FIRMS เว็บไซต์รายงานจุดความร้อน ซึ่งพัฒนาโดย นาซ่า เผยเปิดภาพดาวเทียม ที่จุดความร้อนแดงแปร๊ด ล้อมประเทศไทย
จากกรณีเมื่อคืนวานนี้ (20 มี.ค.) ประชาชนหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ตลอดจนปริมณฑล ต่างได้กลิ่นเหม็นไหม้ฟุ้งคล้ายควันไฟ ขณะที่ค่ามลพิษ PM2.5 รายงานโดย IQAIR เว็บไซต์ที่รายงานดัชนีคุณภาพอากาศทั่วโลกแบบเรียลไทม์ พบว่ากรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง (AQI) อันดับ 7 ของโลก ในเวลา 23.00 น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กทม.-ปริมณฑล หลายพื้นที่ได้กลิ่นควัน IQ Air รายงานค่า PM 2.5 กทม.พุ่งอันดับ 7 ของโลก
- กทม.เปิด 3 สาเหตุ ได้กลิ่นไหม้ กลางดึก ผู้เชี่ยวชาญ ยัน ไม่มีผลต่อร่างกาย
- เปิดสาเหตุได้กลิ่นควันกลางดึก เพจดัง เตือน ปชช.รับมือ พรุ่งนี้ กทม.จมฝุ่นแน่!
ซึ่งต่อมาก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเปิดสาเหตุของกลิ่นไหม้ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง อาทิ
เพจ “เพื่อนชัชชาติ” ระบุว่า 3 สาเหตุ กลิ่นไหม้ ดังนี้
1.ทิศทางลมวันที่ 20 เป็นทิศตะวันออก ซึ่งต่างจากวันอื่นๆ ช่วงนี้ที่มาจากอ่าวไทย ส่วนจุดเผาในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมาพบที่ปริมณฑลหลายจุด
2.ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อน ประกอบกับมีความกดอากาศสูงผ่านทางอีสานมาเมื่อวาน ส่งผลให้ความสูงของชั้นบรรยากาศผสม (Mixing Height) ลดต่ำลง ฝุ่นละอองเกิดการสะสมตัวเพิ่มมากขึ้น
3.ความชื้นในบรรยากาศทำให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5 ทุติยภูมิ (Secondary PM2.5) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชนิดที่เกิดจากพวกสารประกอบไนโตรเจนและแอมโมเนียจะเกิดปฏิกิริยาได้ดีในสภาวะที่มีความชื้นสูง
ทั้งนี้ เพจ JS100 Radio โพสต์ข้อความระบุว่า อาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้อธิบายว่า ที่ผ่านมา กทม.-นนทบุรี มีค่าฝุ่นในอากาศเยอะ ซึ่งเกิดจากการจราจรที่หนาแน่น ควันเสียจากรถ ประกอบกับมีอากาศร้อนจัดติดกันหลายวัน พอมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide, SO2) ก๊าซที่มีกลิ่นรุนแรงเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ไปรวมกับน้ำฝน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นกรดซัลฟิวริก (กลิ่นกำมะถัน) ทำให้มีกลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่ว
นอกจากนี้ เพจ “Drama-addict” ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพที่แสดงทิศทางลมที่พัดเอากลุ่มควันสีแดงเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมระบุว่า
“สาเหตุน่าจะมาจาก ลมพัด PM2.5 มา ตอนนี้ทางกัมพูชามีการเผาแบบมหึมาหลายจุดมาก แล้วลมตอนนี้พัดจากตะวันออกไปตะวันตก น่าจะพัด PM2.5 จำนวนมากจากกัมพูชา เข้ามาทางภาคตะวันออก แล้วมาทางภาคกลาง”
อย่างไรก็ตาม ภาพดาวเทียมจากเว็บไซต์ Fire Information for Resource Management System (FIRMS) ที่พัฒนาโดย NASA เพื่อเผยแพร่ข้อมูลจุดความร้อนทั่วโลก อัพเดตภายใน 3 ชั่วโมงนับจากดาวเทียมทำการถ่ายภาพ ทั้งเซ็นเซอร์ MODIS และ VIIRS
ซึ่งแสดงปริมาณจุดฮอตสปอต (จุดความร้อน) ตลอด 24 ชั่วโมง ปรากฏจุดความร้อนสีแดง ล้อมรอบประเทศไทยอย่างหนาแน่น