bloggang.com mainmenu search
04 03 2022 เที่ยวชม "สามพันโบก" จ.อุบลราชธานี [02 02 2562]

ทริปไปแอ่วสามพันโบก จ.อุบลราชธานี นี้ ไปแอ่วมาตั้งแต่ต้อนต้น ปี 2562 หลังจากตามหาไฟล์ภาพเก่า ๆ ใน Harddisk external ที่ต่อกับเครื่อง mac และแปลงไฟล์มาเป็น windows ได้แล้ว เลยเริ่มเจอะเจอไฟล์ภาพเก่า ๆ ที่อาจจะไม่ได้มา post ไว้ที่ bloggang /// blog แอ่วสามพันโบก นี้ ก็ลงต่อจาก Blog ที่แล้วที่พาไปชมอันซีน วัดเรืองแสง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จ.อุบลราชธานี


แต่ก่อนที่จะชมภาพถ่ายเที่ยวชมสามพันโบก
ขอมาชื่นชอบน้องมัคคุเทศก์ที่พาเที่ยวชมสามพันโบกกันก่อน นอกจากจะพาเที่ยวชม เล่าเรื่องราวแต่ละโบกได้อย่างมีอรรถรสให้ฟังกันแล้ว น้องเค้ายังช่วยเป็นข่างภาพให้ด้วย และฝีมือการถ่ายภาพนี่ล่ะที่ขอชื่นชม(เปรียบเปรย) "เหมือนจ้าง 100 แสดงไป 1000"

แบบว่าเห็นมุมมองถ่ายภาพนี้เหมือนกันกับน้องมัคคุเทศก์ ต่อให้เห็นช๊อตนี้จะลงไปถ่ายภาพได้สวย ๆ
หลุมลึกขนาดนี้ แล้วยังลงไปนอนถ่ายภาพมุมเงยขึ้นมาให้อีก ...ไม่มีทางลงไปถ่ายภาพในทำนี้แน่ ๆ
///บอกเลยว่าไปเที่ยวชมสามพันโบก ไม่ต้องแบกกล้อง dslr ไปให้หนัก เอามือถือไปนี่ล่ะ ช่างภาพมือหนึ่งมัคคุเทศก์ตัวน้อย ถ่ายภาพให้ได้แบบไม่เคยได้ภาพสวย ๆ จากที่ไหนมาก่อน

ภาพนี้ไม่ใส่ลายน้ำล่ะ ให้เครดิตน้องมัคคุเทศก์ที่พาเที่ยวชมในครั้งนี้ด้วยเลย



สามพันโบกตั้งอยู่กลางลำน้ำโขงในเขตพื้นที่บ้านโป่งเป้า บ้านสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี

สามพันโบกเป็นแก่งหินที่โผล่ขึ้นมากลางลำน้ำโขงในช่วงที่น้ำลด โดยที่แก่งหินเหล่านี้ก็จะมีแอ่งน้อยใหญ่ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของแรงน้ำวน เมื่อนับดูแล้วมีจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง และคำว่า "แอ่ง" ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า "โบก" จึงเป็นที่มาของคำว่า สามพันโบก

จากลักษณะความสวยงามของแก่งหินในสามพันโบก ทำให้หลายคนขนานนามให้ที่นี่เป็น "แกรนด์แคนยอนเมืองไทย"

สามพันโบที่พอเห็นภาพถ่ายจากทริปรีวิว ต่าง ๆ และพอทราบมาแบบคร่าว ๆ ว่าจะได้ไปเที่ยวชมแก่งหิน รูปทรงแปลกตา หนึ่งในนั้นก็มีรูปมิกกี้เม้าส์ เดินเล่นถ่ายภาพไปกับลักษณะของแก่งหิน แอ่งน้ำ พอทราบมาประมาณแค่นี้เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรไปดี ติดสอยห้อยตามไปกับเพื่อนผู้นำทริป พอขับรถไปถึงก็มีการสอบถามจะเหมาเรือไปแบบไหนกันดี จะจ้างมัคคุเทศก์ตัวน้อยไปนำทางพาไปจุดสถานที่สำคัญ ๆ ไหม
ตอนแรกก็คิดไปเองว่า เดินเที่ยวเอง ชมเอง เดี๋ยวก็มองเห็นกันได้เองว่าตรงไหนคือมิกกี้เม้าส์ ตรงไหนคือรูปหัวใจ แต่สุดท้ายก็มาตกลงด้วยว่าในกลุ่มบางคนจะเดินไม่ได้ไกลมากนัก ขอมัคคุเทศก์นำทางพาไปจุดสำคัญ ๆ เลยก็ได้ สรุปเลยได้เช่าเรือเฉพาะกลุ่มไป พร้อมกับมัคคุเทศก์ตัวน้อยนำทาง

ด้วยที่ยังไม่ได้กลับไปเลือกดูรูปถ่ายทั้งหมด มาเปิดเลือกภาพถ่ายที่ process บางรูปที่ทำแล้วเสร็จแล้ว มาโพสต์ให้ชมกันไปเรื่อย ๆ ก่อน อาจจะเล่าเรื่องราวได้ไม่ค่อยดีนัก เริ่มจะจำเรื่องราวในทริปสามพันโบกไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกัน









จากที่เล่าไปตอนต้นว่ามีโบก รูปหัวใจ หรือ รุปมิกกี้เม้าส์ ที่น่าจะต้องมาถ่ายภาพคู่กันกับจุดแลนด์มาร์คนี้ด้วย
มาเดินไปเอง เที่ยวเอง เดี่ยวก็หาเจอเอง พอเริ่มเดินขึ้นมาก็มองไปเองว่าอยู่นี่ไง ซึ่งมั่นไม่ใช่

ถ้าไม่ติดว่าอากาศช่วงที่มานั้นมันร้อนน่าดูแล้ว
มุมถ่ายภาพสะท้อนน้ำแบบในแอ่งน้ำแบบนี้ คงต้องได้หยุด เดินหามุมถ่ายภาพในมุมแปลกตากันอยู่ แต่ตอนนี้มัคคุเทศก์น้อยก็พาเดินนำลิ่วไปข้างหน้าไกลแล้ว













ถ้าเดินเอง นี่ก็เป้าหมายรูปหัวใจ จบไปได้ 1 จุดหมายแล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ใช่อีกนั่นล่ะ



จากการล่องเรือชมสามพันโบกตั้งแต่ตอนนั่งเรือเข้ามา และได้รับข้อมูลว่าแม่น้ำโขงนี้ก็กั้นระหว่างไทยกับลาว บางจุดก็ดูว่าอยู่กันห่างด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนัก ยังแอบคิดว่าช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมาเที่ยวที่สามพันโบก ในแบบช่วงที่นักท่องเที่ยวมากันเยอะ ๆ ก็นับรวมได้หลายพันคน แล้วนักท่องเที่ยวชาวลาวเค้าก็อยากมาเที่ยวชมสามพันโบกแบบคนไทยกันบ้างไหม







นี่ไงรูปมิกกี้เม้าส์






โบกนี้(ภาพบน-ล่าง)ก็เป็นจุดแลนด์มาร์คของน้องมัคคุเทศก์
เป็นเราไปเดินเองก็เดินผ่าน ๆ ไปแน่นอน
///มีรูปถ่ายภาพโบกนี้ในภาพสุดท้ายของ blog นี้ครับ









ในหลาย ๆ จุด ก็ไม่คิดว่าจะมีมุมถ่ายภาพแปลก ๆ แต่น้องมัคคุเทศก์มีจุดแลนด์มาร์คในใจของเค้าเองอยู่แล้ว จากประสบการณ์พาทัวร์ และก็ได้เห็นภาพถ่ายจากนักท่องเที่ยวที่มีมุมมองเริ่ด น้อง ๆ มัคคุเทศก์ก็ไปจดจำต่อ ๆ กันมาอีกที






























รูปหัวใจคู่





บางตำแหน่งที่เป็นจุดแลนด์มาร์คของน้องมัคคุเทศก์ หากเราเดินผ่าน ๆ ไปเอง
ก็คงไม่ได้คิดแวะถ่ายภาพ แต่น้องมัคคุเทศก์เค้ามีจุดถ่ายภาพของเค้า
อย่างในภาพนี้ก็ไม่คิดว่าจะต้องลงไปนั่งถ่ายภาพในลักษณะนี้




ปิดท้ายไว้กับภาพนี้ ลองกลับไปตามหาไฟล์ภาพที่น้องมัคคุเทศก์ถ่ายภาพมาให้

ภาพนี้ก่อนกระโดด(สปริง) บอกเลยว่าแทบจะไม่มั่นใจว่าจะกระโดดข้ามได้ ระยะมันพอดีกับระยะวัดใจเลย (น่าจะประมาณ 110 ซม.)
น้องมัคคุเทศก์ บอกว่าถ้าจะเอาเทคเดียวผ่าน ก็ยืนแล้วกระโดดเลย น้องจะได้ถ่ายภาพครั้งเดียวผ่าน แต่ถ้าจะวิ่งมากระโดดก็ยังไม่รับประกันว่าจะได้วิ่งกระโดดอีกกี่ครั้ง
ช๊อตนี้ ขาขวาที่ลงไปแตะพื้นได้แบบฉิวเฉียด
และด้วยลงเท้าได้สัก 70% ทำเอาเข่าอ่อนไปเหมือนกัน
พอไปดูภาพก็ไม่ขอเทค แล้ว เอาภาพนี้ล่ะ

ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog กันด้วยครับ
Create Date :04 มีนาคม 2565 Last Update :4 มีนาคม 2565 16:49:38 น. Counter : 1235 Pageviews. Comments :9