Movie

พระแสงขรรค์ชัยศรี ราชศัสตราวุธแห่งพระมหากษัตริย์

     นอกจากพระมหาพิชัยมงกุฎ ธารพระกร วาลวีชนี และฉลองพระบาทเชิงงอนแล้ว อีกหนึ่งเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญยิ่ง และมีประวัติที่น่าสนใจคือ พระแสงขรรค์ชัยศรี ราชศัสตราวุธอันแสดงถึงสถานะความเป็นกษัตริย์

     ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พระแสงขรรค์ชัยศรี ปรากฏชื่อครั้งแรกในศิลาจารึกวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย ความว่า “เมื่อก่อนผีฟ้า เจ้าเมืองศรียโสธรปุระ ให้ลูกสาวชื่อนางสิขรมหาเทวีกับขันชัยศรีให้นามเกียรติแก่พ่อขุนผาเมือง” แปลความได้ว่า กษัตริย์แห่งนครธม ได้พระราชทานนางศิขรเทวี พระแสงขรรค์ชัยศรี และพระนามว่า “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” แก่พ่อขุนผาเมือง แต่ตามข้อความต่อมาที่สลักไว้ในจารึกวัดศรีชุม ได้กล่าวว่า พ่อขุนผาเมืองได้พระราชทานพระแสงขรรค์ชัยศรี และพระนามว่า “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” แก่พ่อขุนบางกลางหาว แล้วได้ย้ายออกไปจากสุโขทัย พ่อขุนบางกลางหาวจึงได้สถาปนาเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง พร้อมเปลี่ยนพระนามเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ปกครองกรุงสุโขทัยสืบมา ดังนั้นพระแสงขรรค์ชัยศรีจึงได้กลายเป็นเครื่องแสดงสถานะของกษัตริย์ในกาลต่อมา

     จากสุโขทัยสู่กรุงศรีอยุธยา ในบางข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ได้มีการคาดว่า พ่อขุนผาเมืองได้ออกจากกรุงสุโขทัยแล้วไปสร้างอาณาจักรใหม่กลายเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา มีพระนามว่า พระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ข้อความในส่วนนี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตามประวัติศาสตร์หรือไม่นั้น ในขณะนี้ไม่อาจมีหลักฐานที่มายืนยันได้ แต่ในอาณาจักรอยุธยานั้นก็มีการสืบเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ‘พระแสงขรรค์ชัยศรี’ เรื่อยมาจนถึงในสมัยพระเจ้าเอกทัศ หรือสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรอยุธยา พระแสงขรรค์ชัยศรีได้สูญหายไปในขณะเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ดังนั้นพระแสงขรรค์ชัยศรีที่เป็นหนึ่งในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ของกรุงรัตนโกสินทร์นั้น เป็นพระแสงขรรค์ที่ถูกพบใหม่ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์


พระแสงขรรค์ชัยศรีองค์ปัจจุบัน

     พระแสงขรรค์ชัยศรีองค์ปัจจุบันถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2327 โดยชาวประมงขณะทอดแหที่โตนเลสาบ  เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ต่อมาได้นำมาถวายเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน) เจ้าเมืองเสียมราฐในขณะนั้น ซึ่งเป็นต้นตระกูลอภัยวงศ์ และเจ้าเมืองเสียมราฐได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ดังนั้นพระแสงขรรค์ชัยศรีที่ถูกค้นพบที่โตนเลสาบ จึงได้กลายเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ประจำราชวงศ์จักรี

     ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถ์เลขาได้กล่าวถึงความตอนหนึ่งในขณะที่อัญเชิญพระแสงขรรค์ชัยมาที่พระบรมมหาราชวังว่า ได้เกิดพายุ ฝนตกหนัก มีสายฟ้าฟาดมาลงที่ศาลาลูกขุน พร้อมกันนี้ในหนังสือเรื่อง ราชูปโภคและเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์  โดย ม.ร.ว. เทวาธิราช ป. มาลากุล อดีตสมุหราชพิธี ได้กล่าวสมทบอีกว่า “เมื่อวันที่พระแสงขรรค์นี้มาถึง อสุนีบาตตกลงมาในพระนครถึง 7 แห่ง มีที่ประตูวิเศษไชยศรี เป็นต้น อันเป็นทางที่พระแสงขรรค์องค์นี้ผ่าน”

     พระแสงขรรค์ชัยศรีองค์นี้ เฉพาะส่วนที่เป็นองค์พระขรรค์จะมีความยาว 64.5 ซม. เมื่อประกอบด้ามที่ทำมาใหม่หุ้มทองคำลงยาราชาวดีลายเทพพนมแล้ว จะมีความยาว 89.9 ซม. หนัก 1.3 กิโลกรัม เมื่อสวมฝักหุ้มทองคำลงยาราชาวดีประดับอัญมณีแล้ว จะมีความยาว 101 ซม. หนัก 1.9 กิโลกรัม



WATCH



      
              

WATCH

The LATEST