ส่วนการตกแต่งร้านเน้นสไตล์โมเดิร์นคันทรี อบอุ่น เรียบง่าย ทันสมัย ซึ่งจะโชว์ลักษณะของวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก บรรยากาศเป็นกันเอง เปิดเพลงสบายๆ เหมือนลูกค้าได้นั่งรับประทานอาหารอยู่บ้าน และในวันนี้ทีมงานก็ได้รับเกียรติจาก คุณธัญธวัช แพงไธสง ผู้บริหารร้านชาละวัน ในการให้ข้อมูลและชักชวนผู้ที่ยังไม่เคยทานเนื้อนก หรืออยากทานเนื้อนกกระจอกเทศที่มาจากฟาร์มคุณภาพของเมืองไทยได้ที่นี่ค่ะ
ไวน์ชาละวันเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางตลาดตั้งแต่ปี 2007 2008 2009 และ 2010 ซึ่งกำลังจะจัดจำหน่ายในปลายปี2012 นี้ และไวน์วินเทจ 2009 ก็เข้าแข่งขันไวน์ระดับโลกได้รับรางวัลเหรียญทองแดงจากการประกวดในงาน World Wine Award 2011 ที่ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องการันตีคุณภาพแบรนด์ชาละวันเป็นอย่างดี และการปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน พร้อมด้วยแรงงานคนในการผลิตด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ไวน์คุณภาพทุกขวด และภายในร้านยังมี Wine Cellar ขนาดใหญ่บรรจุไวน์จำนวนมากไว้จำหน่ายทั้งปลีกและส่งอีกด้วย ส่วน Shala One Winery ในปัจจุบันนั้นก็มีอยู่ทั่วประเทศแล้วอาทิเช่น วิลล่ามาร์เกต ฟูดแลนด์ เป็นต้น
เล่าถึงประวัติของไวน์มาพอสังเขปนะคะ คราวนี้เรามาพูดถึงนกกระจอกเทศกันบ้างดีกว่า ฟาร์มอยู่ห่างจากไร่องุ่นประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น เป็นฟาร์มนกกระจอกเทศมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ถ้าเอ่ยชื่อหลายๆ ท่านก็คงคุ้นหูกันกับ ขจรฟาร์ม ที่นี่มีนกกระจอกเทศจำนวนมากเป็น 1,000 ตัว ซึ่งนกกระจอกเทศนี้ก็สามารถนำเนื้อมาประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบค่ะ
และเมนูทีเด็ดของทางร้าน Shala One Ostrich & Wine Bar ที่ใครได้มาเยือนต้องลองชิม เมนูแรกได้แก่ สเต็กเนื้อนกกระจอกเทศ เนื้อนกกะจอกเทศย่างระดับ Medium เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง มะเขือยาว และมะเขือเทศ จานนี้ให้รสชาติเนื้อที่นุ่มอร่อย ไม่มีกลิ่นเลยค่ะ ทานคู่กับ Wine Shala One 2009 อย่างที่บอกในตอนต้นว่าได้รับรางวัลไวน์คุณภาพ ซึ่งมีกลิ่นหอมนวลของผลไม้ สีแดงเข้ม ให้รสชาติหวาน นุ่ม และค่อนข้างเข้มข้นค่ะ
ถัดมาค่ะ คาร์ปัชโช่เนื้อนกกระจอกเทศ เป็นเมนูสตาร์ทเตอร์ ทางร้านจะนำเนื้อมาสไลด์เป็นแผ่นบางๆ ใส่เห็ด น้ำมันคัปเปอร์ออยล์ และพามาซานชีส เสิร์ฟเย็น ลักษณะเนื้อค่อนข้างดิบ แต่ไม่มีกลิ่นและไม่คาวเลยค่ะ
จานต่อมาเป็น สปาเกตตีเนื้อนกกระจอกเทศผัดขี้เมา ลูกค้าที่มาร้านนี้มักจะสั่งเมนูนี้รับประทานค่ะ อาหารสไตล์ไทยผสมฝรั่ง เป็นเมนูที่เข้ากันได้ดีและลงตัว โดยการนำเส้นสปาเกตตีผัดเครื่องผัดขี้เมา ตามด้วยเนื้อนก โรยหน้าด้วยใบโหระพา ให้รสชาติจัดจ้าน เผ็ดกำลังดี ส่วนเนื้อก็ไม่เหนียวจนเกินไปค่ะ
จานนี้ นกกระจอกเทศย่างจิ้มแจ่ว เมนูนี้ทางร้านบอกว่าเป็นเมนูเด็ดประจำร้านและมีลูกค้าสั่งมากที่สุด ด้วยรสชาติที่ค่อนข้างถูกปากคนไทย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและส้มตำรสจัด เนื้อนกนุ่มอร่อย ไม่คาว ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วเข้ากันเป็นอย่างดี
ต่อมาคือ ชาละวันโฟร์ซีซั่นพิซซ่า ประกอบด้วยเนื้อนกกระจอกเทศ ทูน่า แฮม และเห็ด แป้งพิซซ่าบางกรอบ อร่อยกำลังดี ใครที่ชอบทานพิซซ่าแป้งบางเมนูนี้ขอแนะนำค่ะ และเป็นเมนูเด่นที่ทางร้านได้คิดค้นขึ้นมาใหม่หาทานได้ที่เดียวเท่านั้นนะคะ
เมนูสุดท้ายกับเนื้อนกกระจอกเทศในวันนี้ เหมาะกับทานเป็นกับแกล้มคู่กับไวน์หรือเบียร์นะคะ นั่นคือ ยำเนื้อนกกระจอกเทศ ด้วยน้ำยำรสชาติกลมกล่อมลงตัว เนื้อนกกระจอกเทศจานนี้จะค่อนข้างสุกต่างจากจานอื่นๆ แต่ไม่เหนียวเหมาะกับเป็นเมนูทานเล่นค่ะ
และแล้วก็มาถึงขนมหวานที่ทางร้านเขาเน้นว่า ทำสดใหม่ทุกวัน มาดูจานแรกกันก่อนค่ะนั่นคือ พานาคอทต้า ด้วยเนื้อบลูเบอรีและครีมนมนุ่มๆ สดๆ หวานมันอร่อย ถูกใจคอขนมหวานแน่ค่ะ
ชิ้นต่อมาคือ ทีรามิสุ กรุ่นกลิ่นกาแฟ ด้วยคัสตาร์ดครีมวนิลา ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยผงช็อกโกแลตขูด ได้รสชาติของเนื้อครีมกาแฟหอมๆ นุ่มอร่อย เหมาะกับคนชอบกาแฟค่ะ
และทางร้านยังมีเมนูพิเศษสำหรับคนทานมังสวิรัติอีกด้วย เช่น เกาเหลาผัดไทยเกี๊ยวกรอบ, ซุปครีมเห็ด, สปาเกตตีเห็ดครีมซอส, ผักสลัดผัดเต้าซี่ ส่วนเมนูหลักๆ ของที่นี่ก็จะเหมาะกับการรับประทานคู่กับไวน์แทบทุกเมนูค่ะ เรียกว่ามีไวน์เป็นตัวชูรสให้ถูกปากถูกคอกันอย่างแน่นอน และถ้าคุณติดใจรสชาติของ Wine Shala One ก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปรับประทานที่บ้านได้นะคะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยทานแนะนำให้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองที่นี่เลยค่ะ Shala One Ostrich & Winr Bar ตั้งอยู่ในโครงการสนามบินน้ำมาร์เก็ตพาร์ค ถนนสนามบินน้ำ เปิดบริการวันอังคาร - วันพฤหัสบดี เวลา 11.00 - 22.00 น. วันศุกร์ - เสาร์ เวลา 11.00 - 23.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://eat.edtguide.com/385227_Shala-One-ชาละวันออสทริชแอนด์ไวน์บาร์-นนทบุรี-ร้านอาหาร หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 0-2526-9292...กินดื่มเต็มอิ่มที่ Shala One Ostrich & Wine Bar
