ประธานคณะพระธุดงค์เพื่อสันติภาพโลก เชิญผู้บริหารเจษฎาเทคนิคมิวเซียมเยี่ยมคารวะพระสันตปาปา ณ นครวาติกัน

20 ก.พ. 2567 – น.ส.ณฐพรรณ์ ตะเอ้กา ผู้จัดการทั่วไปมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ พระสุธรรม ฐิตธัมโม (นทีทอง) ประธานคณะพระธุดงค์เพื่อสันติภาพโลก เจ้าอาวาสวัดอุษาพุฒยาราม นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พระวิถี ธมฺมคุโณ (แสงดาวเรือง) และพระปวรุตม์ มหาปัญฺโญ พระธุดงค์เพื่อสันติภาพโลก วัดดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต

เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม คณะที่ปรึกษา ประกอบด้วย พล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน พล.อ.วุทธิ์ วิมุกตะลพ พล.ร.อ.รพล คำคล้าย พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ พล.อ.ศุขเกษม องคะศิลป์ พล.อ.ดร.ปกิตน์ สันตินิยม พล.ท.มนัส เปาริก พล.ท.บรรพต งามกัณหา พล.ต.หญิง นวรัตน์ บวรศักดิ์ นายอภิสิทธิ์ ธรรมใจ อ.ศิริ หนูแดง ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล และนายสุพจน์ อ่อนบุญมี รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียมทุกคนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งใจไว้ทุกประการ

พระสุธรรม ฐิตธัมโม (นทีทอง) กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทำงานด้านการเมืองมาตลอดชีวิต มีอุดมการณ์อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ประกอบอาชีพอื่นจะทำการเมืองเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมืองเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อการเมืองยังอยู่ในวังวนแบบเดิมซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลง จึงเกิดความท้อถอยในการทำงานด้านการเมือง จึงได้บริหารเวลาเพื่อศึกษาธรรมะ

และเมื่อมีโครงการบรรพชาเพื่อบำเพ็ญธรรมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557 จึงตัดสินใจเข้าร่วมบรรพชา ณ วัดสวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในระหว่างนั้นได้ศึกษาและเจริญวิปัสนาเป็นเวลาต่อเนื่องจนได้ดวงตาเห็นธรรม จึงประสงค์ที่จะขอบวชต่อเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งปี พ.ศ.2557 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลา 10 ปี

ทำให้ทุกวันนี้มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม มีความสุขในทุกนาทีและที่สำคัญได้ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมมากกว่าเดิม จึงไม่กลับไปใช้ชีวิตทางโลก ไม่ไขว้คว้าชื่อเสียงเงินทองยศฐาบรรดาศักดิ์อีกต่อไป ปล่อยวางทางโลกและใฝ่หาความรู้ทางธรรมอย่างจริงจัง

หลังจากศึกษาพระธรรมได้ระยะหนึ่งจึงได้มีโอกาสเดินธุดงค์ตามเส้นทางที่พระพุทธเจ้าเสด็จในอินเดียตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เดินเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ จึงทำให้มีความรู้สึกว่าเราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว จึงตั้งปณิธานว่าจะเดินตามรอยบาทพระศาสดาเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปรอบโลก ใช้เวลาเดินธุดงค์ 3 ปี

โดยตนเองได้เดินธุดงค์ ตั้งแต่ปี 2563 จนกระทั่งได้เดินธุดงค์สำเร็จในปี 2566 รวมระยะทางกว่าสองหมื่นกิโลเมตร โดยเริ่มเดินธุดงค์ตั้งแต่ประเทศไทย เมียนมาร์ อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน ตุรกี กรีก อัลบาเนีย มอนเตเนโก บอสเนีย โคเอเชีย สโลเวเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และสิ้นสุดที่ฝรั่งเศส เป็นการเดินตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทำไว้

ตลอดเส้นทางมีประชาชนทุกชนชาติ ทุกศาสนาล้วนแต่ให้การต้อนรับสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดีด้วยกันทั้งสิ้น และในปี 2567 ได้วางแผนจะเดินธุงค์จากใต้สุดของอเมริกาคือรัฐฟลอริด้า ไปเหนือสุดของอเมริกา คือ น้ำตกไนแองกาล่า ใช้ระยะเวลาในการเดินธุดงค์ 3 เดือน

พระสุธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า หลายสิบปีที่ผ่านมา อาตมาได้มีส่วนช่วยกันผลักดันแม้จะเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่ทำให้เมืองไทยมีพิพิธภัณฑ์ยานยนต์และเทคโนโลยีที่ดีมีคุณภาพระดับโลก โยมพี่เจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม คนไทยที่อัจฉริยะ มองการณ์ไกล ได้ก่อร่างสร้างมิวเซียมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ส่งต่อมาถึง ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรถไมโครคาร์มากที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้

การมาเยี่ยมในครั้งนี้มีความแปลกตาไปมากกว่าเมื่อ 10 กว่าปีผ่านมา ก่อนที่พระจะได้บวชเรียน เจษฎาเทคนิคมิวเซียมมีแต่รถโบราณ รถไมโครคาร์ รถบับเบิ้ลคาร์ แต่ตอนนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ในพื้นที่อาคารหลัก (Main Building) ซึ่งเป็นอาคารเดียวที่จะเปิดเป็นเฟสแรก มีงานศิลปะ งานไม้เข้ามาจัดแสดงด้วย ส่วนกลุ่มอาคารแฝดสามที่จะเปิดให้บริการในเฟส 2 นั้น

โดยส่วนตัวชื่นชอบอาคารชมเพลินเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นอาคารที่จัดแสดงรถโบราณรูปร่างหน้าตาน่ารักๆ รวมถึงของสะสมโบราณแล้ว ยังได้นำพระพุทธรูป พระอรหันต์ และพระอัครสาวก ที่ทำจากหยก ทำจากไม้แกะสลัก ซึ่งนำมาจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นจีน เมียนมาร์ หรือลาว เป็นต้น มาจัดแสดงร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีเจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อตรง ซึ่งแกะสลักจากไม้เนื้อหอม นำเข้ามาจากประเทศจีน ประดิษฐานอยู่ในอาคารชมเพลินแห่งนี้ด้วย

ย้อนไปในปี 2557 อาตมา และ ดร.ภาคภูมิ มีตำแหน่งทางการเมืองเหมือนกัน และได้บวชเรียนพร้อมกัน โดย ดร.ภาคภูมิ ไปบวชที่ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย ส่วนพระไปบวชที่สวนโมกข์ แต่ ดร.ภาคภูมิ ได้ลาสิกขาบทไปเสียก่อน น่าจะฉันมื้อเดียวไม่ไหว (หัวเราะ)

วันนี้คณะพระธุดงค์สันติภาพโลก ได้มีโอกาสมาเยี่ยมการก่อสร้างอาคารเจษฎาเทคนิคมิวเซียมแห่งใหม่ ที่ใกล้จะเสร็จเรียบร้อย รอเปิดตัวให้พี่น้องคนไทยได้ภูมิใจที่ประเทศเรามีมิวเซียมรถโบราณที่ใหญ่และดีระดับโลก และเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอดที่ได้รวบรวมรถโบราณ รถบับเบิ้ลคาร์ หรือรถไมโครคาร์ รถหายากมากที่สุดติดอันดับโลก เมื่อได้มาเห็นความก้าวหน้าของที่นี่ จึงขอส่งกำลังใจและช่วยอธิษฐานจิตให้เจษฎาเทคนิคมิวเซียมแห่งใหม่แห่งนี้ ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการ และเป็นมิวเซียมที่ดีที่สุดในเอเชียและในโลก

เพื่อให้การศึกษาแก่เยาวชนและพี่น้องประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติ ได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งที่หายากในโลกด้วยตัวเอง ซึ่งอาตมาเดินทางมารอบโลกก็ยังไม่เคยเห็นรถโบราณประเภทรถไมโครคาร์ และ รถบับเบิ้ลคาร์มากขนาดนี้มาก่อน ก็หวังว่าเจษฎาเทคนิคมิวเซียมแห่งนี้จะสร้างคุโณปการทางด้านการศึกษาแก่พี่น้องประชาชนและเยาวชนของชาติไทยรวมทั้งชาติต่างๆ ที่จะมาเยี่ยมชมด้วย

“สำหรับปี 2568 คณะพระธุดงค์เพื่อสันติภาพโลกได้มีกำหนดเดินธุดงค์จากใต้สุดของยุโรปคือเกาะซิซิลีของประเทศอิตาลีไปเหนือสุดของยุโรปที่ประเทศนอร์เวย์ โดยเส้นทางนี้จะเดินผ่านนครวาติกัน และมีกำหนดการสำคัญที่จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปา ซึ่งอาตมาและคณะพระธุดงค์เพื่อสันติภาพโลก ได้เห็นศรัทธาอย่างแรงกล้าของ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทฺธิ์ ที่ตั้งใจจะสืบทอดพระพุทธศาสนาผ่านงานศิลปะ ทำให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาเรียนรู้

จึงมีความปรารถนาที่จะเชิญ ดร.ภาคภูมิ ร่วมเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปาด้วย ส่วน ดร.ภาคภูมิ จะเดินทางไปอย่างแล้วแต่ท่านจะสะดวก ส่วนอาตมาขอใช้วิธิการเดิมคือเดินธุดงค์ และสุดท้ายนี้ขออนุโมทนาสาธุในบุญที่ ดร.ภาคภูมิ ได้ทำไปด้วยความตั้งใจจริง ขอเจริญพร” พระสุธรรม กล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน