เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุตรดิตถ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายเรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดี มรภ.อุตรดิตถ์ อายุ 71 ปี หลังจากถูกกระแสเรียกร้องจากประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ มรภ.อุตรดิตถ์ และกรรมการสภา มรภ.อุตรดิตถ์ ให้ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี มรภ.อุตรดิตถ์ เพื่อให้เป็นไปตามศาลปกครองสูงสุด ที่มีคำพิพากษาให้คำสั่งตั้งผู้รักษาการอธิการบดี มรภ.กาญจนบุรี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีอายุเกินกว่า 60 ปี และก่อนหน้านี้ศาลปกครองยังเคยมีคำพิพากษากรณีเดียวกันอีก 3 แห่ง มิชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยในวันนี้นายเรืองเดชยังคงเข้ามาทำงานที่ห้องทำงานตามปกติที่ มรภ.อุตรดิตถ์ หลังเดินทางไปประชุมที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วันก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไดเพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายเรืองเดชกรณีดังกล่าว โดย น.ส.ชมาพร สีเสือ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ และหน้าห้องนายเรืองเดช แจ้งกับสื่อมวลชนว่านายเรืองเดชมีแขกมาพบ จากนั้นจะมีการประชุมต่อเนื่องกันตลอดทั้งวัน คงไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่าหนังสือราชการที่เสนอแฟ้ม นายเรืองเดชไม่กล้าลงนาม เพราะเกรงว่าหนังสือที่ลงนามไปนั้นจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากการประชุมสภา มรภ.อุตรดิตถ์ ในวันที่ 27 กันยายนนี้ มีมติที่ไม่เกิดผลดีกับนายเรืองเดช ขณะเดียวกันแฟ้มหนังสือลงนามก็ไม่มอบให้กับรองอธิการบดีคนใดเสนอลงนามแทนได้ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหากอธิการบดีพ้นจากตำแหน่ง รองอธิการบดีทุกคนจะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย
นายธนวัฒน์ จอมประเสริฐ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ มรภ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่นายเรืองเดชจะยื้อเวลาเพื่ออยู่ในตำแหน่งอธิการบดี มรภ.อุตรดิตถ์อีกต่อไป ควรนำคำพิพากษาที่ มรภ.กาญจนบุรีมาเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินใจลาออก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีอธิการบดี มรภ.หลายแห่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่ต้องรอให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ภาพที่ออกมาจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี จะไม่มีความสง่างาม และปัญหาจะตามมาอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเงินค่าตอบแทนที่รับไปอาจจะต้องคืนให้กับ มรภ.อุตรดิตถ์ และหนังสือราชการในคำสั่งต่าง ๆ ที่ลงนามไปก็อาจจะเกิดปัญหาด้วย
