ผลกระทบจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเราค่อนข้างจะได้รับผลกระทบจากการขาดการเอาใจใส่ต่อการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ที่มีกิจกรรมการผลิต กิจกรรมสังคมของมนุษย์มากมาย ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามเมืองเหล่านี้มักมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำ ในขณะที่ดูเหมือนว่ามีภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

ผู้เขียนมองว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ดีคือ การเป็นเจ้าของสุขภาพใจและสุขภาพกายที่ดีมีความสุขตามธรรมชาติ มีชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติไม่หนีธรรมชาติ วัฎจักรชีวิตความเป็นคนที่ควรมีจิตใจที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น การจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ก็จะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ธรรมชาติที่ดี ไม่มีขยะล้นเมือง มีต้นไม้และสภาพที่อยู่อาศัยที่สมดุล อุณหภูมิไม่ร้อน น้ำกินน้ำใช้สะอาด พืช ดินต่างๆ ก็อุดมสมบูรณ์ไม่ถูกทำลาย ไม่มีการย้ายถิ่นฐานมาก ถ้าหากมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่อย่างสมดุพอเหมาะผู้เขียนเชื่อว่า จะหล่อหลอมให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

ตรงกันข้าม เราอาจมีเศรษฐกิจที่ดี มีเงินใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟื่อย มีเงินจับจ่ายซื้อหาสิ่งอำนวยความสะดวกมาสนองความต้องการทางกาย แต่ผู้เขียนกลับมองว่านี่หาใช่ความสุขไม่ หากการมีเงินใช้จ่ายมีชีวิตทางกายสะดวกสบายแต่สภาพแวดล้อมที่อยู่ถูกทำลายไป พอออกจากบ้านก็พบกองขยะล้นเมือง รถติดยาว 2-3 กิโลเมตร อากาศร้อนอบอ้าว น้ำกิน น้ำใช้ขาดแคลน หรือไม่สะอาด พืช รวมถึงสัตว์ต่างๆ ที่เราใช้เป็นแหล่งอาหารก็ปนเปื้อนด้วยสารเคมี สารพิษ ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างมีการปนเปื้อน ดินต่าง ๆ ที่ใช้ปลูกพืชก็เสื่อมสภาพ พืช สิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็ขาดความสมดุล อาหาร การกินก็มีการปนเปื้อน ถ้าหากท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ท่านจะจินตนาการผลกระทบได้ชัดเจนกว่าคนต่างจังหวัด เพราะกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่อยากวิจารณ์มากระหว่างคุณภาพชีวิตที่ดีและเศรษฐกิจที่ดี เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นเท่านั้นว่า หากสิ่งแวดล้อมมีปัญหาแล้ว ในที่สุดก็จะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของเรา ทั้งทางใจและทางกาย ในสุดท้ายนี่เอง