วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มอบหมายให้ นายพงษ์มนู ทองหนัก รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ภาคภูมิ ทวีสิน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอวังทอง และ นางสิงห์ จันทะคุณ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เขตอำเภอชาติตระการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีทำบุญเปิดสะพานข้ามแม่น้ำเช็ก เชื่อมระหว่างพื้นที่หมู่ที่ 9 บ้านแก่งซอง ตำบลแก่งโสภา กับหมู่ที่ 18 บ้านแก่งเจริญ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคม และกิจกรรมนันทนาการของวุฒิสภา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ และคณะร่วมพิธี มี นายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอวังทอง พร้อมด้วย นายชัยยนต์ มาไชยนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังนกแอ่น นายนรินทร์ เตชะพันธ์รัตนกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแก่งโสภา พร้อมผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนของทั้งสองตำบลร่วมพิธีเปิดสะพานฯ
ทั้งนี้เดิมทีชาวบ้านหมู่ 18 บ้านแก่งเจริญ ตำบลวังนกแอ่น มีความยากลำบากในการคมนาคมหากมีภารกิจที่จะต้องเดินทาง หรือนำผลิตผลทางการเกษตรไปจำหน่ายต้องเดินทางไปข้ามสะพานท่าข้าม ระยะทางไกลถึง 18 กิโลเมตร และบางครั้งชาวบ้านเกิดเจ็บป่วยและนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันจนเสียชีวิตระหว่างทางถึง 5 ราย ทางผู้ใหญ่บ้านจึงนำเรื่องราวดังกล่าวประสานไปยังที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมการดำเนินการจัดกิจกรรม และสังคมของสมาชิกวุฒิสภา จากนั้น นายชัยยนต์ มาไชยนาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังนกแอ่น พร้อมผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นร่วมสำรวจพื้นที่ และได้รับการอุทิศที่ดินของ จำนวน 1 ไร่ 8 ตารางวา จาก คุณจิรศักดิ์ -คุณจินดา มาแก้ว เพื่อก่อสร้างถนนเชื่อมสะพาน พร้อมทั้งได้ประสานกับทางหลวงชนบทและโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก โดย นายไพบูลย์ ณ บุตรจอม สมัยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ผลักดันให้ใช้งบพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ 2565 และขอความอนุเคราะห์โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก ออกแบบ และใช้งบประมาณในการดำเนินการก่อสร้างสะพาน จำนวน 16,203,000 บาท งานจนสำเร็จลุล่วงและเปิดให้ประชาชนทั้งสองตำบลคือ ตำบลวังนกแอ่น และตำบลแก่งโสภา จำนวน 5 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 4,000 คน ได้ใช้สัญจรและขนส่งพืชผลทางการเกษตรไปจำหน่ายได้สะดวกมากขึ้น.
