สามเณรหายไปไหนแล้ว....
เผอิญว่าได้อ่านหนังสือซึ่งเป็นผลงานวิจัยที่ ผศ.ดร. ชาญณรงค์ บุญหนุน ทำวิจัยในหัวข้อเรื่อง “พระสงฆ์ไทยในอนาคต” โดยได้รับงบวิจัยจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในขณะนั้น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหาสาเหตุการขาดแคลนพระภิกษุสามเณรในปัจจุบัน เพื่อนำเอาผลวิจัยมาใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงอยากจะนำมาเสนอให้ได้ช่วยกันพิจารณา และ เสนอข้อคิดเห็นกัน ซึ่งจากผลการวิจัยในครั้งนี้มาเหตุหลักที่เกี่ยวข้องกับการลดจำนวนลงของสามเณรจำนวน ๕ ข้อ ดังนี้
1.จำนวนสามเณรลดน้อยลง อันเป็นผลมาจากนโยบายการศึกษาภาคบังคับของรัฐ (หรือที่เรียกกันว่านโยบายคุมกำเนิดสามเณร) ซึ่งขยายไปจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 และกำลังจะขยายไปจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทำให้ไม่มีเด็กมาบวชเรียน เพื่ออาศัยเป็นโอกาสทางการศึกษาอย่างแต่ก่อน
2.การขาดแรงงานในหมู่บ้าน สมัยก่อนครอบครัวมักมีลุกหลายคน ใครที่มาบวช(ตามประเพณี) มักจะบวชได้นาน อย่างน้อยทั้งพรรษาหรือทั้งปี โดยไม่เกิดปัญหาแรงงานในครอบครัว เพราะมีคนในครอบครัวหลายคน แต่ปัจจุบันนี้คนหนุ่มบวชนานไม่ได้ เพราะครอบครัวหนึ่งมักมีลูกเพียง 1-2 คน เมื่อลูกชายมาบวช ก็จะทำให้คนในครอบครัวมีงานหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้นคนหนุ่มจึงมักจะบวชเพียง 1 เดือนเป็นอย่างมาก (ส่วนใหญ่จะบวช 15 วัน) และนิยมบวชฤดูแล้ง ซึ่งไม่ใช่ฤดูเกษตร ยิ่งการบวชจำพรรษาด้วยแล้วยิ่งทำได้ยาก เพราะเป็นฤดูเพาะปลูก ต้องอาศัยแรงงานมาก ครั้นจะไปจ้างคนอื่นมาเป็นแรงงานก็ทำได้ยากเพราะแรงงานในหมู่บ้านขาดแคลน เนื่องจากจำนวนบุตรน้อยลง นี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายวางแผนครอบครัวที่ได้ผลมาเกือบ 30 ปี นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการขยายการจ้างงานตามระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตชนบทอีกด้วย
3.”ความรู้” ที่ได้จากการบวชไม่สอดคล้องกับชีวิตของคนปัจจุบัน สมัยก่อนคนนิยมบวชเรียน เพราะเห็นว่า “คุ้มค่า” เป็นประโยชน์แก่ชีวิตฆราวาส นอกจากทำให้อ่านออกเขียนได้และรู้วิชาทางโลก หรือวิชาช่างแล้ว สึกไปก็มีคนพร้อมที่จะยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย (เพราะถือว่าเป็น”คนสุก” คือได้อบรมมาแล้ว) ทั้งนี้ยังไม่ต้องกล่าวถึงประโยชน์ทางธรรมและบุญกุศลที่ผู้บวชและพ่อแม่จะได้รับแต่ในปัจจุบัน ผู้คนเห็นว่าความรู้ที่จำเป็นแก่ชีวิตฆราวาสนั้น สามารถแสวงหาจากแหล่งอื่นได้โดยตรง เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือ สถาบันอื่น ๆ ที่ไม่ใช่วัด ตัวความรู้ที่จำเป็นในปัจจุบันนั้นก็มีลักษณะแตกต่างจากอดีต วัดและพระสงฆ์ไม่ได้เป็นสำคัญของความรู้เหมือนในอดีตอีกต่อไป คนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการศึกษาอบรมในระบบวัด
4.วัดขาดผู้ให้การศึกษาหรือแนะนำสั่งสอน ไม่เพียงการแนะนำสั่งสอนในทางโลกเท่านั้น แม้แต่การให้การศึกษาในทางธรรม รวมถึงการอบรมกิริยามารยาท ในขณะนี้วัดส่วนใหญ่โดยเฉพาะในชนบทไม่ได้ทำหน้าที่นี้เลย เพราะเจ้าอาวาสหรือพระในวัดขาดความรู้ความสามารถ ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่งมาบวชได้ไม่นาน(เป็นพระ”หลวงตา”) ความรู้ทางปริยัติธรรมก็ขาด ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมก็มีน้อยมาก ส่วนความรู้ทางโลกหรือการทำมาหากิน ก็ไม่ทันหรือไม่สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ จึงไม่สามารถดึงดูดให้คนหนุ่มเข้าวัดมาบวชได้ ส่วนพ่อแม่ก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะให้ลูกมาบวชนาน ๆ ลูกบวชตามประเพณีเพียง 15 วันก็พอใจแล้ว
โดยสรุปก็คือ วัดขาดบทบาทหน้าที่ทางสังคมดังที่เคยเป็นมาแต่ก่อน มีแต่บทบาทหน้าที่ตามประเพณีหรือในเรื่องที่ไม่ใช่ทางโลก เช่น การทำบุญ การทำพิธีทางศาสนา จึงไม่สามารถโน้มน้าวใจให้คนเข้าวัดและมาใช้ชีวิตในวัดได้ดังแต่ก่อน
5.ความศรัทธาในภิกษุ แม้ภิกษุในปัจจุบันจะมีจุดอ่อนด้านความรู้ทางโลก แต่หากมีศีลาจารวัตรน่าศรัทธา ก็ยังสามารถดึงดูดคนให้เข้าวัดได้ อย่างน้อยพ่อแม่ก็อยากให้ลูกมาบวชเพื่อให้หลวงพ่อสั่งสอนในทางวินัยหรือความประพฤติ แต่ด้วยเจ้าอาวาสจำนวนไม่น้อยมิได้ทำตัวให้น่านับถือ หากแต่ดำรงชีวิตหรือมีความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ต่างจากฆราวาส ชาวบ้านจึงไม่กระตือรือร้นที่จะส่งลูกมาบวช ยิ่งกว่านั้นฆราวาสบางคนยังวิวาทกับพระหรือเจ้าอาวาส นี่เป็นข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ที่สำรวจ
อนุโมทนาครับท่านมหาฯ เรื่องการลดลงของสามเณร ผมได้เีขียนเอาไว้ในวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ที่ธรรมศาสตร์นะครับ และบอกได้เลยว่า นโยบายหลายๆ อย่างของรัฐ จะมีผลต่อการลดลงของสามเณรอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่นโยบายของรัฐไม่ดีนะครับ ดีครับ แต่อาจจะมีผลต่อเด็กไทยที่จะตัดสินใจเข้ามาบวชในระยะเช่นพวกเราในสม้ัยก่อน
ขอบพระคุณครับอาจารย์พระมหาแล หนังสือมีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือครับ เรื่องพระสงฆ์ไทยในอนาคต ครับ เนื้อหาน่าอ่านมากครับ เป็นข้อมูลสำหรับบริหารกิจการคณะสงฆ์ได้เป็นอย่างดี ผมถ่ายเอกสารแจกพระเถระในอำเภอทุกรูปเลยครับ
ขอบพระคุณครับพระอาจารย์หรรษา กระผมและครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม เห็นถึงปัญหานี้อย่างมากครับ นับวันจะหาเด็กบวชเรียนยากมากครับ พวกกระผมก็ต้องหากลวิธีมากมายละครับเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสบวชเรียนเหมือนเช่นพระอาจารย์และกระผมละครับ
นมัสการพระเดชพระคุณท่าน
คนวันนี้แปลกแยกจากธรรมชาติเจ้าค่ะ
พยายามที่จะหาเครื่องมือพิเศษควบคุมอำนาจลึกลับ
จึงไม่แปลกที่บ้านเมืองเรามีคนทรงเจ้า มีหมอดู
มีคนให้หวยสารพัดรูปแบบ มีสำนักไล่ผีนับสิบ
ความศรัทธาในภิกษุ...ข้อนี้สำคัญมากเจ้าค่ะที่จะต้องทบทวน
นมัสการด้วยความเคารพ
โยมกระแต
เจริญพรคุณโยมกระแต ในผลงานวิจัยนี้ก็คงเปรียบเหมือนกระจกเงาส่องให้พระภิกษุ และพุทธศาสนิกชนเราได้เห็นความเป็นจริงในสังคม และหาทางร่วมกันแก้ไขต่อไป อนุโมทนาสาธุ....
ไม่ทราบว่าคณะสงฆ์ทราบปัญหาเหล่านี้แล้วได้มีมาตรการหรือนโยบายใดในการแก้ปัญหานี้ออกมาอ่างเป็นรูปธรรมบ้างครับ หรือว่ารู้แล้วยังเฉยอยู่
เจริญพร คุณโยม aplang
ทางคณะสงฆ์เองก็มีมาตรการที่แก้ไข แต่ก็ติดขัดด้วยเหตุผลหลายประการที่ไม่สามารถจะดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ