‘เฟคนิวส์’ กระหน่ำสุนทรภู่ ขี้คุก ขี้เมา ขี้หลี ไม่มีหลักแหล่ง

สุนทรภู่ ถูก “เฟคนิวส์” ใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นที่รู้อย่างเหลวไหลว่า “อาลักษณ์ขี้เมา เจ้าชู้ อยู่อย่างไพร่ ไร้เคหา”

แท้จริงแล้ว สุนทรภู่ เกิดวังหลัง ผู้ดีบางกอก มหากวีกระฎุมพี มีวิชารู้เท่าทันโลกไม่เหมือนเดิม


สุนทรภู่ไม่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แสดงออกอย่างเสรีนิยม รู้เท่าทันโลกไม่เหมือนเดิม (สมัยนั้น) จึงมีพลังสร้างสรรค์ล้ำหน้า เป็นมหากวีกระฎุมพี (ของ นิธิ เอียว ศรีวงศ์)

ประวัติและผลงานมีทั้งส่วนที่พบหลักฐาน และส่วนที่ไม่พบหลักฐานแล้วมีประเด็นให้ทักท้วงถกเถียงไม่ยุติ

Advertisement

ส่วนที่เป็นปัญหาก็ไม่ต้องหาข้อยุติฉับพลันทันทีในวันนี้พรุ่งนี้ ควรปล่อยกว้างอย่างปลายเปิด เพื่อหานิยามความหมายและคำอธิบายไปต่างๆ อย่างหลากหลายขณะนี้โดยไม่จำเป็นเห็นพ้องต้องกัน

แต่การศึกษาไทยอยู่ในโลกเหมือนเดิม เชื่อ “เฟคนิวส์”

มหากวีกระฎุมพี

สุนทรภู่ ได้รับยกย่องเป็นมหากวีกระฎุมพี ผู้ดีมีตระกูล (หมายถึงกลุ่มคนชั้นนําทางเศรษฐกิจ-การเมือง ในเศรษฐกิจการตลาด) (หรือเซเลบชั้นนำ) ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์

Advertisement

งานกวีของสุนทรภู่ โดนใจผู้ดีกระฎุมพีร่วมยุคอย่างกว้างขวาง เพราะแสดงออกด้วยประสบการณ์ตรง มีสีสันทันสมัย และมีความเป็นสมัยใหม่ ฯลฯ

เชื้อสายพราหมณ์ เมืองเพชร ทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายาย

สุนทรภู่ มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นเชื้อพราหมณ์รามราช อยู่เมืองเพชรบุรี

ท่านเขียนกลอนบอกไว้ด้วยตนเองในนิราศเมืองเพชร (ฉบับตัวเขียนที่ชำระโดย อ. ล้อม เพ็งแก้ว) เมื่อไปสืบหาบ้านญาติย่านเสาชิงช้า หน้าโบสถ์พราหมณ์ (ปัจจุบันอยู่บริเวณวัดเพชรพลี จ. เพชรบุรี) ว่า “เป็นถิ่นฐานบ้านพราหมณ์รามราช ล้วนโคตรญาติย่ายายฝ่ายวงศา”

“พราหมณ์รามราช” เป็นพราหมณ์สืบเชื้อสายมาจากเมืองรามราช คือเมือง ราเมศวรัม ใกล้ปลายแหลมรัฐทมิฬนาฑู อินเดียใต้ (มีแนวหินโสโครกเชื่อมเกาะลังกาเรียกถนนพระราม)

ไม่มีเชื้อชอง เมืองระยอง บิดาสุนทรภู่เป็นเชื้อสายพราหมณ์ เมืองเพชรบุรี ทำงานการเมือง “ราชการลับ” ของวังหลัง โดยออกบวชเป็นสมภารเจ้าวัดบ้านกร่ำ เมืองแกลง (จ. ระยอง)

สุนทรภู่แต่งนิราศเมืองแกลงเมื่อไป “ราชการลับ” ของเจ้านาย ส่งข่าวหาบิดาซึ่งบวชอยู่เมืองแกลง เมื่อเห็นชาวบ้านที่ไม่คุ้นเคยซึ่งเป็นชาวชอง (คนพื้นเมือง) แล้วรำคาญ ดังมีกลอนในนิราศเมืองแกลง บอกชัดๆ ว่า

ดูหนุ่มสาวชาวบ้านรำคาญจิต

ม่น่าคิดเข้าในกลอนอักษรสนอง

ล้วนวงศ์วานว่านเครือเป็นเชื้อชอง

ไม่เหมือนน้องนึกน่าน้ำตากระเด็น

ชอง เป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิม (อยู่แถบนั้นก่อนไทย) พูดตระกูลภาษามอญ-เขมร มีมากในพื้นที่ระยอง, จันทบุรี, ตราด และอาจล้ำเข้าไปในกัมพูชา (ซึ่งเป็นแผ่นดินดงป่าผืนเดียวกัน และไม่มีเส้นกั้นอาณาเขต)

กินเหล้า ไม่ขี้เมา

ไม่เคยพบหลักฐานใดๆ ว่าสุนทรภู่ขี้เมาหยำเปเกเรเกตุงตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก หรือทะเลาะทำร้ายคนอื่นถึงติดคุกติดตะราง ตามที่พูดกันสืบมาซึ่งล้วนไม่เคยแสดงหลักฐานจริงจัง มีแต่เชื่อ “เฟคนิวส์” แล้วสันนิษฐาน (เดา) “เขาเล่าว่า” และ “เชื่อกันว่า” —-ฯลฯ

สุนทรภู่ เมื่อเป็นหนุ่มผู้ดี “กระฎุมพี” มีวิชาความรู้ มีหน้าที่การงานก้าวหน้าในราชการ ย่อมมีสังคมเซเลบ แล้วดื่มสุรามีระดับกับเจ้านายขุนนางฝ่ายการเมืองการทหารและวิชาการ จนถึงฝรั่งมังค่านานาชาติ ซึ่งล้วนไม่กระจอกและไม่นักเลงหัวไม้

ครั้น “บวชการเมือง” อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายชั้นสูง อยู่วัดหลวง ร.3 ทรงสร้าง เท่ากับอยู่ในสายตาของอำนาจรัฐ ต้องตัดขาดอบายมุขและอื่นๆ ทุกอย่าง แม้เดินทางธุดงค์ไปหัวเมืองที่ต่างๆ ก็มีญาติโยมศิษย์วัดดูแลปรนนิบัติล้อมรอบหลายคน ไม่รอดพ้นสายตาจับผิด

นิราศภูเขาทอง สุนทรภู่แต่งอายุหลัง 40 ปี ออกบวชแล้วหลายพรรษา จึงแต่งกลอนตามประเพณีภิกขุภาวะเพื่อเตือนตนเองและเตือนคนอื่นให้รู้บาปบุญคุณโทษของอบายมุข เป็นความเปรียบด้วยลีลากวีโวหาร เพราะเคยกินเหล้า เคยเมาสนุกสนานเหมือนคนบ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าอาละวาด และไม่เคยพบหลักฐานว่าเมาตีคนอื่น ว่า “โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย” แล้วมีอีกอย่างโวหารกวีว่า

“ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก

สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน

ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป

แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน”

สุนทรภู่อยู่เรือนแพหลวง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าช้างวังหลวงสมัย ร.2 (พ.ศ. 2352-2367) บริเวณที่เห็นในรูปประกอบหนังสือของ จอห์น ครอว์เฟิร์ด

แต่งกลอน ตอนไม่กินเหล้า

เมื่อจะแต่งกลอน ถ้ามีฤทธิ์สุราเป็นเชื้ออยู่แล้ว แต่งคล่องนัก คิดกลอนคล่องแคล่ว นี่เป็นเฟคนิวส์ เพราะ

คนแต่งกลอนอาชีพมักไม่แต่งตอนกินเหล้า ถ้ากินเหล้าก็ไม่แต่งกลอนเป็นงานเป็นการ (เว้นเสียแต่ด้นสดปากเปล่าในวงเหล้าเป็นครั้งคราวเพื่อความสนุกสนานแล้วก็ลืม)

งานกลอนสุนทรภู่มีมากเกินประมาณ ล้วนประณีตบรรจงด้วยถ้อยคำเลือกสรร ไม่มีกลิ่นอายของเหล้า คนกินเหล้าติดงอมแงมตามที่มีในเฟคนิวส์ ไม่มีวันแต่งกลอนได้ล้ำเลิศและกองพะเนินเทินทึกเท่าสุนทรภู่

ไม่ขี้คุก

สุนทรภู่เมาเหล้าอาละวาดจนถูกจับติดคุก แล้วต้องแต่งพระอภัยมณี “ขายเลี้ยงตัว” ขณะอยู่ในคุก ทั้งหมดนี้เป็นเฟคนิวส์ เพราะ

1. ไม่เคยพบหลักฐานว่าเมาอาละวาด แล้วติดคุกเพราะเมาเหล้า

2. พระอภัยมณีแต่งเมื่อไร? ไม่พบหลักฐาน ถ้าจะสันนิษฐานก็ควรหลัง ร.2 ส่งพระสงฆ์ไปลังกา (ระหว่าง พ.ศ. 2357-2361) ซึ่งสุนทรภู่น่าจะอยู่ในคณะไปลังกา

3. ไม่เคยพบหลักฐานว่าก่อนมีการพิมพ์ คนอยากอ่านต้องจ่ายค่าขอคัดลอกไปอ่าน มีแต่พูดกันโดยเดาล้วนๆ

4. คนส่วนมากอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แล้วจะมีใครจ่ายค่าขอคัดลอกไปอ่าน

5. ไม่มีอาชีพกวี ยุคนั้นกวีไม่มีเป็นอาชีพ เพิ่งได้รับยกย่องเป็นกวีสมัยหลังตามวัฒนธรรมตะวันตก แต่ท่านเองบอกว่าตนเองเป็น “นักเลงทำเพลงยาว”

ไม่ขี้หลี เพราะมีเสน่ห์ มีความรู้ มีชื่อเสียง

ความเป็นผู้ดี มีวิชาความรู้ มียศถาบรรดาศักดิ์ มีชื่อเสียง ผลงานเป็นที่รับรู้ต่อ สาธารณะตั้งแต่วัยหนุ่ม เพราะเป็นคนบอกบทอยู่หน้าม่านโรงละครชาตรี (ละครชาวบ้าน) เทียบสมัยนี้เป็นดาราหน้าโรง

เท่ากับมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ดึงดูดบรรดาหญิงสาววัยรุ่นเข้าพัวพันไม่น้อย ดังมีบอกในกลอนเพลงยาวนิราศเรื่องต่างๆ อย่างรับผิดชอบ ไม่ดูถูกทิ้งขว้าง

สุนทรภู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสาวหลายคนในที่ต่างๆ มีบอกเป็นนัยอยู่ในนิราศสุพรรณว่าในกระท่อม (ห้าง) กลางสวนย่านบางขุนนนท์ว่า “เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาสดิ์ห้างกลางสวน” และในเรือประทุนริมคลองบางกอกน้อยว่า “ประทุนประดิษฐาน แทนห้อง หอเอย” อยู่ด้วยกันจนสว่างคาตาว่า “จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย”

ในนิราศเมืองเพชร บอกไว้ว่ามีสาวหลายคนเคยเกี่ยวข้องกัน โดยเฉพาะพี่น้องสองสาวชื่ออินกับจันอยู่ด้วยกันในถ้ำเขาหลวง เมืองเพชร

นักวิชาการชั้นหลังไม่ควรเหมารวมหญิงทุกคนที่มีความสัมพันธ์เพื่อหฤหรรษ์ตามประสาสาวหนุ่มล้วนเป็น “เมีย” สุนทรภู่ เพราะเป็นเฟคนิวส์

สมัย ร.3 ถึงต้น ร.4 เรือกลไฟใช้เครื่องจักรไอน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง (เข้ามาแทนที่เรือใบ เรือสำเภา) จอดในแม่น้ำเจ้าพระยา (บางกอก) เป็นยุคเปลี่ยนสำคัญของการเดินเรือ ซึ่งสุนทรภู่เห็นตลอด จึงแต่งพระอภัยมณี มีสงครามเรือทะเล

บวชการเมือง ร.3 ทรงไม่รังแก แต่กลับยกย่องเป็นครูสอนโอรสธิดา

ร.2 มีโอรสองค์โต คือ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ แต่งสำเภาค้าขายใกล้ชิดกับจีน (ต่อไปคือ ร.3) และโอรสองค์รอง (ต่างมารดา) คือ เจ้าฟ้ามงกุฎ ศึกษาเชี่ยวชาญวิทยาการตะวันตก (ต่อไปคือ ร.4)

สุนทรภู่อยู่ในกลุ่มขุนนางฝักใฝ่เจ้าฟ้ามงกุฎให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ครั้นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสวยราชย์เป็น ร.3 จึงร้อนตัวออกบวชเป็นภิกษุหนีราชภัย (ไม่เกี่ยวอะไรกับขัดแย้งกันเรื่องแต่งกลอนหน้าพระที่นั่ง ซึ่งเป็นเฟคนิวส์)

แต่ ร.3 ทรงไม่รังแก กลับยกย่องให้ภิกษุสุนทรภู่เป็นครูสอนหนังสือให้โอรสธิดาน้อยๆ (ดังมีบอกในเพลงยาวถวายโอวาท) แล้วให้ธิดาองค์โปรดอุปถัมภ์เป็นพิเศษ โดยนิมนต์ไปจำพรรษาอยู่วัดเทพธิดาราม (ดังมีบอกในรำพันพิลาป)


ชีวิตกระฎุมพี มีหลักฐานมั่นคง

สุนทรภู่ เป็นมหากวีกระฎุมพี มีชีวิตอยู่ในวังกับวัด ได้แก่ เกิดในวังหลัง โตในวังหลวง บวชในวัดหลวง ตายเมื่ออยู่ในอุปถัมภ์วังหน้า สมัย ร.4

เดินทางไปที่ต่างๆ ในหัวเมือง นั่งๆ นอนๆ ในเรือ เพราะมีคนแจวหัวท้ายล้วนเป็นลูกศิษย์ลูกหาสาวกบริวาร

ดังนั้น ที่ว่าลอยเรือร่อนเร่ไม่มีหลักแหล่ง จึงเป็นเป็นเฟคนิวส์


แผนที่แสดงภูมิสถานและบ้านเมืองต่างๆ ในพระอภัยมณี อยู่ทางทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย [ปรับปรุงใหม่จากข้อเสนอแรกสุดของ “กาญจนาคพันธุ์” (ขุนวิจิตรมาตรา) ตั้งแต่ พ.ศ. 2490]

พระอภัยมณี วรรณกรรมการเมือง ใช้ฉากทะเลอันดามัน

พระอภัยมณี เป็นวรรณกรรมการเมืองในรูปแบบนิทานกลอน ต่อต้านสงครามล่าอาณานิคม เพราะขณะนั้นอังกฤษยึดได้อินเดีย,ลังกา และกําลังแผ่อานาจเข้ายึดอุษาคเนย์ทางแหลมมลายู, พม่า

แต่งโดยใช้ฉากทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย แสดงความขัดแย้งระหว่างเมืองผลึก คือ ถลาง (ภูเก็ต) กับ ลังกา คือ ศรีลังกา (ขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ มีประมุขเป็นหญิง คือ พระนางเจ้าวิกตอเรีย จึงแผลงคําเป็น นางละเวง)

เกาะแก้วพิสดาร อยู่ในกลุ่มเกาะนิโคบาร์ (มีชื่อในตานานว่า นาควารี ในพระอภัยมณีเรียกทะเลนาควารินทร์) ทางตอนใต้ของทะเลอันดามัน

ผีเสื้อสมุทร แปลง

จากผีเสื้อน้ำ มีในมหาวงศ์พงศาวดารลังกา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image