bloggang.com mainmenu search

จากหน่วยอุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ที่เราไปชมภูเขาปะการัง ลานหินมหาราช แล้วก็มาต่อที่หน่วยถ้ำเอราวัณ ซึ่งต้องมาเส้นถนนสายเด่นชัย-ลำปาง เส้นทางสองข้างทางก็เป็นภูเขา ร่มรื่นมากๆ





แค่เห็นทางเข้าช่วงแรก ก็มีแววว่าพวกเรา...โชคดีอีกแล้ว  มีการซ่อมแซมถนนไปตลอด ฝุ่นหนา มองไม่เห็นทางด้านหน้าเลย 





ถ้าข้ามทางรถไฟ แล้วก็สะพาน ผ่านหมู่บ้านแก่งหลวง ...ก็ถึงแล้ว อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ที่เราจะมาล่องแก่งหลวง และชมภายในถ้ำเอราวัณ 



แก่งหลวง เป็นโขดหินกว้างกลางแม่น้ำยม ในฤดูฝนน้ำหลากสายน้ำจะไหลปะทะแก่งจนเกิดเสียงดัง ฝั่งตรงข้ามกับแก่งหลวง มีถ้ำเอราวัณ ซึ่งมีโถงถ้ำใหญ่กว้างขวางและมีหินงอกหินย้อยงดงาม บางก้อนมองดูคล้ายกับช้างเอราวัณ สามารถติดต่อเรือจากบ้านแก่งหลวงข้ามไปเที่ยวชมถ้ำได้ แก่งหลวงตั้งอยู่ที่บ้านแก่งหลวง มีทางแยกเข้ามาจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (เด่นชัย-ลำปาง) ไปประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะถึงแก่งหลวงริมลำน้ำยม
(ข้อมูลจาก อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง)



ลงไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ว่าเราจะล่องแก่งหลวงกัน เจ้าหน้าที่บอกช่วงนี้คงไม่ได้ เพราะน้ำเยอะ ลึกด้วย อันตราย 

เราก็บอกว่า ขอชมถ้ำเอราวัณ ที่บอกว่าภายในมีหินงอก หินย้อย หินรูปร่างแปลกๆ  ก็ได้...เจ้าหน้าที่บอกว่า ได้ครับ แต่ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากนัก แต่พวกคุณจะเข้าก็ได้นะครับ มีไฟฉายให้เช่า 10 บาท แล้วมีไกด์ตัวน้อยนำทางให้ ...ถ้าเข้าไปชมแล้วไม่สวย ไม่ชอบ ไม่ต้องจ่ายค่าไฟฉายก็ได้ครับ...



หลายคนก็เลยมีอารมณ์...งง ๆๆ  ว่าเราจะทำอะไรกันดีน๊า  


เลยมีการพูดคุย ตกลงกันว่า คนขับรถตู้สองคัน คงเหนื่อยก็เลยจะให้นอนหลับสัก 2 ชม. ระหว่างนี้ก็ใครจะเข้าไปลองดูถ้ำเอราวัณก็ไป  หรือใครต้องการจะพายเรือเล่นในแก่งหลวงก็ทำ





เส้นทางไปชมถ้ำเอราวัณ ผ่านกระท่อมต้นไม้ ซึ่งถ้าจะขึ้นไปชมต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน เพราะเริ่มจะชำรุดแล้ว เดี๋ยวเกิดอันตราย   แล้วก็เดินขึ้นเขาไปไม่เท่าไหร่หรอก ..จากปากคำของเจ้าหน้าที่ ประมาณ 300 เมตร มีบันได เดินสบายแต่หอบเป็นระยะ ...พอถึงหน้าถ้ำ ก็เลยขอนั่งพัก พร้อมกับสัมภาษณ์ไกด์ตัวน้อย 2 คน นี้สักนิด ด้านหน้าถ้ำลมเย็นมากๆ เลยคิดว่าในถ้ำคงจะเย็นไม่น่าร้อน 






เข้ามาด้านในแล้ว อากาศไม่เย็น แต่ก็ไม่ร้อน หายใจได้สะดวก กำลังสบายๆ เจอห้องโถงกว้างๆ ก่อน ถ้ำมืดมิดไม่มีไฟติดตามหิน (ส่วนตัวชอบถ้ำธรรมชาติแบบนี้ ไม่ต้องติดไฟแต่งเติม) เพราะฉะนั้นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ไฟฉาย (แสงไฟไม่พอก็ถ่ายภาพไม่ได้) 





เดินอยู่ด้านหลังให้ความรู้สึกเสียวหลัง.... ต้องตามติดกลุ่มตลอด  ไกด์ตัวน้อย ก็พามาดูแอ่งน้ำเล็ก ที่ผุดขึ้นเอง น้ำเย็นใส เลยนำมาแตะที่หัวใ้ห้เป็นศิริมงคล (เห็นเขาทำกันก็เอาบ้าง) 



ไกด์ตัวน้อย ก็บอกว่ามีรอยเท้าสัตว์อะไรบ้าง ที่อยู่ตามหิน  





จินตนาการของไกด์ตัวน้อย 2 คน ...บอกว่าที่เห็นอยู่คือแม่มด มีศีรษะ ผมยาว เราก็ปล่อยให้ไกด์ตัวน้อยได้พูด ได้จินตนาการตามความคิดของเขาไป สงสัยก็ถาม เด็กก็ตอบได้ ...เก่งมาก



แล้วลูกทัวร์ทุกคนก็ ชี้ๆ อ๋อๆ ตรงโน้นเป็นผม เป็นโน่น นี่นั่น 



มันมืดจริงๆ นะ ...



นี่ก็จินตนาการกับภาพช้าง 



และลายมือที่บ่งบอกว่า ข้ามาถึงนี่แล้วนะ อยู่ตั้งสูงและมืด ยังอุตส่าห์เขียนกันอีกนะ...ไอ้ @@#$%







จบรายการทัวร์แดนมหัศจรรย์ของธรรมชาติ  ออกจากปากถ้ำ ก็ได้รับลมเย็นๆ มาปะทะหน้าเลย นั่งพักก่นสักครู่ก็เริ่มเดินลงไปที่ทำการอุทยานฯ จ่ายค่าไฟฉาย และน้ำใจเล็กน้อยให้ไกด์ตัวน้อยไปกินขนม 



อีกกลุ่มไม่อยากเดินขึ้นเขา เข้าถ้ำมืด เลยไปพายเรือเล่นในแม่้น้ำ  





บางคนยังมีแรงจากการเดินขึ้น-ลง เที่ยวในถ้ำเอราวัณ ก็ไปพายเรือเล่นกันอีก รอเวลาให้คนขับรถตู้ได้นอนหลับพักผ่อน



สมาชิกที่ไปเที่ยวเมืองแพร่ ในทริปนี้บางคนก็มาคนเดียว และไม่รู้จักหัวหน้าทริป (เช่น ป้าตา) บางคนก็มีคนรู้จักมาด้วย ...ช่วงเวลานี้เลยมีเวลามานั่งพูดคุย สอบถามที่มา ที่ไป บางคนอาจจะเคยมาเมืองแพร่ แต่เที่ยวไม่ได้ครบ บางคนอาจจะเพิ่งมาเมืองแพร่ ครั้งแรกก็ประทับใจ ...และอาจได้มิตรไมตรีสานสัมพันธ์กันจนเรื่อยๆ ไปเที่ยวด้วยกันอีก ...



ส่วน ป้าตา ผู้ซึ่งถ้าอยู่เฉยๆ ก็จะหลับ หรือก็กิน  ฉะนั้นแล้วจึงต้องเดินหาของกิน เฮ้ย หามุมในการถ่ายภาพเรื่อยเปื่อย ...เพราะยังไงขึ้นรถเราก็หลับอยู่ดี 555


ชื่อดอกอะไรเอ่ย ...ช่วยบอกด้วยน๊า ถ้ามีคนรู้จัก ชอบสีสัน อยู่ใกล้กับห้องอาหารของอุทยานฯ 

แล้วได้เวลาเดินทางออกจากอุทยานแห่งชาติดอยผากลอง (ถ้ำเอราวัณ)  ...ตอนหน้าสุดท้ายแล้ว ได้ตามหาที่มาของ เมืองแพร่ แห่ระเบิด ซะที...
Create Date :01 กุมภาพันธ์ 2556 Last Update :1 กุมภาพันธ์ 2556 10:28:04 น. Counter : 8336 Pageviews. Comments :6