผู้คนมากกว่า 1,000 ล้านคน เสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากความร้อนทั่วเอเชียใต้ ขณะที่โรงพยาบาลต่างๆ กำลังเตรียมหอผู้ป่วยพิเศษเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้โดยเฉพาะ
นอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพร่างกายของมนุษย์แล้ว คลื่นความร้อนยังส่งผลกระทบต่อทรัพยากรอาหารอีกด้วย เพราะทำให้เกิดช่วงเวลาวิกฤตในการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในภูมิภาคนี้ด้วย โดยในรัฐปัญจาบของอินเดียซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ พบว่าบรรดาเกษตรกรต่างเป็นทุกข์กับผลผลิตและพืชผลที่ลดลง รวมถึงผลกำไรที่ลดลง
ผู้คนพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ในช่วงบ่ายของฤดูร้อนอันอบอ้าวในเมืองลัคเนา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนกลางของอินเดียในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาพคลื่นความร้อนกำลังแรงพัดปกคลุมพื้นที่ทางเหนือและตะวันตกของอินเดีย // ภาพโดย Rajesh Kumar Singh : AP
“เนื่องจากความร้อนจัด เมล็ดพืชที่เราเก็บเกี่ยวจะเหี่ยวเฉา” Major Singh เกษตรกรชาวปัญจาบ บอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
นี่เป็นช่วงเวลาที่อินเดียหวังว่าจะกระตุ้นการส่งออกข้าวสาลี เพื่อช่วยชดเชยการขาดแคลนธัญพืชทั่วโลกจากปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน
Suruchi Bhadwal ผู้อำนวยการด้านธรณีศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสถาบันพลังงานและทรัพยากร (TERI) กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีที่ให้ผลผลิตที่น่าผิดหวัง อาจเป็นลางบอกเหตุของสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากประเทศต่างๆ ไม่ทำทุกอย่างด้วยอำนาจของตนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและจำกัดอุณหภูมิต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ตามคำแนะนำขององค์การสหประชาชาติ
“อินเดียกำลังส่งเสียงเตือนเราอยู่ในขณะนี้ และแต่ละประเทศต้องตระหนักแล้วว่า เราจะไม่ได้รับสัญญาณเตือนภัยเช่นนี้ตลอดไป (นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนครั้งสุดท้าย และหายนะจะถาโถม จู่โจมจนเราตั้งตัวไม่ติด)”

ที่มา :