ประสบการณ์สองปีเศษที่ใช้ชีวิตอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย จึงมีโอกาสได้สำรวจและรับความรู้เกี่ยวกับกล้วยไม้ป่าของไทยที่มีถิ่นอาศัยในเขตภาคใต้ของไทยเพิ่มขึ้น ภาคใต้ของไทยหมายถึงช่วงจังหวัดชุมพรลงไปจนถึงพรมแดนมาเลเซีย สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบสลับกับหุบเขา มีเกาะรายล้อมอยู่สองฟากฝั่งทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 1,800-2,000 มิลลิเมตรต่อปี โดยช่วงกระจายของฝนมีมากกว่า 6 เดือนต่อปี และที่สำคัญคือไม่มีฤดูหนาว
ภาคใต้ของไทยน่าจะเป็นพื้นที่ที่มีการกระจายพันธุ์ของกล้วยไม้พันธุ์แท้ที่สมบูรณ์จุดหนึ่ง ที่พบได้ง่ายและมากที่สุดเห็นจะเป็น กะเรกะร่อน
(Cymbidium aloifolium) กล้วยไม้ชนิดนี้พบการกระจายตัวทั่วทุกภาค และในภาคใต้ก็พบทุกจังหวัด ที่มากที่สุดผมคิดว่าน่าจะอยู่ในเขต อ.ท่าฉางต่อกับ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพียงแหงนหน้าสังเกตบนต้นตาลข้างทางหรือตามคันนาก็พบแล้ว น่าแปลกใจไม่น้อยว่ากล้วยไม้ชนิดนี้มีความสัมพันธ์ในการดำรงชีพกับตาลอย่างใกล้ชิด อีกชนิดหนึ่งคือ กะเรกะร่อนปากเป็ด
(Cymbidium finlaysoniana) รูปลักษณะของใบคล้ายคลึงกับชนิด aloifolium ต่างตรงที่ดอกใหญ่กว่า มีกลีบสีเหลืองอมเขียว ปากสีขาวแซมแดงม่วง กล้วยไม้ชนิดนี้มีถิ่นอาศัยเฉพาะในภาคใต้เท่านั้น
กลุ่มกล้วยไม้ที่กำลังถูกรุกรานมากที่สุดได้แก่ กล้วยไม้รองเท้านารี (Paphiopedilum) รองเท้านารีเป็นกล้วยไม้ประจำถิ่น ชนิดที่พบพบทางภาคใต้ก็จะไม่พบที่ภาคอื่น ที่สถานีวิจัยข้าว จังหวัดกระบี่ จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นเรือนรวบรวมกล้วยไม้ป่าที่ถูกชาวบ้านและพ่อค้าลักลอบเก็บไปขาย เมื่อศุลกากรหรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมได้ก็จะนำมารวบรวมไว้ที่นี่ ที่ผมชอบมากที่สุดคือ รองเท้านารีเหลืองกระบี่
(Paphiopedilum exul) เพราะรูปทรงสวย สีเหลือง ขาว กระน้ำตาล เป็นกล้วยไม้สัญลักษณ์ประจำจังหวัดกระบี่ รองเท้านารีขาวสตูล
(Paphiopedilum niveum) พบในเขตจังหวัดสตูลและตรัง โดยเฉพาะตามหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นิยมเดินป่าพบรองเท้านารีขึ้นอยู่ข้างทางขณะเดินป่าที่ไม่สมบูรณ์นัก แต่ยังอุตส่าห์พบ รองเท้านารีขาวชุมพร
(Paphiopedilum godefroyae) ซึ่งพบย้ำนักย้ำหนาให้แกเลี้ยงให้รอด ถ้าเก็บมาจากป่าแล้วมาเลี้ยงตายล่ะน่าดู รองเท้านารีขาวชุมพรสามารถเจริญเติบโตได้ที่ในที่ที่ความชื้นค่อนข้างสูง และแสงแดดส่องไม่จัดเกินไปนัก กล้วยไม้อีกชนิดที่น่าห่วงว่าจะสูญพันธุ์ก็คือ เอื้องปากนกแก้ว
(Dendrobium cruentum) ซึ่งก็พบได้เฉพาะทางภาคใต้ของไทยเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ยากเต็มที กล้วยไม้ในสกุลรองเท้านารีและเอื้องปากนกแก้วที่กล่าวมาจัดอยู่ในกลุ่มพืชใกล้สูญพันธุ์ (Endanger species)
กล้วยไม้พระเอกอีกชนิดหนึ่งที่อยากกล่าวถึงคือ ว่านเพชรหึง บ้างก็เรียกว่า หางช้าง
(Grammatophyllum speciosum) ลำลูกกล้วยคล้ายลำอ้อย ขนาดโตเต็มที่สูงถึง 2-3 เมตร ดอกใหญ่เป็นช่อสีเหลืองส้มอมเขียว กระน้ำตาล เป็นที่ต้องการของตลาดกรุงเทพและต่างประเทศมาก ราคาสูงถึงสี่ห้าพันบาท กอเล็กๆ ก็ในราวสองสามร้อยบาทขึ้นไป ที่จังหวัดกระบี่ชาวบ้านมักปลูกกล้วยไม้ชนิดนี้ไว้ที่หน้าบ้าน สอบถามดูในป่าก็ใกล้สูญพันธุ์เต็มที หนังสือบางเล่มกล่าวว่ากล้วยไม้ชนิดนี้เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่บ้านเขาสามหน่วยและบ้านนาน้ำเค็ม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ในที่ลุ่มนา พบ ยี่โถปีนังหรือไม้จิ้มฟันควาย
(Arunida graminifolia) ดอกสีม่วงอมชมพูคล้าย Cattleya แต่ผมว่าสวยกว่า เพราะ Cattleya ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ผมชอบของไทยมากกว่า ที่สำคัญยี่โถปีนังออกดอกได้ตลอดปี นิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ
กล้วยไม้อีกชนิดที่มีการดำรงชีพอย่างน่าพิศวง คือกล้วยไม้ที่มีการใช้ชีวิตแบบผู้ย่อยสลาย (Saprophytic orchids) กล้วยไม้ในกลุ่มนี้ต้องอาศัยเชื้อรา Mycorrhiza สลายธาตุอาหาร แล้วกล้วยไม้จึงนำเอาสารเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารและช่วยในการงอกของเมล็ด ปัจจุบันกล้วยไม้กลุ่มนี้ก็หาดูยากเต็มทีเพราะไม่ได้ออกดอกให้เห็นตลอดปี Saprophytic orchids ส่วนใหญ่อยู่ในอนุวงศ์ (Sub family) Epidendroideae และจะเจริญเติบโตได้ในป่าทึบที่สมบูรณ์เท่านั้น บริเวณเทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เป็นแหล่งที่พบกล้วยไม้กลุ่มนี้มากที่สุด เอื้องคีรีวง
(Didymoplexiopsis khiriwongensis) ที่พบบนเขาหลวง ชูเฉพาะช่อดอกเหนือผิวดิน ไม่มีส่วนของสีเขียวหรือ Chlorophyll ดอกเล็กสีขาว ขอบปากมีสีส้มอมเหลือง ขณะนี้กำลังขออนุมัติตั้งชื่อวิทยาศาสตร์และรับรองพันธุ์ อีก 2 ชนิดที่พบเฉพาะบนเขาหลวงคือ
Lecanochis multiflora และ
Cyrtosia plurialata ซึ่งไม่มีรายละเอียด เพราะผมก็ไม่เคยเห็น อีกชนิดหนึ่งที่ทราบมาว่าพบที่เขาทุ่ง จ.ชุมพร อยู่ในสกุล Didymoplexis กำลังเสนอรับรองพันธุ์เช่นกัน
กล้วยไม้ป่าที่พบว่าชาวบ้านเก็บมาจากป่ามาปลูกเลี้ยงที่บ้านกันมากอีกชนิดคือ ไอยเรศ หรือ พวงมาลัย หรือ หางกระรอก
(Rhynchostylis retusa) แล้วแต่จะเรียกกัน กล้วยไม้ชนิดนี้เป็นกล้วยไม้ในสกุลช้างเพียงชนิดเดียวที่พบในภาคใต้ ดอกเป็นช่อห้อยลง มีกลิ่นหอม ชอบแสงแดดจัด อีกชนิดหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในสกุลกุหลาบ ซึ่งเป็นชนิดเดียวที่พบทางภาคใต้คือ กุหลาบกระบี่ หรือ พวงชมพู
(Aerides krabiensis) โดยพบในเขตจังหวัดกระบี่และพังงา โดยลักษณะใบแคบ หนา รูปตัววี มักเห็นการแตกกอมาก
ที่จังหวัดระนอง ในเขตอำเภอกระบุรี ละอุ่น และกะเปอร์ เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกำลังบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำสวนกาแฟ หรือไม่ก็ปาล์มน้ำมัน เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้เดินทางเข้าหมู่บ้าน ก็จะพบว่าหน้าบ้านถูกประดับประดาไปด้วยต้นกล้วยไม้ป่าที่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาเมื่อเขาเข้าไปตัดไม้ในป่า เอื้องหมาก
(Spathoglottis plicata) กล้วยไม้ดินใบจีบคล้ายหมากชูดอกสีม่วงอมชมพู เอื้องแปรงสีฟัน
(Dendrobium secundum) ก็พบเห็นได้ง่ายเช่นกัน ขี้นกกระยางหรือหวายตะมอย
(Dendrobium cruentum) พบได้ไม่ยากเช่นกัน ดอกสีขาวปากแต้มเหลือง มีกลิ่นหอม แต่หากตั้งใจดมตรงๆ จะมีกลิ่นออกสาบๆ สำหรับจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกล้วยไม้สกุลม้าวิ่งซึ่งพบสองชนิดคือ
Doritis pulcherrima และชนิดพันธุ์ที่พบเฉพาะ จ.ชุมพร คือ var.chumpornensis ซึ่งคนเก่าคนแก่ที่นี่เล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยก่อนพบกล้วยไม้พันธุ์นี้อาศัยอยู่ตามเชิงเขาในเขต อ.ท่าแซะ และ อ.ปะทิว เป็นจำนวนมหาศาล แต่เมื่อป่าถูกทำลายลงมากจึงเป็นกล้วยไม้ที่เริ่มหายาก ผมพบกล้วยไม้ชนิดนี้ในที่ราบใกล้ชายฝั่งทะเลซึ่งอยู่ในเขต อ.ทุ่งตะโก ขึ้นดาษดื่นยังกับวัชพืชบนเครื่องปลูกคือทรายที่มีอินทรียวัตถุสูง ภาวนาว่าอย่าให้ชาวบ้านแถวนั้นอย่าได้รู้ว่ามันเป็นกล้วยไม้ มิฉะนั้นคงจะมีการเก็บเพื่อนำมาขายกันหมด ในพื้นที่ผืนกันนี้พบกล้วยไม้ดินชนิด
Bromheadia finlaysoniana ซึ่งขึ้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว ปัจจุบันกล้วยไม้ชนิดนี้ก็หายากเต็มที เป็นเพราะดอกมีสีขาวสะอาดสีน้ำนม ปากสีเหลืองและม่วงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สำหรับกล้วยไม้สกุลนี้ที่มีรายงานพบเฉพาะภาคใต้เท่านั้นชนิดอื่นๆ ก็เช่น
Bromheadia alticola หรือ กลีบขาว ในเขตที่ลุ่มมีน้ำไหลผ่านพบ
Thrixspermum amplexicaule หรือ เอื้องพรุ ขึ้นปะปนอยู่กับกอหญ้า กล้วยไม้ชนิดนี้มีการดำรงชีพค่อนข้างแปลกจากกล้วยไม้ธรรมดาก็คือ โคนต้นจะอยู่ในน้ำ ลำต้นขนาดก้านไม้ขีดไฟ เจริญเติบโตแบบ Monopodial ดอกสีน้ำเงินอมม่วง นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้สกุลใหญ่ที่พบกระจายพันธุ์มากอีกสกุลหนึ่งคือ สิงโตกลอกตา (Bulbophyllum) และที่พบเพียงภาคใต้เท่านั้นได้แก่ สิงโตเหลือง
(Bulbophyllum vaginatum) ซึ่งพบได้ตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาส
Bulbophyllum lilacinum พบที่จังหวัดพังงาเพียงที่เดียว ตุ๊กตา
(Bulbophyllum modestum) ซึ่งพบในป่าลุ่ม ป่าพรุ หรือเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเกิน 800 เมตรขึ้นไป สิงโตก้ามปูแดง
(Bulbophyllum patens) เคยพบที่นครศรีธรรมราช ตรัง และจังหวัดชายแดนติดประเทศมาเลเซีย
ยังมีกล้วยไม้อีกหลายชนิดที่มีถิ่นกำเนิดทางภาคใต้ของไทยมีโอกาสดำรงชีพในภาคใต้ของไทย บ้างก็สูญพันธุ์ไม่มีโอกาสให้ลูกหลานชื่นชมอีกแล้ว บ้างก็กำลังถูกคุกคามอย่างหนักซึ่งคาดว่าอีกไม่ช้า ถ้าไม่มีกฎหมายใดที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะลงโทษมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวเหล่านั้นลงได้ กล้วยไม้สายพันธุ์แท้อีกไม่ต่ำกว่า 10 พันธุ์ น่าจะสูญพันธุ์ในอีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า
โดย: ปุ้ม ครับ (ปุ้ม ครับ ) 24 สิงหาคม 2548 20:44:53 น.
น้าโหดมีข้อมูล cym roseum ที่เขาพนมเบญจา จ.กระบี่ไหมครับ หนังสือผมจะได้ปิดต้นฉบับซะที
โดย: สำเภางาม 27 สิงหาคม 2548 15:49:14 น.
โดย: ลิงเล IP: 203.188.25.44 28 สิงหาคม 2548 9:52:07 น.
โดย: บัวระวง IP: 202.28.34.244 28 สิงหาคม 2548 9:53:42 น.
โดย: Paphmania IP: 203.156.17.118 2 กันยายน 2548 16:13:47 น.
กำลังครุ่นคิดเรื่องภูเขาีที่หน้าบ้านตัวเอง (ชื่อ "เขาเหมน"
เทือกเดียวกับเขาหลวง-คีรีวง)
ว่าจะทำอย่างไรดีไม่ให้ขี้ขโมยมาเอารองเท้านารีไปหมด
แต่เอาไปเยอะแล้ว
วันก่อนขึ้นไป สวนทางกัน
มันบอกว่า มาจากโครงการหลวงดอยอินทนนทร์
แกล้งถามถึงคนรู้จัก ที่ใครๆก็รู้จัก ก็อึกอักแสดงว่าโกหก
มีอะไรแนะนำบ้างไหมคะ ในการทำงานอนุรักษ์
โดย: shadow-of-art (shadow-of-art ) 19 กันยายน 2548 21:51:16 น.
โดย: ช้างกระ IP: 203.156.41.146 28 กุมภาพันธ์ 2549 8:02:14 น.
โดย: noklekkaa(papagearna) IP: 158.108.211.125 13 มิถุนายน 2549 18:02:25 น.
ว่าควรปลูกอย่างไร เพราะเพิ่งเล่นกล้วยไม้ ซื้อมาแพงแต่เลี้ยงไปตาย ทำให้หมดกำลังใจ
โดย: เรส IP: 202.12.73.11 6 กรกฎาคม 2549 8:33:09 น.
โดย: บอย IP: 202.143.158.29 3 พฤศจิกายน 2549 11:35:18 น.
ดอกไม้นี้ ที่สวีครับ
ไม่แน่ใจว่าผมควรเรียกเธอว่า ม้าวิ่ง หรือ แดงอุบล หรืออะไรครับ.. แนะนำด้วยครับ
//blog.trekkingthai.com/sailomloy/tag/blog/page/2/
ขอบคุณครับ
โดย: สายลมลอย IP: 125.25.224.173 12 ธันวาคม 2549 22:19:55 น.
แถมอีกมุมมองนึงครับ พบบนภูสูงไม่เกิน ห้า ถึง เจ็ดร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเล บานในเดือนมิถุนา-สิงหาคม ครับ
//blog.trekkingthai.com/sailomloy/
โดย: สายลมลอย IP: 125.25.224.173 12 ธันวาคม 2549 22:25:50 น.
โดย: เด็กตรังจ่ะ IP: 203.146.63.185 7 มิถุนายน 2550 18:02:20 น.
โดย: คนเมืองบี IP: 118.173.53.51 21 มกราคม 2551 19:03:08 น.
โดย: ผู้อ่านอนาคต IP: 58.147.53.110 12 กุมภาพันธ์ 2551 11:37:50 น.
โดย: ผู้สนใจกล้วยไม้ IP: 222.123.136.35 13 กุมภาพันธ์ 2551 12:27:47 น.
โดย: ฅนทิวเขา IP: 124.157.218.86 9 พฤษภาคม 2551 11:30:16 น.
กล้วยไม้เมื่อได้เจอะเจอคุณน้าโหดที่น่ารัก รูปงามที่เราหลงรักเมื่อแรกเห็นกล้วยไม้นำไปสู่จุดจบของธรรมชาติที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาจริงๆ มันอยู่ที่เราแล้วว่าจะเลือกเลี้ยงกล้วยไม้แบบไหน ตอนนี้รู้แล้วว่าจะไม่เลี้ยงแล้วไอ้กล้วยไม้ที่มาจากป่า หันมาเลี้ยงที่เขาเพาะเนื้อเยื่อดีกว่าเน๊าะ ยืนยง คงกระพัน ต่อไปนะคุณน้าโหด
โดย: สิงห์กันยา IP: 118.175.159.210 15 กันยายน 2551 12:35:16 น.
ดอกสวย ปลูกง่าย
โดย: คนใต้ IP: 61.19.67.47 31 มีนาคม 2552 23:35:32 น.
โดย: จ้องกัฟฟฟฟ IP: 118.173.232.118 7 กันยายน 2552 12:06:50 น.
โดย: มี กระบี่ IP: 110.49.81.37 24 มิถุนายน 2553 9:55:01 น.
โดย: น้องนิด IP: 125.26.134.130 4 กรกฎาคม 2553 12:16:24 น.
โดย: ม้าวิ่ง-ม้าบินชุมพร IP: 10.239.23.152, 203.149.16.36 17 กรกฎาคม 2553 14:16:05 น.
โดย: หน่วยพัฒนาสันติที่ 47-21 IP: 110.49.234.2 4 กรกฎาคม 2554 16:10:58 น.
โดย: หน่วยพัฒนาสันติที่ 47-21 IP: 110.49.234.2 4 กรกฎาคม 2554 16:15:18 น.
โดย: หวัน ชะอวด IP: 113.53.57.240 10 พฤศจิกายน 2555 0:56:11 น.