เหตุใด "หนอนผีเสื้อ" มีโอกาสรอดน้อยลง จากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

ในภาวะที่มีคลื่นความร้อน หนอนผีเสื้อสามารถติดแหง็กบนต้นไม้ที่พวกมันกินได้เลย

ที่มาของภาพ, ESME ASHE-JEPSON

คำบรรยายภาพ, ในภาวะที่มีคลื่นความร้อน หนอนผีเสื้อสามารถติดค้างอยู่บนต้นไม้ที่เป็นอาหารของพวกมันได้
  • Author, เคที พริคเคทท์
  • Role, ผู้สื่อข่าว บีบีซี เคมบริดจ์เชอร์

ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พบว่าผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกมีผลต่อความอยู่รอดของหนอนผีเสื้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปถึงระบบนิเวศน์ ไม่ว่าจะเป็นการผสมเกสรดอกไม้ รวมทั้งบรรดาสัตว์ที่กินพวกมันเป็นอาหาร

ดร.เอสเม แอช-เจปสัน ผู้ทำวิจัยเรื่องนี้บอกว่า ผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หนอนผีเสื้อเหล่านี้อยู่ยากมากขึ้น และมีโอกาสรอดชีวิตน้อยลง

"เราพบว่า หนอนผีเสื้อมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิได้ค่อนข้างแย่ เช่น เมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิเย็น มันไม่สามารถทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น หรือ ทำให้ร่างกายเย็นลงเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นได้" ดร.แอช-เจปสัน จากคณะสัตวศาสตร์ มหาวิทยาเคมบริดจ์ กล่าว

"นั่นหมายความว่า เมื่อเกิดคลื่นความร้อนขึ้น พวกมันจะต้องติดแหง็กบนต้นพืชที่พวกมันใช้กินเป็นอาหารแล้วก็เกาะกันเป็นก้อน ก่อนที่พวกมันจะถูกแดดเผาจนสุก"

ผู้วิจัยทำการศึกษาหนอนผีเสื้อทั้งหมด 12 ชนิด รวมทั้งผีเสื้อหางติ่งแววมยุรา

ที่มาของภาพ, ESME ASHE-JEPSON

คำบรรยายภาพ, ผู้วิจัยทำการศึกษาหนอนผีเสื้อทั้งหมด 12 ชนิด รวมทั้งผีเสื้อหางติ่งแววมยุรา

ดร. แอช-เจปสัน เริ่มการวิจัยเรื่องนี้ เพราะเธอเองตระหนักว่า ปัจจุบัน ยังมีช่องว่างในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของอากาศร้อนแบบสุดขั้วและอากาศเย็นต่อการมีชีวิตอยู่ของตัวหนอนผีเสื้อ ซึ่งเป็นผลพวงของสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

งานวิจัยดังกล่าว ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในหัวข้อ "นิเวศวิทยาและวิวัฒนาการ (Ecology and Evolution)" ได้เสนอแนะหนทางในการป้องกันหนอนผีเสื้อเหล่านี้จากสภาพอากาศอันโหดร้ายว่า จะต้องสร้างสภาพภูมิอากาศขนาดย่อม (microclimates) และโครงสร้างบนพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นพื้นที่ร่มเงาให้พวกมันหลบแดดได้

"ไม่จำเป็นต้องมีต้นไม้ขนาดใหญ่ มีเพียงพื้นที่แถบยาวมีต้นหญ้าสูงเป็นพิเศษก็พอ" เธออธิบาย

นักวิจัยศึกษาเรื่องนี้อย่างไร

การวิจัยชิ้นนี้ รวบรวมข้อมูลที่สังเกตการณ์จากพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติไวลด์ไลฟ์ ทรัสต์ (Wildlife Trust) ที่เพกส์ดอน ฮิลล์ส ในเมืองเฮิร์ทฟอร์ดเชอร์ และพื้นที่ในเมืองเคมบริดจ์เชอร์ ในสหราชอาณาจักร โดยเน้นการศึกษาหนอนผีเสื้อ 12 ชนิด ที่ผู้คนคุ้นเคยกันดี เช่น หนอนกะหล่ำ, หนอนผีเสื้อแดงอินเดีย และหนอนผีเสื้อกระดองเต่า เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว นักวิจัยยังเก็บข้อมูลจากผีเสื้อขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ไม่ถูกเพาะเลี้ยงในพื้นที่อนุรักษ์ด้วย โดยเก็บข้อมูลจากพื้นที่เพาะปลูกแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเคมบริดจ์

ดร.แอช-เจปสัน ระบุว่า "ผีเสื้อไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรม มีความสวยงามและเสน่ห์ในตัวเอง แต่พวกมันยังเป็นส่วนหนึ่งในความหลากหลายทางชีวภาพด้วย"

"พวกมันยังช่วยในการผสมเกษรดอกไม้รวมทั้งเป็นอาหารให้กับบรรดานกชนิดต่าง ๆ อย่างนกติ๊ดสีน้ำเงินที่พวกมันต้องกินหนอนผีเสื้อเป็นอาหารในช่วงที่เป็นลูกนก"