bloggang.com mainmenu search


ทริปนี้เป็นทริปปีใหม่หยุดยาว 4 วัน 30-2 ม.ค.61
บ้านเราปักหมุดไว้ที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย และ อ.แม่ลาน้อย 
สามอำเภอทางทิศใต้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

วันแรก อ.แม่สะเรียง พักที่ โรงแรมริเวอร์เฮ้าส์ คลิ๊กที่นี่
วันที่สอง อ.สบเมย กางเต็นท์นอนที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ สว.1 ท่าตาฝั่ง คลิ๊กที่นี่
และวันที่สาม อ.แม่ลาน้อย เรื่องราวของบล็อกนี้ค่ะ


วันที่สาม 

ออกจากอุทยานแห่งชาติสาละวิน ก็เข้าไปหาอะไรกินที่ตัวอำเภอแม่สะเรียง
ฝากท้องไว้ที่ ร้านอินทิรา ร้านอาหารเก่าแก่ของ อ.แม่สะเรียง
ก่อนจะเดินไปยัง อ.แม่ลาน้อย ปักหมุดไว้ที่ เฮินไต


พอไปถึงที่พักเช็คอินเสร็จ ยังพอมีเวลาเหลือ
ไปเก็บที่เที่ยวสุดฮิตของอำเภอแม่ลาน้อยกันเลย เริ่มจากที่นี่ค่ะ

ถ้ำแก้วโกมล
ความมหัศจรรย์ ที่มีแค่ 1 ใน 3 ของโลก

ขับรถไปจอดตรงที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ อบต.แม่ลาน้อย
 ทาง อบต.ไม่อนุญาตให้ นทท.ขับรถขึ้นไปเอง และจ่ายค่าเข้าชมถ้ำที่จุดบริการนี้เลย

ค่าเข้าชมอุทยาน ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท และต่างชาติ 80 บาท 
จะมีรถบริการขึ้นไปยังหน้าถ้ำ เพราะทางขึ้นแคบและโค้งชัน

ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำที่มีผลึกแร่แคลไซค์แห่งเดียวในประเทศไทย
และถ้ำแบบนี้ ถูกค้นพบเพียง 3 แห่งทั่วโลก ได้แก่
ประเทศจีน ออสเตรเลีย และไทย



ถ้ำมีความยาว 120 เมตร และลึก 30 เมตร
มีทั้งหมด 5 ห้องด้วยกัน

ชื่อแต่ละห้องนั้นได้รับพระราชทานชื่อจาก
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถ ในรัชกาลที่ 9 
รวมทั้งป้ายชื่อถ้ำด้านหน้าก็เป็นลายพระหัตถ์ของพระองค์ท่านด้วยค่ะ

1.ห้องพระทัยธาร
ห้องแรกนี้ ได้รับผลกระทบจากการระเบิดตอนสำรวจถ้ำ
ทำให้ผลึิกแร่เสียหาย ไม่ค่อยสวยงามเท่าใดนัก มีสายน้ำไหลผ่านหินปูนในถ้ำ
เกิดร่องรอยคล้ายสายน้ำจึงเป็นที่มาของชื่อห้อง

2.ห้องวิมานเมฆ
ลักษณะของผลึกแร่ที่อยู่ในห้องนี้คล้ายปุยเมฆนั่นเอง
แต่ผลึกแร่ยังไม่ค่อยสวยงามนัก เพราะถูกจับต้องจากการสำรวจครั้งแรก

3.ห้องเฉกหิมพานต์
เกิดจากจินตนาการของพระองค์ท่านที่ทอดพระเนตรดูแล้ว
คล้ายอยู่ในป่าหิมพานต์ตามวรรณคดี

4.ห้องม่านผาแก้ว
ภายในถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแก้วขาวใส เหมือนม่านแก้ว
อากาศในถ้ำลดน้อยลงตามลำดับความลึก
ทำให้ผลึิกแก้วยิ่งสวย

5.ห้องเพริศแพร้วมณีบุปผา
เป็นห้องมีที่ผลึกแก้วที่สวยงามที่สุด สวยกว่าทุกท้อง
มีผลึกแก้วขาวใส เป็นแฉกเปราะบาง แวววาว คล้ายเกล็ดน้ำแข็ง

เป็นผลึกแร่ที่บริสุทธิ์ สวยงามจนแทบไม่อยากเดินกลับออกไป
แต่เขาให้ นทท.เข้าชม รอบละ 20 นาทีเท่านั้น และจำกัดจำนวนคนเข้าชมแต่ละรอบด้วย
เนื่องจากความเบาบางของอากาศ คนที่มีโรคส่วนตัวต้องระมัดระวัง

ความสวยงามธรรมชาตินั้น บางครั้งไม่สามารถที่จะบอกกล่าวเล่าสู่เป็นตัวหนังสือได้
ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่า สิ่งที่เห็นนั้นสวยงามเพียงไร

ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสมาเที่ยว อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถ้ำแก้วโกมล ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลักที่ไม่ควรพลาดค่ะ



น่าเสียดาย ณ ปัจจุบัน ทางวนอุทยานฯ ได้ขอความร่วมมือ
จากนักท่องเที่ยว งดการถ่ายรูปทุกชนิด เนื่องจากมีผลกระทบต่อผลึกแร่แคลไซค์ในถ้ำ

ถ้ำแก้วโกมล ถือว่าเป็นถ้ำมีชีวิต หมายถึงแร่มีโอกาสงอกออกมาได้อีก
โดยเฉลี่ย 100 ปี แร่จะงอกออกมาประมาณ 1 เซนติเมตร

จากที่เข้าไปดู ไปสัมผัสด้วยตาเปล่าแล้ว
ตะลึง อึ้ง สะตั้น หรือจะอาการอะไรก็แล้วแต่ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า

เป็นถ้ำที่สวยที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเที่ยวถ้ำมาเลย

สวยงามมากค่ะ สุดแสนเสียดายที่เค้างดให้ นทท.ทั่วไปถ่ายภาพมาตั้งแต่ปี 2550
อยากให้เพื่อน ๆ เห็น เลยค้นรูปจากเน็ตมาแปะให้ได้ชมกันนิด


Cridit : travel.mthai.com / oceansmile.com / Touronthai.com / reviewthaitravel / Unseen Thailand

เฮินไต
บ้านพักในสวน ที่พักสุดพีคแห่งแม่ลาน้อย

ที่ตัดสินใจพักที่ เฮินไต เพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน
วันที่เราจองบ้านพักเต็มว่างแต่เต็นท์ แต่วันที่เราเช็คอิน มีห้องที่หลุดจองมาหนึ่งห้อง
เลยยกให้ครอบครัวเพื่อนพักไป บ้านเรานอนเต็นท์เช่นเดิม

บ้านพักเป็นหลังแต่ขายเป็นห้อง ห้องที่เพื่อนพัก 1,600 บาทพร้อมอาหารเช้า
บ้านเรานอนเต็นท์มีอุปกรณ์เครื่องนอนให้พร้อม คิดเป็นรายคน ๆ ละ 450 บาทพร้อมอาหารเช้า
แต่ชุดเครื่องนอนของหน่วยพิทักษ์ฯ ท่าตาฝั่ง คืนที่ผ่านมาดีกว่านิดหนึ่งค่ะ






วันที่สี่ 

วันสุดท้ายของทริปปีใหม่ ละไมสามอำเภอทิศใต้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
เมืองในหมอกที่มีเสน่ห์เหลือหลาย ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
มาชมบรรยากาศยามเช้าที่ เฮินไต กันบ้าง






บรรยากาศโดยรวม ๆ แล้ว โอเคเลย สำหรับคนที่อยากใกล้ชิดทุ่งนา
ช่วงที่เราไปเค้ากำลังลงถั่วเหลืองต้นยังเล็ก ถ้าไปช่วงนาข้าวสีเขียวคงจะฟินระดับสิบ
อาหารเช้าก็มีให้หลากหลาย พร้อมผลไม้ที่นำมาจากสวนของรีสอร์ท

ถ้าเพื่อน ๆ หาที่พักใน อ.แม่ลาน้อย
อยากมีโมเม้นท์อยู่บ้านสวน อาบไอดินฟินกับดาวบนท้องฟ้า
ฟังเสียงน้ำไหลตามร่องนา ก็แนะนำ เฮินไต เลยค่า






ทานมื้อเช้าเสร็จ ก็ร่ำลาครอบครัวเพื่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน
เพื่อนกลับกรุงเทพ โดยกลับทาง อ.แม่สะเรียง ออกทาง จ.ตาก ส่วนเราเลือกเส้นทาง
อ.แม่ลาน้อย ตัดสู่ อ.แม่แจ่ม ไปทะลุทางหลังดอยอินทนนท์

(ไม่รู้เลือกผิดเลือกถูก ระยะทางใกล้กว่าเยอะก็จริงแต่ทางหฤโหดมาก 
เป็นลูกรังร่องน้ำ โค้ง แคบ สูง ชัน ใครเลือกเส้นทางนี้แนะนำรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นนะคะ
ลุ้นระทึกตลอดทางกว่าหลุดออกมาได้ หายใจโล่งหน่อย)

 *

ระหว่างเดินทางกลับเชียงใหม่ ยังมีจุดที่เราจะต้องแวะอีก 3 จุด
เพราะไหน ๆ ก็อยู่บนเส้นทางผ่านกลับบ้านละ


วัดแม่ปาง
วัดใหญ่ในหมู่บ้านกะเหรี่ยงสะกอ อ.แม่ลาน้อย

เดิมทีวัดแม่ปางไม่ได้อยู่ในโปรแกรมของทริปนี้
แต่เนื่องจากวันที่เราไป วัดจอมทอง หนึ่งในวัดพระธาตุสี่จอมของ อ.แม่สะเรียง นั้น
ไม่เจอพระสงฆ์แม้แต่องค์เดียว เลยได้แต่กราบพระพุทธรูป

ดังนั้น ก่อนเดินทางกลับก็อยากทำบุญถวายสังฆทานอย่างที่ตั้งใจไว้
เลยไปวัดแม่ปาง เพราะเลี้ยวรถเข้าไปในวัดอดประหลาดใจไม่ได้ค่ะ ที่เห็นวัดใหญ่โตมาก
แล้วก็ได้กราบไหว้พระและทำบุญถวายเวชภัณฑ์สังฆทานสมใจ

ใต้ฐานพระประธานในพระวิหาร มีจอมปลวกใหญ่มากค่ะ
ไหน ๆ ก็ไปถึงแล้วก็ตัดสินใจเดินลงไปดู เห็นคนกราบไหว้จอมปลอมด้านใต้ฐานพระด้วย
เราได้แต่มองอย่างสำรวม แล้วก็เดินกลับขึ้นมา













โครงการหลวงแม่ลาน้อย
1ใน 38 โครงการหลวง ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในภาคเหนือ

โครงการหลวงแม่ลาน้อย อยู่ในเส้นทางที่จะผ่านไป บ้านห้วยห้อม
ตัดสินใจแวะทันทีด้วยความดีใจ ที่จะได้เห็นตามรอยพระบาทของในหลวง รัชกาลที่ 9
คิดว่าคงมีใครหลายคนเคยเห็นภาพนี้และจำภาพนี้ได้


เป็นหนึ่งในหลายภาพ เมื่อครั้งพระองค์ท่านได้เสด็จมายัง ต.ห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย
อดคิดไม่ได้ว่า.. นี่ขนาดเราตามรอยพระบาทของพระองค์ท่านในวันที่เจริญแล้ว ถนนหนทางดีแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเดินทางยากลำบาก พระองค์ทรงรักพสกนิกรของพระองค์เหลือเกิน
"โค้ง สูง ชัน"  คงเป็นนิยามทางไปโครงการหลวง ทั้ง 38 โครงการ
ในครั้งอดีตพระองค์ทรงบุกบั่นเสด็จมาได้ยังไงกันนะ






เราแวะยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ ชมโครงการหลวงแป็บหนึ่ง
ก็เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านที่ผลิตกาแฟชื่อดัง

บ้านห้วยห้อม
หมู่บ้านที่หอมกลิ่นกาแฟตลบอบอวลไปทั้งหมู่บ้าน

บ้านห้วยห้อม เป็นหมู่บ้านของชาวกปาเกอะญอ มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้มีหุบเขาล้อมรอบ  บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,100 เมตร

ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพหลัก คือ การทำนาแบบขั้นบันใด
และมีชื่อเสียงด้านกาแฟป้อนเข้าบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่อย่าง สตาร์บั๊ค บนเนื้อที่กว่า 234 ไร่

เป็นหมู่บ้านที่ผลิตกาแฟครบวงจร ตั้งแต่การเพาะกล้ากาแฟ
การปลูก การเก็บ ไปจนถึงการคั่วและบดกาแฟ รวมถึงการบรรจุหีบห่อพร้อมจำหน่าย






กาแฟห้วยห้อม เป็นกาแฟอราบีก้าร้อยเปอร์เซ็นต์ รสชาติหอม เข้มข้น
ได้รับการสนับสนุนจากในหลวงและพระราชินีในรัชกาลที่ 9 ในเรื่องของเมล็ดพันธุ์และกล้าพันธุ์
และได้รับการตรวจคุณภาพจากบริษัทสตาร์บั๊คก่อนการซื้อขายทุกครั้ง

มา บ้านห้วยห้อม แล้วไม่ได้ชิม กาแฟห้วยห้อม ก็เหมือนมาไม่ถึง
ก็เลยฝากท้องมื้อสุดท้ายในบ้านห้วยห้อม เป็นกระเพราะที่ชาวบ้านเค้าโคลกพริกดอยสด
แล้วผัดกะเพราะราดบนข้าวกล้องดอยให้ หอมอร่อยมาก

และตบท้ายล้างปากด้วยกาแฟห้วยห้อม พร้อมกับซื้อกาแฟติดไม้ติดมือกลับบ้าน



นอกจากกาแฟห้วยห้อมแล้วยังมี ผลิตภัณฑ์ผ้าทอขนแกะ จำหน่ายอีกด้วย
หมายจะซื้อติดไม้ติดมือมาสักผืน เพราะจับดูแล้วนุ่มสวยห่มแล้วท่าทางคงจะอุ่นน่าดู
แต่พอเหลือบตาเห็นราคาที่ติดไว้แต่ละผืนแล้ว ค่อย ๆ บรรจงวาง

ยังไม่ได้ฟอกสี ราคา 4,000 บาท ถ้าฟอกสีแล้วราคาไต่ระดับไปถึง 5,000 กว่าบาท
จากที่สอบถามพี่เขาบอกว่า กว่าจะทอผ้าคลุมขนแกะได้สักผืนนั้น
ใช้เวลาทอเกือบสามเดือนเลยทีเดียว



บ้านห้วยห้อม มีที่พักแบบโฮมสเตย์ด้วยนะคะ
เป็นโฮมสเตย์เรียบง่าย สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านปกาเกอะญอในหมู่บ้านห้วยห้อม
ไม่มีรายละเอียดมาฝากเพราะทริปนี้เราไม่ได้พักที่นี่ ไว้คราวหน้าเนอะ^^


เอาภาพวิวทิวทัศน์ระหว่างเดินทางมาฝาก
ปิดท้ายของทริปนี้ค่ะ



Create Date :24 มกราคม 2561 Last Update :27 มกราคม 2561 9:50:20 น. Counter : 3198 Pageviews. Comments :31