ภาพเก่าเล่าตำนาน : เสน่ห์ ลี้ลับ อัศจรรย์ ภยันตราย…ภายในถ้ำ โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ขณะที่ผู้เขียนกำลังแปลและเรียบเรียงเรื่องของ “ถ้ำ” เพื่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้กัน .. ทหาร ตำรวจ ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานจากต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำ แพทย์ ประสบความสำเร็จในการค้นหา ช่วยชีวิต นักฟุตบอลเยาวชน 12 คนและโค้ชอีก 1 คน รวม 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย นำตัวออกมาได้ “แบบมืออาชีพระดับโลก” ที่ต่างประเทศต่างยกนิ้วให้

ภาพเก่า..เล่าตำนาน ตอนนี้ ขอชวนคิด ชวนคุย เรื่องของ “ถ้ำ” ที่กลายเป็นจุดสนใจของคนไทยและคนทั่วโลก

ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่มีอะไรต้องไปเกี่ยวดองข้องแวะกับเรื่องของ “ถ้ำ” แม้แต่น้อย เพราะมนุษย์ยุคหิน เคยอาศัยอยู่ในถ้ำ มนุษย์พัฒนาความเป็นอยู่ของตัวเองมาตลอด และหนีออกมาจากถ้ำ

แต่สำหรับใครบางคนแล้ว “ถ้ำ” คือสถานที่แนบแน่นในดวงใจ เป็นแหล่งพำนักพักพิง เป็นความท้าทายที่ต้องเข้าไปสำรวจ ค้นหา ในถ้ำอาจจะ “มี” ในสิ่งที่ “ไม่มี” และในความว่างเปล่า อาจจะไม่ว่างเปล่า..มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเจ้าป่า เจ้าเขา?

Advertisement

มนุษย์บางคน แม้ในปัจจุบันยังมีจินตนาการเกี่ยวกับ สัตว์ประหลาดในถ้ำ ภายในความมืดมิดของถ้ำ ต้องมีอิทธิฤทธิ์เวทมนตร์ มีคำสาปแช่ง มีทรัพย์สมบัติมหาศาล มันเป็นโลกส่วนตัวของคนจำนวนไม่น้อย ถ้ำขนาดใหญ่ทั้งบนบก ในน้ำ ในทะเล ดึงดูดเย้ายวนให้ผู้คนทั้งหลายต้องติดตาม สนใจและพิสูจน์เสมอมา

“ถ้ำ” ก็มิได้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ถ้าไม่มีถ้ำ มนุษย์ในอดีต ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาเพื่ออยู่อาศัย โดยเฉพาะดินแดนที่เป็นภูเขาที่ขุดเจาะได้

“นครเพตรา” ปัจจุบันอยู่ในประเทศจอร์แดน เป็นนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หรือหุบเขาโมเสส มนุษย์โบราณขุดเจาะหน้าผาหินเข้าไปให้เป็นถ้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์

Advertisement

นครเพตรา สวยงาม แข็งแรงและอ่อนช้อย การเจาะหน้าผาหินอันแข็งแกร่งแบบนี้ เป็นปริศนาปาฏิหาริย์มาจนถึงปัจจุบัน หน้าผาตลอดแนวเขาหินแห่งนี้ เป็นปราการธรรมชาติอย่างวิเศษ ที่คอยปกป้องเมืองจากข้าศึกได้อย่างดี “เพตรา” เคยเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งเมืองหนึ่ง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในขณะนั้น เพราะอยู่บนเส้นทางค้าขายหลัก คาดว่าเคยมีประชากรประมาณ 10,000-20,000 คน เสน่ห์ของภูเขาแห่งนี้ คือ หินหน้าผาเป็นสีชมพู

ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นครเพตรา เมืองถ้ำแห่งนี้ ถูกทิ้งร้างเป็นเวลานานราว 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเมื่อปี พ.ศ.2355

นครเพตรา เมืองถ้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศจอร์แดนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2528

มาคุยกันเรื่องของ “ถ้ำตามธรรมชาติ” ต่อครับ

ถํ้าคือโพรงลึกเข้าไปในภูเขา เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยทั่วไปถ้ำเกิดในหินปูนที่มีน้ำใต้ดินไหลผ่านกัดเซาะ มักพบตามภูเขาหินปูนหรือ ภูเขาชายฝั่งทะเล ถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ บางแห่งเป็นความงดงามที่ธรรมชาติใช้เวลานับล้านปีในการสร้างสรรค์

ตามหลักวิชาการ นักธรณีวิทยาจะแบ่งถ้ำออกเป็น 2 แบบหลัก

“ถ้ำตาย” (non-active cave) คือ ถ้ำที่แห้งและไม่มีน้ำไหล เป็นถ้ำที่มนุษย์ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเป็นพื้นที่แห้ง ทำให้เหมาะกับการอยู่อาศัย และใช้เป็นสถานที่ฝังศพ

“ถ้ำเป็น” (active cave) คือ ถ้ำที่ยังคงมีน้ำไหลภายในถ้ำ ซึ่งถ้ำแบบนี้จะอันตรายมากในช่วงฤดูฝน

ข้อมูลจาก น.ส.พ.ข่าวสด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 กล่าวถึงถ้ำในประเทศไทยที่มีความยาวมากที่สุด 10 อันดับ คือ
1.ถ้ำพระวังแดง จ.พิษณุโลก มีความยาว 13,761 เมตร
2.ถ้ำแม่ละนา จ.แม่ฮ่องสอน มีความยาว 12,720 เมตร
3.ถ้ำใหญ่น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีความยาว 10,631 เมตร
4.ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย มีความยาว 10,316 เมตร
5.ถ้ำน้ำลาง จ.แม่ฮ่องสอน มีความยาว 8,550 เมตร
6.ถ้ำตะโค๊ะบิ จ.ตาก มีความยาว 7,346 เมตร
7.ถ้ำกระแชง จ.ยะลา มีความยาว 5,633 เมตร
8.ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช จ.นครศรีธรรมราช มีความยาว 5,200 เมตร
9.ถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีความยาว 5,170 เมตร
10.ถ้ำผาผึ้ง จ.น่าน มีความยาว 4,750 เมตร

นี่ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เราคงไม่มาคุยกันเรื่องนี้แน่นอน

แต่ละถ้ำในเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ล้วนแล้วแต่มีตำนานเร้นลับ พิสดาร มีความผิดหวัง สมหวัง เรื่องความรัก การพลัดพราก คำอธิษฐาน บางถ้ำมีน้ำไหลผ่านบ้าง ไม่มีบ้าง มีเรื่องราวคนพลัดหลงสูญหายไปในถ้ำบอกเล่าต่อๆ กันมา

ผู้เขียนเคยสอบถามเพื่อนนายทหารชาวลาว ที่เคยทำสงครามกับสหรัฐในช่วงปี พ.ศ.2506-2518 ในขณะที่สหรัฐส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในลาวแบบปูพรม ไส้เดือน กิ้งกือ บนพื้นดินต้องตายหมด แล้วทหารลาว รอดมาได้อย่างไร

คำตอบ คือ ทหารลาวหลบภัยทางอากาศในถ้ำ ปลอดภัย ไร้กังวล มิได้ระคายเคืองแม้แต่น้อย ประเทศลาว คือดินแดนแห่งภูเขา ภูผา และแหล่งน้ำ

ถํ้ามีความหมายสำหรับคนไทย คือ จะเข้าไปก่อสร้างพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อกราบไหว้บูชา มีพระสงฆ์เข้าไปบำเพ็ญเพียร มีเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เป็นประธานทุกแห่งหนที่ต้องจุดธูปเทียนกราบไหว้บูชา

“หินย้อย” เกิดจากตะกอนหินปูนที่จับตัวเป็นแท่ง หรือเป็นแผ่นย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ และน้ำใต้ดินที่มีหินปูนละลายอยู่หยดลงมาจากรอยแตกบนเพดานถ้ำ และเมื่อน้ำสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ก็จะทำให้เกิดแร่แคลเซียมคาร์บอเนตเริ่มสะสมตัวทีละน้อย และจะพอกยาวลงมาจากเพดานเรื่อยๆ โดยปกติจะมีลักษณะเป็นหลอดกลวงอยู่ตรงกลาง

“หินงอก” เกิดจากตะกอนหินปูนที่จัดตัวเป็นแท่งสูงขึ้นไปจากพื้นถ้ำขึ้นไปเพดานถ้ำ โดยเกิดจากหยดน้ำที่ไหลออกมาจากหินย้อยหล่นถึงพื้นถ้ำ ก็จะเกิดการสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตเกิดการสะสมตัว และค่อยๆ สูงขึ้นจากพื้นถ้ำ

เมื่อหินย้อยกับหินงอกมาบรรจบกันจะเรียกว่า “เสาหิน”

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับถ้ำ การไล่ล่า ไปฆ่ากัน ในถ้ำ โดยเฉพาะเรื่องเล่าเกี่ยวกับการนำทรัพย์สมบัติ ทองคำ เพชรนิลจินดา เรื่องเล่าแกมกระซิบว่าจอมโหดฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันเคยสั่งให้โบกี้รถไฟบรรทุกทองคำมหาศาลวิ่งไปซ่อนในถ้ำ แล้วระเบิดหินปิดปากถ้ำ ล้วนเป็นเรื่องเล่าน่าตื่นเต้นเร้าใจผู้คนได้ทุกยุคทุกสมัย

แม้กระทั่งเรื่องทองคำนับพันตันของทหารญี่ปุ่น ในภูเขาที่ จ.กาญจนบุรี ก็ยังคงทำให้คนอีกจำนวนไม่น้อย ยังไม่ละความพยายามที่จะระเบิดภูเขาค้นหา

เมื่อในถ้ำมืดสนิท…มีสัตว์ประหลาดอะไรมีชีวิตอยู่บ้าง

นักวิทยาศาสตร์สำรวจถ้ำมาแล้ว ลงความเห็นว่า สัตว์อาศัยในถ้ำมักตาบอด

ปลาตาบอดที่อาศัยอยู่ในถ้ำน้ำ มีอยู่หลายชนิด พบได้ในพื้นที่ต่างๆ เกือบทั่วโลก ความจริงแล้วตอนที่พวกมันเกิดออกมาใหม่ๆ มันก็มีตาที่ปกติสมบูรณ์เหมือนปลาทั่วไป แต่เมื่อปลาเจริญเติบโตขึ้น ปลาในถ้ำไม่เคยใช้ตามองวัตถุอะไรเลย ปลาก็จะกลายเป็นปลาตาบอดสนิทไปโดยปริยาย

เวลาว่ายน้ำ ปลาในถ้ำคลำหาทางโดยใช้วิธีตรวจจับความดันน้ำที่ล้อมรอบตัวมันอยู่ ปกติปลาทุกชนิดก็ทำอย่างนี้ได้ แต่ระบบตรวจจับความดันน้ำของพวกปลาในถ้ำมืดสนิท จะพัฒนาตัวเองจนมีประสิทธิภาพสูงมากกว่าปลาอื่นหลายเท่า

นอกจากนี้ ยังมีปลาในถ้ำ บางชนิดที่ทำความรู้จักกับสิ่งรอบตัว โดยใช้ปุ่มรับรสบนริมฝีปากของมันแตะตามสิ่งต่างๆ ในพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่ แล้วจำเอาว่าสิ่งไหนมีรสเป็นอย่างไร เมื่อมันเรียนรู้และจดจำได้แล้ว ต่อไปเพียงแค่ “ชิม” สิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันก็จะรู้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร

นอกจากปลาตาบอดแล้ว สัตว์ตาบอดชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำก็คือ พวกด้วงต่างๆ เช่นตัวโอล์ม และกิ้งก่าตาบอด

ตัวโอล์ม เป็นสัตว์พวกเดียวกับจิ้งจกน้ำ อาศัยอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ลำตัวยาวประมาณ 12 นิ้ว ขามีขนาดเล็ก เหงือกมีสีแดง และยื่นอกมานอกลำตัวเป็นแผงคล้ายขนนก

ในถ้ำมีแต่ความมืด ดังนั้นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำส่วนใหญ่จะมีสีซีด สัตว์บางชนิดจะไม่มีตา เพราะไม่จำเป็นต้องใช้สายตา สัตว์บางชนิดสามารถจับสัญญาณของคลื่นสั่นสะเทือน อุณหภูมิ กลิ่น และสนามแม่เหล็กไฟฟ้า

แมลงในถ้ำ จะมีขายาวมากกว่าแมลงชนิดเดียวกันที่อยู่นอกถ้ำเพราะต้องปีนป่าย สัตว์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ จะมีขนาดเล็กโดยธรรมชาติเพราะมีอาหารน้อย แมลงและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด เช่น จิ้งโกร่ง แมลงสองง่าม ใช้ชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายในถ้ำ สัตว์บางชนิดสามารถอยู่ได้ทั้งในและนอกถ้ำ เช่น กิ้งกือ และประเภทที่มีพฤติกรรมเข้าๆ ออกๆ จากถ้ำบ่อยๆ เช่น ค้างคาว ผีเสื้อกลางคืน หมี

ตะขาบถ้ำ แมงมุม ยุงก้นปล่อง เหลือบ ริ้น สัตว์พวกนี้ มีพิษกัดต่อย เป็นอันตรายถึงชีวิตนะครับ

อันตรายสำหรับนักท่องถ้ำ คือ น้ำท่วมอย่างฉับพลัน บางถ้ำที่มีพื้นที่ลุ่มน้ำขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำมาก และมีลำธารไหลลอดมักพบปัญหาน้ำท่วมถ้ำในฤดูฝน เมื่อเจอกระแสน้ำในถ้ำ ก็จะต้องหนีและถ้าเกิดหลงทางภายในถ้ำ นี่แหละคือวิกฤตของชีวิต

ความอยากรู้อยากเห็น รักการผจญภัยของมนุษย์ อยากเข้าไปสำรวจ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ผู้เขียนลองไปค้นข้อมูลถ้ำทั่วโลก ที่มีคนเคยเข้าไปสำรวจและนำมาเปิดเผย ดังนี้ครับ

ถ้ำครูเบรา (Krubera Cave) หรือ Voronya Cave สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่โลกต้องตะลึง เป็นถ้ำซึ่งมีความลึกที่สุดในโลก คือมีความลึกประมาณ 2,197 เมตร และมีความยาวประมาณ 13.432 กม. ตั้งอยู่ในเทือกเขาอาราบีก้า (Arabika Massif) ในประเทศจอร์เจีย (Georgia) ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2503 โดย Kiev speleologists

Mammoth Cave National Park – ถ้ำยาวที่สุดในโลก ในรัฐเคนตักกีของสหรัฐ โดยมีความยาวมากถึง 652 กม.

Sarawak Chamber – โถงถ้ำใหญ่สุดในโลก โถงซาราวักแห่งนี้อยู่ในประเทศมาเลเซีย ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติกูนูง มูลู (Gunung Mulu) เป็นถ้ำที่มีโถงใหญ่ที่สุด มีลักษณะเป็นโถงลาดชันความสูงตั้งแต่ 700 เมตรถึง 400 เมตร หรือมีความสูงเทียบเท่ากับยอดหอไอเฟลของฝรั่งเศส

ค้างคาวกับถ้ำ เป็นเนื้อคู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน

ค้างคาว จัดอยู่ในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลำตัวขนาดเล็กมีปีกบินได้ ค้างคาวเป็นอันดับใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ค้างคาวที่ชอบอาศัยในถ้ำมืด มี 2 ชนิด คือ ค้างคาวกินแมลง และค้างคาวกินผลไม้ ค้างคาวในถ้ำจะออกหากินตอนกลางคืน เพราะตอนกลางวันค้างคาวหากินสู้นกอื่นๆ ไม่ได้ กลางคืนมีอาหารกินมากกว่ากลางวันโดยเฉพาะค้างคาวกินแมลง กลางคืนเป็นเวลาที่เงียบสงบ ค้างคาวอาศัยคลื่นเสียงนำทางเหมือนเรดาร์และหาอาหารได้แม่นยำกว่า

นักผจญภัยในถ้ำจะพบเห็นค้างคาวนอนหลับห้อยหัวอยู่ในถ้ำในเวลากลางวัน มันจะโผล่ออกมาตอนกลางคืน จึงทำให้ค้างคาวเป็นสัตว์ลึกลับน่ากลัว คนไทยเห็นค้างคาวหากินกลางคืน จึงคิดว่าเป็นพวกเดียวกับผี มักจะเปรียบเปรยคนที่ชอบทำตัวลึกลับ กลางวันชอบงีบหลับงัวเงีย แต่กลางคืนคึกคักกระฉับกระเฉงว่า พวกมนุษย์ค้างคาว

สิ่งที่อยู่ในถ้ำที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ก็มีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจและอันตรายคละเคล้ากัน ถ้ำเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ถ้ำพระรามหรือถ้ำเจ้าราม เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย เมื่อปี พ.ศ.2552 ทีมนักวิจัยเข้ามาสำรวจพบว่าในถ้ำแห่งนี้ซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่เกือบ 2 ล้านตัว ถ่ายมูลวันละ 200 กก. หรือปีละ 73 ตัน ปัจจุบันก็คาดว่าจะมีมูลค้างคาวสะสมไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน ถ้านำไปผลิตเป็นปุ๋ย ก็คิดเป็นเงินนับร้อยล้านบาท

ถ้ำวัดเขาช่องพราน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในบริเวณวัดเขาช่องพราน เป็นประจำทุกวัน ยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน บรรดาค้างคาวหนูจำนวนมหาศาลนับล้านตัว จะบินออกจากถ้ำเป็นสายควันดำโบกสะบัดเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวไปมาต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 1 ชม. เพื่อออกหากิน

ค้างคาวนับล้านตัวเหล่านี้ จะบินกลับเข้าไปในถ้ำแห่งนี้อีกครั้งก่อนอรุณรุ่ง เป็นภาพอันน่าประทับใจของปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ

ขอแถมเรื่อง…เกิดอะไรขึ้นกับคนงานเหมืองในชิลี ที่เป็นบทเรียนแสนรันทด

ปีพ.ศ.2553 เกิดอุบัติเหตุในเหมืองทองแดงกลางทะเลทรายในเมืองซานโฮเซ ของชิลี เหมืองถล่มและปิดทางเข้าออกขังคนงานจำนวน 33 คนไว้ใต้ดินที่ระดับความลึกถึง 700 เมตร พวกเขาต้องใช้ชีวิตในเหมืองในอุโมงค์นาน 69 วัน กว่าทีมกู้ภัยจะเจาะเปิดช่อง และส่งแคปซูลลงไปรับตัวคนงานขึ้นมาทีละคนได้

ภารกิจกู้ภัยที่ใช้เวลาทั้งหมด 17 วัน ที่ผ่านมา มีทั้งความสูญเสีย และความสำเร็จ เราจึงได้เห็นเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นจากจิตใจที่เข้มแข็ง ความเสียสละ ความทุ่มเท และความสามัคคีของคนทั่วโลกที่มาร่วมทำงานสุดหินในครั้งนี้

มีคำกล่าวโบราณที่เตือนลูกหลานถึงอันตรายของท้องทะเลว่า “คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล” มาบัดนี้ ถ้าจะกล่าวได้ว่า “คืบก็ถ้ำ ศอกก็ถ้ำ” ก็คงไม่ผิดนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image