สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
“เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ”
ลิลิตพระลอเป็นยอดของลิลิต เพราะลิลิตพระลอมีอรรถรสที่มีความสมบูรณ์ครบทุกด้าน ทั้งความบันเทิง ปรัชญาที่สะท้อนวิถีชีวิต ซึ่งมีลักษณะเด่น แสดงออกถึงความมีอำนาจ ความมีฤทธิ์ ความรัก ความหลง ความกตัญญู ความจงรักภักดี ความพยาบาท ผูกอาฆาต ความเศร้าโศก และความตาย อันเป็นกฎอนิจจัง
ลิลิตพระลอเป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง 2 เมือง คือ เมืองสรวงกับเมืองสรอง โดยเมืองสรวงมีเจ้าเมืองผู้ครองนครชื่อว่า ท้าวแมนสรวง มีชายาพระนามว่า พระนางบุญเหลือ ทั้งคู่มีโอรสพระองค์หนึ่งรูปงามมากนามว่าพระลอ ส่วนเมืองสรองนั้นตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเมืองสรวง มีเจ้าเมืองชื่อว่าท้าวพิมพิสาคร ท้าวพิมพิสาครผู้นี้มีโอรสชื่อว่า ท้าวพิไชยพิษณุกร มีพระชายาชื่อว่า พระนางดาราวดี และมีพระธิดาสวยสดงดงามยิ่ง ชื่อว่าพระเพื่อน พระแพง
ครั้งหนึ่งท้าวแมนสรวงได้ยกทัพไปตีเมืองสรอง ท้าวพิมพิสาครยกทัพไปต่อต้านจนตัวต้องสิ้นชีพไปบนคอช้าง ท้าวพิไชยพิษณุกรผู้เป็นโอรสจึงกันพระศพพระบิดาเข้าเมือง แล้วปิดประตูเมืองจึงทำให้รักษาเมืองสรองไว้ได้ ฝ่ายท้าวแมนทรวงเห็นว่าตีเมืองสรองไม่ได้แน่จึงยกทัพกลับคืนพระนคร ทางเมืองสรองได้ทำพิธีอัญเชิญท้าวพิไชยพิษณุกรให้ขึ้นครองราชสือต่อจากพระบิดาโดยให้ พระเพื่อน พระแพง ไปปรนนิบัติเจ้าย่าผู้เคยเป็นชายาของท้าวพิมพิสาครที่ประทับอยู่อีกตำหนักหนึ่ง ส่วนทางเมือสรวงนั้นท้าวแมนสรวงไปขอ “พระนางลักษณวดี” ให้แก่พระลอ เมื่อท้าวแมนสรวงสิ้นพระชนม์ พระลอก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อมา
ความงามของพระลอนั้นเป็นที่เลืองลือไปโดยทั่ว เมื่อพระเพื่อนพระแพง ได้ทราบข่าวก็เกิดอาการหลงรัก มีอาการกินไม่ได้โศกเศร้าอยากเห็นหน้าพระลอเป็นอย่างยิ่ง จนนางรื่นนางโรยเกิดความสงสารจึงได้ไปติดต่อหมอทำเสน่ห์หลายคน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ สุดท้ายจึงได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย ปู่เจ้าสมิงพรายได้เล็งญาณดูจึงรู้ว่าบุคคลทั้ง 3 นั้นต้องมาชดใช้กรรมร่วมกันในชาตินี้ จึงรับปากช่วยด้วยการทำเสน่ห์ไปที่เมืองของพระลอ ครั้งแรกนั้นได้ใช้อาคม “ลูกกลม” ติดเหนือยอดยางขนาดเจ็ดคนอ้อมแต่ไม่สำเร็จ จึงทำซ้ำโดยใช้ “ธงสามชาย” ลงอาคมปักยอดตะเคียนใหญ่ขนาดเก้าคนอ้อม แต่ทางเมืองสรวงมีหมอสิทธิชัยช่วยแก้อาคม ครั้งที่ 3 ปู่เจ้าสมิงพรายจึงเรียกผีเมืองสรองไปสู้กับผีเมืองสรวง ปรากฎว่าชนะจึงใช้สลาเหิร (หมากบิน) ไปตกลงในขันหมากของพระลอ พระลอหยิบหมากมาเคี้ยวทำให้พระลอถูกเสน่ห์จนไม่สามารถแก้อาคมได้ จึงได้ยกพลออกจากเมืองสรวงเจอแม่น้ำกาหลงกั้นกลางและได้อธิษฐานเสี่ยงน้ำ ปรากฏว่าน้ำไหลวนเป็นสีแดงฉาดเหมือนเลือด จึงคิดจะกลับเมือง เมื่อปู่เจ้าสมิงพรายเห็นเช่นนั้นจึงเรียกไก่คัดเอาตัวที่สวยงามเสกผีเข้าสิงให้ไปล่อพระลอ เมื่อพระลอเห็นไก่ที่มีความสวยงามจึงเกิดความรู้สึกอยากได้จึงได้ไล่ตามไก่จนพลัดหลงเข้ามาถึงอุทยานดอกไม้หอมของพระเพื่อน พระแพง พระลอจึงได้ปลอมตัวเป็น “เจ้าศรีเกษ” ส่วนนายแก้ว นายขวัญที่ตามมาด้วย ได้ปลอมเป็นนายลักษณ์ นายราม เข้าตีสนิทนางรื่น นางโรย จนเกิดรักใคร่ได้เสียกัน และพาพระลอไปพบกับ พระเพื่อน พระแพง ในสวนพร้อมกับหลบซ่อนอยู่ในที่ประทับของพระเพื่อน พระแพง เป็นเวลาครึ่งเดือน
ความทราบถึงท้าวพิไชยพิษณุกรจึงได้ลอบดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นพระลอก็เกิดความรักความเมตตาจึงทรงอภัยให้และตรัสว่าเมื่อได้ฤกษ์งามยามดีจะทำพิธีอภิเษกให้ แต่เมื่อเจ้าย่ารู้ข่าวเกิดความแค้นและผูกใจเจ็บ จึงสั่งให้ทหารกำจัดพระลอเสียโดยอ้างว่า ท้าวพิไชยพิษณุกรให้สิทิ์โดยดำเนินการเป็นความลับ เมื่อตกดึกทหารจึงล้อมจับพระลอ แต่พระลอคิดสู้ พระเพื่อน พระแพง นางรื่น นางโรย ทุกคนยอมตายเพื่อช่วยสู้รบปกป้องพระลอ และให้พระเพื่อน พระแพงและพระลอหนีไปด้วยกัน แต่เมื่อถึงประตูปราสาทไม่อาจต้านทานกำลังทหารได้ จึงถูกทหารยิงด้วยธนูหน้าไม้อาบยาพิษทั้งพระเพื่อน พระแพง พระลอ สิ้นชีวิตพร้อมกันในลักษณะยืนพิงกันตายโดยถูกตรึงด้วยลูกธนูหน้าไม้โดยไม่ล้ม เมื่อท้าวไชยพิษณุกรทราบข่าวจึงสั่งให้ทหารจับเจ้าย่าเลี้ยงของพระเพื่อน พระแพง ไปประหาร พร้อมแจ้งข่าวไปยังเมืองแมนสรวง เมื่อพระนางบุญเหลือทราบข่าวจึงได้แต่งทูตพร้อมเครื่องบูชาศพเดินทางไปยังเมืองสอง เพื่อถวายพระเพลิงศพ แล้วก็ให้สร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิอังคารสามกษัตริย์ นับแต่นั้นมาเมืองสรวงและเมืองสรองก็กลับมาคืนดีมีไมตรีต่อกัน
สมเด็จ-กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ประทานอธิบายเกี่ยวกับหนังสือลิลิตไว้ในหนังสือบันทึกสมาคมวรรณคดีปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2475 ว่าวรรณคดีลิลิตพระลอแต่งในสมัยอยุธยา เป็นนิทานเรื่องอาณาเขตลานนา พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นผู้ทรงพระนิพนธ์เมื่อดำรงพระยศเป็นพระโอรสแต่งขึ้นในสมัยกรุศรีอยุธยาตอนต้นราวในระหว่าง พ.ศ.1991 จนถึง พ.ศ.2026 ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะหนังสือจินดามณีที่พระโหรา* แต่งในรัชกาลนั้น ได้คัดเอาโครงลิลิตพระลอมาใช้เป็นแบบโครง 4 สุภาพ เพราะเอกโทตรงตามตำราหมดทุกอย่าง
จากหลักฐานสรุปได้ว่าเรื่องพระลอเป็นตำนานเล่าขานมีโบราณวัตถุและโบราณสถานที่ใช้อ้างอิงและสนับสนุนสอดคล้องตามเรื่อง โดยเฉพาะอรรถรสทางภาษาและสาระของวรรณคดีลิลิตพระลอที่มีความสมบูรณ์ เป็นอมตะรักแฝงคติธรรมแนววิถีชีวิตของมนุษย์ในลักษณะพุทธปัญญาอวสานลงด้วยกฎธรรมชาติ