ส่องหน้า แลหลัง สงฆ์ไทย ในรอบปี 2561

ปี2561 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์มีเรื่องราวหลายอย่างหลายประการเกิดขึ้น บางเรื่องบางเหตุการณ์เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เลือนรางและหายลับไปกับกาลเวลา แต่บางเรื่องบางเหตุการณ์เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็อาจจะบ่งบอกหรือสื่อสัมพันธ์ถึงอนาคตของพระพุทธศาสนาในสังคมไทย

ในรอบปีที่ผ่านมาคณะสงฆ์โดยรวมถือได้ว่าค่อนข้างจะตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ใหญ่ที่คาดไม่ถึง เปรียบเสมือนน้ำหลากที่รุนแรงครั้งใหญ่ คือ เรื่องเงินทอนวัดอันเป็นเหตุให้พระเถระผู้ใหญ่ต้องถูกจับกุมคุมขังและลี้ภัยในต่างแดน

ลองประมวลภาพเหตุการณ์ร่วมกันดูว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นแล้วน่าสนใจและมีผลกระทบอย่างไรบ้าง

1.การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ในเรื่องนี้แม้ดูผิวเผินว่าจะเงียบไปก็ตาม แต่ภายในยังคุกรุ่นอยู่เพราะทางฝ่ายบ้านเมืองยังคงอยากเห็นการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะประเด็นหลักๆ เช่น เรื่องทรัพย์สินของพระและวัด เรื่องหลักธรรมคำสอนที่ถูกบิดเบือน การประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์บางรูปที่นำความเสื่อมเสียมาสู่พระพุทธศาสนาและการที่ฝ่ายบ้านเมืองจะยื่นมือเข้าไปในกิจการของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาโดยรวม

Advertisement

ขณะเดียวกันทางฝ่ายคณะสงฆ์เองก็พยายามจะให้ฝ่ายบ้านเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลได้มองเห็นว่าคณะสงฆ์โดยอาศัยมติมหาเถรสมาคมนั้นได้ทำการปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์ครั้งใหญ่แล้ว โดยการปฏิรูปครั้งนี้เป็นไปตามโรดแมปที่ตกลงกันไว้ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ในกิจการของคณะสงฆ์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบไปด้วย

1.ด้านการปกครอง 2.ด้านการศาสนศึกษา 3.ด้านการเผยแผ่ 4.ด้านสาธารณูปการ 5.ด้านการศึกษาสงเคราะห์ 6.ด้านการสาธารณสงเคราะห์ และเพิ่มมาอีกด้านคือการพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก

การปฏิรูปคณะสงฆ์ครั้งนี้ จุดเริ่มต้นมาจากคณะกรรมการการปฏิรูปแนวทางและมาตรการการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาที่ได้รับแต่งตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นมา ในช่วงสำคัญซึ่งเป็นเหตุการณ์แห่งการปฏิรูปนี้องค์กรพุทธและพระสงฆ์บางรูปได้มีปฏิกิริยามากมายในหลากหลายรูปแบบจนเป็นข่าวดังใหญ่โตกระทั่งที่สุดแล้วก็นำไปสู่การยุบและยุติบทบาทของคณะกรรมการปฏิรูปฯ เพราะสุดจะทานฝ่ายที่โต้แย้งได้ ทางฝ่ายรัฐจึงได้ถวายหน้าที่ในการปฏิรูปนี้ให้เป็นของคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจึงมีมติมอบหมายให้กรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูปมีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านนี้ และนี่เองเป็นจุดกำเนิดของคณะกรรมการประสานงานแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ในเวลาต่อมา

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาครั้งนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงตรงไหนเพราะเส้นสมดุลที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายยังแสวงหากันไม่เจอ ในส่วนของรัฐบาลนั้นก็อาจจะมองได้ว่าคณะสงฆ์ยังยิงลูกไม่ตรงประตู ไม่เข้าเป้าตามที่ตั้งไว้ ในขณะที่ฝ่ายปฏิรูปสงฆ์เองก็มองว่าได้ทุ่มเทใส่ใจและปฏิบัติกันอย่างเต็มที่แล้ว

ทางออกในเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะดีเท่ากับการจับเข่าคุยกัน คุยกันระหว่างรัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการด้านพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ฝ่ายที่รับผิดชอบด้านการปฏิรูปโดยเฉพาะประเด็นและทิศทางของรัฐบาลนั้น ต้องการเห็นอะไร มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ฝ่ายปฏิบัติคือคณะกรรมการประสานงานแผนและยุทธศาสตร์ฯ ก็ต้องแสวงหาแนวร่วมให้มากกว่าที่เป็นอยู่และเพิ่มประสิทธิภาพงานให้มากขึ้น การประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับรู้อย่างกว้างขวางเป็นสิ่งจำเป็นในยุคสมัย การอธิบายขอบเขตความร่วมมือในการปฏิรูปในทุกภาคส่วนให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ การเชื่อมสัมพันธ์การปฏิรูปให้เห็นภาพตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและเชื่อมโยงให้ไปถึงอนาคตเป็นสิ่งที่ขาดหายไปไม่ได้ การจะตัดตอนจำเพาะเจาะจงเริ่มต้นนับงานแห่งการปฏิรูปเมื่อช่วงเวลาที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประสานงานแผนและยุทธศาสตร์ฯ อาจจะเป็นข้อผิดพลาด เพราะคณะกรรมการจะต้องเรียนรู้อดีต ปัจจุบันและมองอนาคตให้เห็นอย่างเด่นชัด ไม่ควรละทิ้งประวัติศาสตร์และข้อเท็จจริงในการต่อสู้ในยุคปัจจุบันไว้เบื้องหลัง วิธีนี้จะทำให้มีแนวร่วมและกลไกผลักดันในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง

2.พระสงฆ์กับการเมือง เรื่องพระสงฆ์สัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองนั้นเป็นมิติที่เกิดขึ้นมายาวนานในหลายยุคหลายสมัย นานจนยากจะแยกแยะฐานะความสัมพันธ์ให้ชัดเจนได้ว่าในฐานะอะไร ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศาสนาหรือเป็นการเกื้อหนุนกันในทางการเมือง
องค์กรพุทธ พระเถระผู้ใหญ่ พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียง พระเกจิอาจารย์ หลากหลายบทบาทสงฆ์เหล่านี้หลายท่านหลายรูปล้วนมีตำนานและปฏิปทาควบคู่มากับลูกศิษย์คนโปรดในทางการเมืองไม่มากก็น้อย แล้วเส้นแบ่งเรื่องนี้จะอยู่ที่ตรงไหน อย่างไร เส้นไหนคือความเหมาะสม หรือความพอใจของผู้คนในสังคม พระสงฆ์จะวางตัวให้เหมาะสมตามสภาวะนั้นๆ ได้อย่างไรโดยเฉพาะยุคสังคมโซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพด้านความเร็วสูง แต่ไม่รับประกันเรื่องความถูกต้องแม่นยำ หรือแม้กระทั่งวัดที่เป็นศูนย์กลางชุมชนโดยเฉพาะวัดในชนบท ใครจะทำกิจกรรมอะไรก็ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยศาลาการเปรียญและพื้นที่ภายในวัดแทบทั้งสิ้น

วันนี้ปี่กลองทางการเมืองเริ่มโหมกระหน่ำ การเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในรอบ 5 ปีกำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และเมื่อความสัมพันธ์ของพระสงฆ์และนักการเมืองยังดำรงอยู่เช่นนี้ จึงมีทั้งบทสรรเสริญและนินทาว่าร้ายติดตามมา แน่นอนสถานะอีกฝ่ายหนึ่งที่สูญเสียผลประโยชน์ก็จะต้องอาศัยช่องทางนี้โจมตีวัดและพระสงฆ์ให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลาง องค์สังฆบิดรซึ่งเป็นประมุขสูงสุดทางคณะสงฆ์จึงทรงมีพระเมตตาต่อคณะสงฆ์ทั้งปวงเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม โดยพระบัญชาขอให้คณะสงฆ์หาทางหลีกเลี่ยงทางฝ่ายการเมืองที่มาขอจัดกิจกรรมภายในวัดและใช้พระสงฆ์เป็นเครื่องมือในทางการเมือง ถือเป็นการปลดล็อกที่สำคัญระหว่างพระสงฆ์กับฝ่ายการเมืองไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้สนามการเมืองไทยคงร้อนระอุมากทีเดียว

3.เงินทอนวัด สาเหตุหลักของความตื่นตระหนกในวงการคณะสงฆ์ เมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยท่านผู้อำนวยการได้โหมโรงเรื่องเงินทอนวัดเรื่อยมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 พระสงฆ์เถระที่มีชื่อและเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ต่างก็ต่อสู้กันไปตามสิทธิทางกฎหมายซึ่งก็ว่ากันไปตามกรรมของแต่ละท่านแต่ละรูป คณะสงฆ์ก็คิดว่าเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงคงยุติลงเพียงแค่นี้ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด มีประเด็นเปิดใหม่ให้ตื่นเต้น เร้าใจ มากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยหลายพันเท่า เมื่อพนักงานสอบสวนผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงได้เปิดเผยข้อมูลลับออกมาเป็นระยะๆ กระชับพื้นที่เข้าใกล้เรื่อยๆ ปรากฏหลักฐานสาวเข้าไปถึงวัดใหญ่ วัดดัง รวมทั้งพระเถระผู้ใหญ่สายปกครองบางรูปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทอนวัดจำนวนไม่น้อย เมื่อเปิดบันทึกหน้านี้ออกมาก็มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าจะเป็นวัดไหน รูปไหนอย่างไร สื่อมวลชนทุกแขนงพร้อมโลกโซเชียลก็โหมกระหน่ำ คณะสงฆ์ชุลมุนโกลาหล และอาจถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่อีกครั้งในวงการคณะสงฆ์ไทย

ในที่สุดเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็นำไปสู่การจับกุมคุมขังพระเถระชั้นผู้ใหญ่ดังที่ปรากฏชื่อตามสื่อมวลชนในเวลาต่อมา ปลายทางในเรื่องนี้ก็คงต้องไปพิสูจน์กันทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมของไทยต่อไป 4.การเจริญพระพุทธมนต์เพื่อสถาบันหลักของชาติ คณะสงฆ์โดยมติมหาเถรสมาคมได้กำหนดให้วันสำคัญๆ ของชาติเป็นวันเจริญพระพุทธมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและการเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 ในทุกวันที่ 28 ของทุกเดือนซึ่งได้กระทำต่อเนื่องกันมายาวนานหลายปีทั้งพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามและวัดต่างๆ ทั้งในประเทศและทั่วโลกที่มีวัดไทยตั้งอยู่ นอกจากนั้น ยังมีการเจริญพระพุทธมนต์เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในบ้านในเมือง เช่น การเจริญพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมี่ที่จังหวัดเชียงราย การเจริญพระพุทธมนต์อธิษฐานจิตและการออกเยียวยาทั้งทางด้านจิตใจและสังคมสงเคราะห์ให้กับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น แต่ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่กิจกรรมสำคัญๆ ของคณะสงฆ์นี้ ดูจะไม่เป็นที่รู้จักและแพร่หลายในสังคมไทย แนวทางแก้ไขเป็นอย่างไร มีหรือไม่ อะไรคือแสงสว่างเมื่อส่องไปข้างหน้า หลังจากแลมองไปข้างหลังและประสบพบเห็นมาแล้ว

ปัญหามากมายที่โหมกระหน่ำมาสู่คณะสงฆ์นี้ บางเรื่องเป็นเรื่องภายในสงฆ์กันเอง บางอย่างเกิดจากเหตุปัจจัยภายนอก แล้วคณะสงฆ์จะตั้งรับหรือมีแผนยุทธศาสตร์ที่รุกไปข้างหน้าอย่างไร ทางออกที่ควรจะเป็นคืออะไร

คัมภีร์สำคัญในเรื่องนี้ที่จะต้องยึดถือท่องบ่นสาธยายไว้ให้ขึ้นใจ ก็คือ พุทธปณิธานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสกับพญามารที่มาอาราธนาให้พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานเสียภายหลังตรัสรู้ใหม่ๆ โดยไม่ต้องอบรมสั่งสอนธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ พระพุทธองค์ทรงมีพุทธปณิธานแน่วแน่ ตรัสตอบพญามารว่า จะยังไม่ปรินิพพาน ถ้าตราบใดที่สาวกของพระพุทธองค์ยังไม่กระทำ 4 อย่างนี้ให้บรรลุผลคือ

1.ศึกษาพระสัทธรรมให้เข้าใจแจ่มแจ้ง 2.ปฏิบัติตามพระสัทธรรมนั้นให้ได้ผลเรียกว่าศึกษาปริยัติ ปฏิบัติให้ได้ผลเรียกว่าปฏิเวธ 3.ช่วยเผยแผ่พระศาสนา 4.ช่วยทำความเข้าใจ ชี้แจงให้ผู้ไม่เข้าใจหรือผู้ที่มาจาบจ้วงให้เข้าใจในพระพุทธศาสนา

รวมความก็คือการพิทักษ์ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา อย่างองอาจและอาจหาญนั่นเอง สภาพสังคมในปัจจุบัน เราจะขยายผลถอดรหัสจากพุทธปณิธานนี้ไปสู่ภาคปฏิบัติในยุคสมัยนี้ได้อย่างไรสังคมไทยและสังคมโลกปัจจุบันเป็นสังคมพลวัต มีการเปลี่ยนแปลงและสร้างนวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา คณะสงฆ์เองก็ต้องปรับทั้งในระดับปัจเจกและองค์รวม เพื่อให้เข้ากับสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้สังคมสงฆ์ตกยุค ล้าหลัง และอาจจะไม่มีความสำคัญใดๆ ในสังคมใหม่และมีโอกาสสูงที่จะถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่สังคมก็เริ่มจะเดินหนีห่างออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคณะสงฆ์ควรจะปฏิรูปในเรื่องสำคัญๆ ดังนี้

1.ให้ความสำคัญด้านการศึกษา คณะสงฆ์ต้องจับการศึกษาให้มั่น ต้องมียุทธศาสตร์ในการกลับมาเป็นผู้นำทางการศึกษาเหมือนในอดีตให้ได้ เช่น 1.1 การศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งด้านนักธรรม ธรรมศึกษา บาลีและปริยัติสามัญ 1.2 การศึกษาของเด็กและเยาวชน เช่น โรงเรียนการกุศลของวัด ศูนย์เด็กเล็ก หรือแม้กระทั่งการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนาในสถานศึกษาในทุกระดับชั้น เป็นต้น 1.3 การศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ คณะสงฆ์โดยสายงานปกครอง ควรให้นโยบายและสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งเพื่อให้การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาพุทธบริษัท 4 ให้เจริญก้าวหน้าทั้งในเรื่องการศึกษาและการมีศรัทธามั่นคง อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา

2.ให้การสนับสนุนและเผยแผ่การวิปัสสนาธุระ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาให้กว้างขวางและแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

3.การเผยแผ่พระศาสนาในโลกยุคใหม่ ซึ่งมีช่องทางการเผยแผ่มากมาย เช่น เพจ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เป็นต้น จำเป็นจะต้องมีเจ้าภาพหลักที่รับผิดชอบและมีการบริหารการจัดการที่มีประสิทธิภาพมีนโยบายเป็นหนึ่งเดียว

4.การต่างประเทศ ผู้คนทั่วโลกในเวลานี้ต่างสนใจและหันมาศึกษาและปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก คณะสงฆ์อาจจะหันมาให้น้ำหนักในเรื่องวัดในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น ควรแสวงหาช่องทางในการเผยแผ่และปักธงแห่งธรรมในต่างถิ่นต่างแดนให้มั่นคงและมีปริมาณที่หนาแน่นมากยิ่งขึ้น 5.การบริหารจัดการภายในองค์กร โลกใหม่ คนใหม่ สถานการณ์เปลี่ยนไป ทุกองค์กรล้วนปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในสังคม การออร์แกไนซ์องค์กรสงฆ์เป็นสิ่งสำคัญในยุคสมัยปัจจุบัน

นี่คือประมวลเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาในรอบปี 2561 รวมทั้งทางออกที่เป็นข้อคิดเห็นที่น่าเป็นไปได้ในทางปฏิบัติสำหรับอนาคตที่ดี แต่ก็จะเห็นได้ว่าในรอบปีนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น จะด้านบวกหรือลบก็ตาม พระสงฆ์ คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาก็ยังคงมีความจำเป็นสำหรับสังคมไทยและชาวโลกไม่เสื่อมคลาย

เพียงแต่จะช่วยกันอย่างไรเมื่อพระพุทธศาสนาล่วงมาถึง 2,500 ปีนี้จะทำให้กงล้อแห่งธรรมของพระพุทธองค์หมุนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเยียวยารักษาสังคมโลกที่กำลังเจ็บป่วยกันอยู่มากในเวลานี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image