การท่องเที่ยวในภาคเหนือมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ผจญภัย หรือการท่องเที่ยวแบบ Slow Life เรามีโอกาสได้รู้จักกับ Local Alike ที่ทำให้เรามีมุมมองการท่องเที่ยวที่แตกต่าง โดยการพาเราไปสัมผัสวิถีชุมชนอย่างลึกซึ้ง

ทริปนี้ คือการท่องเที่ยวชุมชน บ้านพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน กับการท่องเที่ยวแนวใหม่ เหนือฝันล้านแรงบันดาลใจ แอ่วเหนือครั้งใหม่ ไม่เหมือนเดิม ตามสไตล์ผู้หญิงทำงานอย่างเราๆ

เราเดินทางไปถึงสนามบินเชียงใหม่ ช่วงสายๆ ของวันแรก จากนั้นแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดลำพูน วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร

ก่อนกลับ แวะชิมเฉาก๊วยมุกดา (อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์) ซึ่งอยู่ภายในวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร พอได้ชิมแล้ว บอกเลยว่า อร่อยสมคำร่ำลือ จริงๆ
อาหารกลางวันมื้อแรก แวะที่ร้าน ดาวคะนอง สาขา ถนนเจริญราษฎร์ กับเมนู ไส้อั่ว, แกงฮังเล, ลาบคั่ว, ปลารากกล้วยทอด

และที่พลาดไม่ได้คือ แกงผักเชียงดา ผักท้องถิ่นของลำพูน ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง

จากนั้น มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านแห่งศรัทธา บ้านพระบาทห้วยต้ม ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอลี้จังหวัดลำพูน ประชากรของที่นี่เป็นชาวปกาเกอะญอหรือชาวกะเหรี่ยง เดิมที่ตั้งของชุมชนแห่งนี้ มีความแห้งแล้ง น้ำน้อย ป่าเสื่อมโทรม ใต้ดินมีศิลาแลง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีดำริ ให้สร้างอ่างเก็บน้ำ และสร้างมูลนิธิโครงการหลวงขึ้น ซึ่งเป็นโครงการหลวงแห่งเดียวที่ไม่มีการประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้เหมือนโครงการหลวงแห่งอื่นๆ แต่เป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร และส่งเสริมการทอผ้ากะเหรี่ยง ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์

จุดแรก เราแวะกันที่ ศูนย์วิจัย งานหัตถกรรมบ้านห้วยต้ม

การต้อนรับจากชาวบ้าน ที่มาพร้อมน้ำสมุนไพรและขนมแบบไทยๆ

ที่นี่ มีการจำลองวิถีชีวิต ทั้งบ้านเรือนโบราณ และสาธิตวิธีการทอผ้า

การทอผ้าของชาวพระบาทห้วยต้ม ยังคงทอด้วยวิธีโบราณที่เรียกว่า กี่เอว ค่อยๆ ร้อยเรียงเส้นด้ายที่ละเส้น ด้วยความสวยงาม ลายผ้าของชุมชนแห่งนี้มีหลากหลายลาย แต่ละลายก็ล้วนมีที่มา

ศูนย์วิจัยแห่งนี้ เปรียบเสมือนที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และเป็นสถานที่รวบรวมสินค้าของชุมชน ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก สินค้าภายในศูนย์ฯ มีทั้ง เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องจักสาน ย่าม รวมไปถึงเครื่องเงิน พวกเราก็เลยได้สินค้าชุมชนติดไม้ติดมือกันมาคนละชิ้นสองชิ้น

จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านกะเหรี่ยง “ชุมชนน้ำบ่อน้อย”

ที่มาของชื่อชุมชน มาจากการค้นพบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ บ่อนี้เป็นบ่อเล็กๆ ลึกประมาณ 1 ฟุต มีน้ำอยู่ตลอดเวลา ทางการเคยนำน้ำไปตรวจพบว่า เป็นน้ำสะอาดปราศจากสิ่งเจือปน ชาวบ้านจึงใช้ดื่มกิน และใช้ในการประกอบพิธีสำคัญๆ ทางศาสนา

หมู่บ้านแห่งนี้อยู่อย่างพอเพียง ไม่มีไฟฟ้า ผู้หญิงมีอาชีพทอผ้า ผู้ชายมีอาชีพรับจ้างทั่วไป บ้านแต่ละหลังสร้างอย่างเรียบง่าย มีห้องนอนห้องเดียว มีกองฟืนสำหรับหุงต้ม กองไว้ใต้ถุนบ้าน

ตกเย็นลานกว้างๆ ภายในหมู่บ้าน จะมีเด็กๆ มาวิ่งเล่นและทำกิจกรรมร่วมกัน เวลามีนักท่องเที่ยวแวะมา พวกเขาก็ต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทำความรู้จักกับชุมชนมาพอสมควร ก็ไปชื่นชมความสวยงามของ พระมหาธาตุเจดีย์ ศรีเวียงชัย พุทธสถานของวัดพระบาทห้วยต้ม เพื่อเก็บภาพสวยๆ ของเจดีย์สีเหลืองทองแห่งนี้

ก่อนทานอาหารเย็น ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ทำพิธีเรียกขวัญ เหมือนเป็นการต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการ

จากนั้นก็ทานอาหารเย็น พร้อมชมการแสดงของเด็กๆ ที่น่ารักมากๆ

ไม่น่าเชื่อว่า อาหารมังสวิรัติของที่นี่ จะรสชาติดีขนาดนี้ ในชุดขันโตก มีทั้ง ผัดผักรวมมิตร, ต้มยำเห็ด หมูยอเห็ดหอม, เต้าหู้ทอด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดที่มีส่วนผสมของถั่วลิสงป่น และที่ขาดไม่ได้ คือ น้ำพริก ที่ออกเสียงแบบภาษาถิ่นว่า มู่แหล่ซู น้ำพริกชนิดนี้ อร่อย หอมเครื่องปรุงอันเป็นสมุนไพรท้องถิ่น และมีความเผ็ดในสไตล์น้ำพริกกะเหรี่ยง ซึ่งการทานอาหารมื้อนี้ เราได้รู้จักผักพื้นบ้าน ที่ชื่อว่า ผักขี้หูด สีเขียวๆ เป็นปุ่มๆ แค่ชิมครั้งแรกก็ติดใจซะแล้ว

หลังจากทานอาหารค่ำ ก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก รุ่งเช้าเราจะตื่นไปใส่บาตรกัน


ชุมชนพระบาทห้วยต้ม เคารพและศรัทธา ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือ ครูบาวงศ์ ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ทานอาหารมังสวิรัติ และสิ่งที่ชุมชนนี้ เป็นแบบอย่างของชุมชนพระพุทธศาสนา ก็คือ การที่ชาวบ้านเข้าวัดทำบุญตักบาตรทุกเช้า และในทุกวันพระ ชาวบ้านจะพร้อมใจกันหยุดงานเพื่อเข้าวัด ทำบุญ และถวายสังฆทานผัก ซึ่งไม่เหมือนที่อื่นแน่นอน

การมาตักบาตรที่วัดพระบาทห้วยต้ม ชาวบ้านจะถอดรองเท้าไว้ที่ประตูวัด แล้วเดินเท้าเปล่าไปตามจุดต่างๆ จากนั้น เริ่มจากใส่บาตรดอกไม้ อาหารคาว หวาน และน้ำดื่ม ส่วนข้าวเหนียวจะใส่เป็นอันดับสุดท้าย ก่อนที่พระจะเริ่มสวดมนต์ให้พร

การใส่บาตรของที่นี่ แตกต่างจากชุมชนอื่นตรงที่ จะเรียงลำดับความอาวุโส เริ่มจากผู้ชายต่อด้วยผู้หญิง ทุกอย่างดูเป็นระเบียบ เรียบร้อย เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ

หลังจากการใส่บาตร ในช่วงสายๆ ชาวบ้านจะกลับมาทำสังฆทานผัก

ภาพวาดฝาผนังเป็นอีกหนึ่งความประทับใจ เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของความเมตตาของ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา หรือ ครูบาวงศ์ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับชาวบ้าน ชุมชนพระบาทห้วยต้ม
และนี่คือ ภาพความประทับใจ เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จมาที่วัดแห่งนี้
หลังจากได้มาสัมผัสวิถีชีวิต ชุมชนพระบาทห้วยต้ม เรามีความประทับใจในศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนา การใช้ชีวิตแบบพอเพียง การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ก่อนกลับ ขอแวะอุดหนุนสินค้าชุมชนกันที่ กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงลายโบราณ ย้อมสีธรรมชาติ

เสน่ห์ของการท่องเที่ยวชุมชน คือ การได้เข้าไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมๆ กับการซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่น การได้ไปเรียนรู้หลักการใช้การชีวิตแบบพอเพียง ที่ทำให้เราได้นำความความคิดเหล่านั้นมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ถ้าเพื่อนๆ สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Local Alike

นอกจากชุมชนพระบาทห้วยต้ม ยังมีเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น

เส้นทาง พ่อคือแรงบันดาลใจ สัมผัสมุมมองใหม่ ไม่เหมือนเดิม

- ดอยตุง-ผาหมี จ.เชียงราย

- บ้านปง-ห้วยลาน จ.เชียงใหม่ อ่านรีวิวได้ ที่นี่

เส้นทางสำหรับพักผ่อน ใช้ชีวิตช้าๆ ชมเมือง ทำกิจกรรมกับชุมชน

- มองเห็นความสวยงามในมุมมองใหม่ แล้วจะพบว่าสวรรค์อยู่ไม่ไกล ณ สวรรค์บนดิน ฟาร์มสเตย์ จังหวัดเชียงราย

- บ้านหล่อโย มาสักครั้งแล้วจะไม่ลืม ณ บ้านหล่อโย จังหวัดเชียงราย

- ชีวิตเชื่องช้า กาแฟหอมหวาน ชาเมี่ยงเลื่องชื่อ ณ บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่

- มองเชียงใหม่มุมใหม่ผ่านสายตาของคนรักษ์ต้นไม้ กับเขียวชมเมือง จังหวัดเชียงใหม่

และสามารถสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ โทร. 053 248 604-5