ย้อนรอย Unseen ทุ่งดอกบัวตองดอยหัวแม่คำ เชียงราย
ทุ่งดอกบัวตองดอยหัวแม่คำ ชื่อนี้สำหรับฉันเรียกได้ว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ย้อนไป 5 ปีก่อน เมื่อครั้งที่เริ่มเดินทางท่องเที่ยวสถานที่นี้ คือ อันดับต้นที่ฉันเลือกเดินทาง ทุ่งดอกบัวตองหัวแม่คำในตอนนั้นเพิ่งได้รับการจัดอันดับจาก ท ท ท ให้เป็น 1 ใน Unseen Thailand แต่ถึงอย่างไรน้อยคนนักที่จะรู้จักที่นี่ ในขณะที่หลายคนกำลังมุ่งหน้าไปชมทุ่งดอกบัวตองยอดฮิต ที่ดอยแม่อูคอ แม่ฮ่องสอน แต่ฉันชอบเดินทางไปในที่ที่คนไม่รู้จักและไม่ค่อยมีใครไปเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ทริปนั้นถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจและยังอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดมานึกถึงทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง จนมาถึงมาวันนี้อยากกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำอีกครั้ง อยากรู้ว่าในเวลานี้จะเปลี่ยนไปจากเดิมมากมั้ย
เดินเล่นชมหมู่บ้านซักพักใหญ่เพื่อรอรถกระบะมารับขึ้นไปยังวนอุทยานเพราะรถตู้สามารถวิ่งมาได้ถึงแค่หมู่บ้านเท่านั้น หลังจากนั้นต้องใช้รถกระบะขึ้นไป ฉันใช้บริการรถกระบของชาวบ้านในหมู่บ้าน มีให้บริการอยู่ 1 เจ้า ถามเบอร์มาแต่พี่เค้าบอกว่าจำเบอร์ตัวเองไม่ได้ต้องกลับไปดูที่บ้านแต่บอกว่า ชื่อ ต้าหลี่ ถามใครก็รู้จักหมดบอกว่าจะใช้รถกระบะขึ้นดอยหัวแม่คำก็ได้ แอบเดินไปสำรวจมาบ้านพี่ต้าหลี่อยู่หน้าหมู่บ้านเลยค่ะ ถ้ามาถึงก็ถามร้านค้าหน้าหมู่บ้านได้ แต่ฉันคิดว่าถึงแกให้เบอร์โทร เมื่อมาถึงหัวแม่คำก็คงต้องใช้วิธีการถามและเดินหาเท่านั้น เพราะโทรศัพท์ทุกค่ายแทบใช้ไม่ได้ไม่มีสัญญาณตั้งแต่ช่วงเลยบ้านเทอดไทไป ที่หมู่บ้านพยายามหาและเจอจุดเดียวของ AIS (ค่ายอื่นหมดสิทธิ์) ตรงบ้านไม้ข้างสนามฟุตบอลเก่าแต่สัญญาณอ่อนมาก ทางขึ้นไปวนอุทยานจะอยู่ภายในหมู่บ้านมีป้ายบอกทางไป 2 ก.ม. เส้นทางเป็นดินลูกรัง ชันบางช่วง เพราะฉะนั้นรถที่จะขึ้นไปได้ต้องเป็นรถกระบะที่มีแรงขับเคลื่อนเท่านั้น แต่เห็นมีนักบิดมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปได้ซึ่งต้องขับชำนาญมากพอสมควร ส่วนรถเก๋ง รถตู้หมดสิทธิ์ ต้องจอดไว้ที่หมู่บ้าน ค่าบริการไป กลับ 1000 บาท
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเราก็มาถึง วนอุทยานดอยหัวแม่คำ ซึ่งตั้งอยู่จุดสูงสุด เห็นดอกบัวตองบานสะพรั่งสวยงามแต่ไกล มาเที่ยวดอยหัวแม่คำแนะนำว่าให้พักที่นี่จะสะดวกที่สุด เพราะเราสามารถตื่นมาและชมทะเลหมอกตอนเช้าได้เลยแบบไม่ต้องเร่งรีบ แต่ถ้าพักที่เกษตรที่สูงต้องขับรถขึ้นมาแต่เช้าถ้ามีรถกระบะเป็นของตัวเองก็ไม่น่ามีปัญหาแต่ถ้ามารถตู้ รถเก๋งจะติดต่อรถขึ้นไปตอนเช้าอาจลำบากหน่อยเพราะมีพี่ต้าหลี่ให้บริการอยู่เจ้าเดียวและก็ไม่ได้ให้บริการเป็นกิจลักษณะต้องนัดคิวกันให้ดีๆ ขนาดฉันไปถึงตอนบ่ายแก่ๆ แกบอกว่าขึ้นตอนนี้ไ่ม่ได้เพราะภรรยาไม่อยู่บ้าน ต้องรอให้แกพร้อมก่อนอีกต่างหาก จนสุดท้ายพยายามหาสัญญาณโทรศัพท์ตั้งนานเพื่อโทรหาหัวหน้าวนอุทยานให้ประสานงานให้ถึงยอมขึ้นไป วนอุทยานมีบ้านพักเพียง 3 หลังเท่านั้น ต้องติดต่อล่วงหน้าโดยอัตราค่าบริการแล้วแต่จะให้เป็นค่าบำรุงพื้นที่ คณะฉันจำนวน 10 คน ให้ไป 2500 บาท บ้านหลังหนึ่งแบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องหนึ่งพักได้ เต็มที่ 10 คน อัดกันไปนิดหน่อยเพราะเราเลือกไม่ได้แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่จะจัดสรรให้ แต่ถ้าไม่ได้นอนบ้านก็สามารถนำเต้นท์มากางเองได้ มีที่สำหรับกางเต้นท์อยู่พอสมควร
ภายในห้องพักมีเครืองนอนให้ มีห้องน้ำให้แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น จริงแล้วบ้านพักเป็นของเจ้าหน้าที่ซึ่งจัดสรรมาให้นักท่องเที่ยวได้พัก เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรน่ะค่ะ มาถึงข้างบนมีบ้านให้นอน มีที่นอน ผ้าห่ม มีห้องน้ำในตัว ในวินาทีนี้ก็เลิศที่สุดแล้ว ส่วนไฟฟ้าปั่นตั้งแต่ 6 โมงเย็น – 4 ทุ่ม
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยก็ออกมาเดินเล่นชมดอกบัวตองที่กำลังบานสะพรั่งตรงบริวเณป้ายอุทยานจะมีให้เราเห็นเยอะที่สุด ดอกบัวตองดอยหัวแม่คำจะไม่ได้กว้างใหญ่และเยอะเท่ากับดอยแม่อูคอ แม่ฮ่องสอน เพราะที่นี่ขึ้นเองตามธรรมชาติแซมไปตามหมู่บ้านและตามไหล่เขา มาเที่ยวทุ่งดอกบัวตองอยากเจอแบบบานเต็มที่ให้มาช่วงกลางเดือนพ.ย. จะดีที่สุดค่ะ เพราะหลังจากนั้นจะเริ่มเหี่ยวแล้วค่ะ
แสงยามเย็นส่องมากระทบดอกบัวตอง
ลองส่องแมลงและผึ้งน้อยที่บินไปมาบ้าง
โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย
ดอกหญ้าปลิวๆ อยู่ใกล้ดอกบัวตอง ฉันเห็นแล้วรู้สึกว่ามันดูนุ่มนวล ฉันชอบที่จะถ่ายภาพดอกหญ้าเสมอ
หลับไปกับความเหนื่อยล้าจากการตะลุยมาตลอดทั้งวัน เวลาเช้ามืดตื่นออกมาจากหน้าบ้านพักแค่เพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้เจอภาพนี้อยู่ตรงหน้าบ้านพัก ฉันมาดอยหัวแม่คำครั้งก่อนพักกับชาวบ้านในหมู่บ้านโดยขึ้นมาที่นี่ช่วงเย็นถ่ายภาพดอกบัวตองแล้วก็ลงไปในหมู่บ้านไม่ได้ค้าง ในครั้งนั้นฉันเน้นถ่ายภาพแต่ทุ่งดอกบัวตองที่บานในหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดไฮไลต์ รู้ว่าพอมีหมอกแต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เจอ
ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีทองอมม่วงชมพู เป็นสัญญาณบอกว่าพระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาทีละน้อยในไม่ช้านี้
แสงอาทิตย์เริ่มกระจายตัวไปยังทะเลหมอกเป็นบางจุด เพียงแค่เสี้ยววินาทีสีและแสงก็เปลี่ยนไป
ฉันยืนเฝ้ามองท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ คิดในใจโชคดีจริงที่ได้มาเห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว มีความสุขทุกครั้งที่ได้มองและได้เห็น
ไม่เพียงแต่ฉันที่รอคอยแสงอาทิตย์เจ้าดอกบัวตองเองก็คงรอเช่นกัน
และแล้ววินาทีแห่งการรอคอยก็มาถึง ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาทักทายแล้ว เสียงนักท่องเที่ยวร้องออกมาด้วยความดีใจเพราะก่อนหน้านี้เมฆเยอะมากคงคิดว่าไม่ได้เห็นแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นานพระอาทิตย์ก็ลาหายไปในก้อนเมฆอีกครั้ง
ฉันเริ่มเปลี่ยนมุมมองในการชมวิวทะลเหมอกจากจุดชมวิวหน้าบ้านพัก ค่อยๆลงเดินไปข้างล่าง แต่ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงจุดไหนก็จะได้เห็นภาพความอลังการของทะเลหมอกได้แทบทุกจุดเหมือนมันลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้า
จุดกางเต้นท์อีกหนึ่งจุดเห็นแล้วชิวดีจริงตั้งใจว่าจะลงไปชมวิวข้างล่างตรงป้ายวนอุทยานซึ่งตรงนั้นจะมีดอกบัวตองเยอะเผื่อว่าจะได้มุมมองอะไรที่แปลกไป แต่แล้วขณะที่กำลังหยุดพักยืนมองทะเลหมอกตรงจุดกางเต้นท์นี้ซักพัก ก็เห็นแสงอาทิตย์ลอดก้อนเมฆเป็นแฉก ฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ ว่า แสงสวรรค์
ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปยังจุดชมวิวหน้าบ้านพักที่ยืนอยู่ตอนแรก วิ่งขึ้นที่สูงทำเอาเกือบหายใจไม่ทันลำพังเดินปกติก็แอบเหนื่อยขอหยุดพักหายใจที่จุดนี้ซักครู่
แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหน ฉันยอมเพราะโอกาสที่จะได้เจอภาพแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก เราจะรู้ว่ามันคุ้มค่า แสงสวยส่องมากระทบทะเลหมอกงดงามยิ่งนัก
ลำแสงเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อย ๆ นี่แหละธรรมชาติเวลาเปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยน
หันหลังมองไปยังฝั่งตรงข้ามหลังบ้านพัก หมอกค่อยๆลอยคลอดเคลียไปตามไหล่เขา ท้องฟ้าในเช้าวันใหม่เริ่มมีสดใสขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ขมุกขมัวไปด้วยเมฆก้อนโต
ฉันดินลงมาข้างล่างตามความตั้งใจแต่แรกอีกครั้ง ฟ้าเริ่มเคลียร์แดดอ่อนๆเริ่มส่องกระจายไปทั่วยอดดอย
ทุ่งดอกบัวตองตรงตรงป้ายวนอุทยานในยามเช้า
ฉันชอบที่นี่ตรงที่มีระเบียงไม้จุดชมวิวให้เราได้ออกไปยืนชมหลายจุด ทำให้เราได้องศาในการมองภาพที่แตกต่างกันไป
ฟ้าใสกับดอกบัวตอง ซึ่งอาจมีบางส่วนที่เริ่มโรยแล้วตามที่บอกไว้
หันหลังให้ท่านผู้ชมบ้าง
จบทริป ทุ่งดอกบัวตองดอยหัวแม่คำ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ที่นี่ยังคงเป็นทุ่งดอกบัวตองที่มีความเป็นธรรมชาติมีการปรุงแต่งน้อยมาก ฉันดีใจที่กลับมาครั้งนี้ได้เห็นภาพที่ไม่แตกต่างจากวันวานมากนัก แต่การมาดอยหัวแม่คำครั้งนี้มากขึ้นไปอีกที่ได้มาเจอทะเลหมอกและแสงสวยแบบที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เจอ คุยเล่นกับเพื่อนร่วมทริปว่าสงสัย 5 ปี กลับมาอีกครั้งก็คงไม่ต่างจากเดิมแต่ก็ไม่แน่นะเพราะฉะนั้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนไป รีบแพคกระเป๋าเดินทางเถอะค่ะ ธรรมชาติสวยกำลังรอคุณอยู่
โปรแกรมการเดินทาง 2 วัน 1 คืน ตามทริป
วันเดินทาง
21.00 น. นัดเจอที่ปั้ม ป ต ท วิภาวดีตรงข้ามม.หอการค้า
วันแรก
07.00 น. ถึงตัวเมืองเชียงรายรับประทานอาหารเช้า
10.00 น. แวะเที่ยวไร่ชาฉุยฟง
12.00 น. เข้าบ้านเทอดไทรับประทานอาหารกลางวันแวะซื้อเสบียง
14.00 น. เที่ยวชมทุ่งดอกบัวตองและวิถีชีวิตในหมู่บ้านหัวแม่คำ
15.30 น. ขึ้นไปยังวนอุทยานหัวแม่คำ ถ่ายภาพพักผ่อนตามอัธยาศรัย
วันที่สอง
06.00 น. ตื่นเช้ารับอากาศบริสุทธิ์ชมทะเลหมอกพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
10.00 น. ลงจากวนอุทยาน
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน เดินทางกลับกรงุเทพ
ค่าใช้จ่าย
ประมาณคนละ 2600 บาท (10 คน)