21 ประทับใจ เที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์
21 Impressions : Phetchabun City Tour
1. พุทธอุทยานเพชบุระ (Pechabura Buddhist Park)
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ ฯ ซึ่งสร้างจำลองมาจากพระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ที่วัดไตรภูมิ เป็นมหาพุทธานุสรณ์ที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเป็นจุดศูนย์ร่วมจิตใจของคนเพชรบูรณ์ นอกจากนั้น ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษาในพ.ศ. 2554
องค์พระฯหล่อด้วยโลหะทองเหลืองบริสุทธิ์ หนักกว่า 45 ตัน ที่ปลายยอดจุลมงกุฎหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์หนัก 126 บาท องค์พระสูง 16.599 เมตร สูงจากพื้นดิน 35 เมตร ขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร ซึ่งมีความหมายว่า
1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทยทั้งประเทศ
1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก ที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งบรมราชจักรีวงศ์
84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา
ในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจาก 9 ประเทศไว้ที่ปลายยอดจุลมงกุฎและเบิกพระเนตรองค์พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ ฯ ณ พุทธอุทยานเพชบุระ
พุทธอุทยานเพชบุระ .. มหาพุทธานุสรณ์ ประกาศพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง บนแผ่นดินเพชรบูรณ์
2. หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย (Phetchabun Intrachai Archaeology Hall)
เป็นการปรับปรุงศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่าให้เป็นหอโบราณคดีที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ แบ่งพื้นที่การจัดแสดงเป็นห้องโถงต้อนรับ ห้องกาแฟ ห้องไทยเพ็ชรบูล ห้องจากเขาคณาถึงศรีเทพจัดแสดงเรื่องราวของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนยุคศรีเทพ ห้องวัดมหาธาตุจัดแสดงเรื่องราวสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี ห้องสมบัติเพชรบูรณ์ ห้องตำราพิชัยสงคราม ห้องจากมณฑลสู่นครบาลจัดแสดงเรื่องราวในสมัยรัตนโกสินทร์ ห้องเสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ ห้องเพชรบูรณ์เมื่อวันวาน ห้องตำนาน 360 องศา ห้องอุ้มพระดำน้ำ ห้องวิถีเพชรบูรณ์ ห้องไทหล่ม ห้องสมรภูมิเขาค้อ ห้องสมุดเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน
นอกจากนั้น ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการการท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ (Tourist Service Center) และจัดแสดงรายละเอียดเรื่อง “เที่ยวเพชรบูรณ์ต้อง 6 7 8”อีกด้วย
ด้านหน้าอาคาร มีประติมากรรม “ตุ๊บเก่ง” และลานอเนกประสงค์ที่ปูพื้นเป็นรูปฝักมะขามหวาน สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ
ชื่อ “เพ็ชรบูรณ์อินทราชัย” นั้น เป็นพระนามของ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสลำดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมชมหอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
“หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย .. ร้อยรวมใจ รวมสุดยอดเพชรบูรณ์”
3. หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์ (Nakornban Phetchabun Cultural Hall)
เป็นการปรับปรุงศาลาประชาคมจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเดิม โดยเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ให้เป็นอาคารขนาดใหญ่เพื่อเป็นสถานที่รวบรวม จัดแสดง ถ่ายทอดเรื่องราวทางศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเพชรบูรณ์ เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และคิดค้นองค์ความรู้ใหม่เพื่อการพัฒนาด้านวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างให้ประชาชนเรียนรู้วัฒนธรรมและมีสำนึกรักท้องถิ่นของตนเองและยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองเพชรบูรณ์อีกด้วย
พื้นที่และอาคารแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ห้องประชุม มีเวทีสามารถจัดกิจกรรมและการแสดงต่าง ๆ ส่วนที่สอง คือ ส่วนที่เป็นห้องโถงไว้สำหรับจัดแสดงนิทรรศการถาวรและหมุนเวียน ส่วนที่สาม คือ เวทีและลานสำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้ง
4. ประติมากรรมมะขามหวาน (Sculpture of Sweet Tamarind)
เป็นประติมากรรมปูนปั้นสัญลักษณ์ “เพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน” เป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวเมื่อได้เดินทางมาถึงเพชรบูรณ์แล้ว เป็นประติมากรรมมะขามหวานพันธุ์ “หมื่นจง” มีลักษณะฝักโค้งและผอม เพราะมะขามหวานหมื่นจงเป็นมะขามหวานพันธุ์แรกที่ปลูกในเพชรบูรณ์ ต้นเก่าแก่ดั้งเดิมอยู่ที่อำเภอหล่มเก่า
มะขามหวานที่นิยมปลูกกันมากในจังหวัดเพชรบูรณ์นอกจากพันธุ์หมื่นจงแล้ว ยังมีพันธุ์สีทอง ประกายทอง ประกายเพชร น้ำผึ้ง ศรีชมภู อินทผลัม ฯลฯ ด้านหลังประติมากรรมยังมีป้ายข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมะขามหวานให้ผู้ที่สนใจได้อ่านและศึกษาอีกด้วย
5. ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพชรบูรณ์ (Phetchabun City Pillar Shrine)
มีลักษณะเป็นศาลาทรงไทยตรีมุข เป็นที่ตั้งเสาหลักเมืองแห่งเดียวในประเทศไทยที่ศิลาจารึก ตัวเสาหลักเมืองเป็นแท่งเสาหินทรายสีเทา มีลักษณะปลายโค้งมน มีความสูงจากฐานล่างจนถึงปลายยอดยอด 184 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร หนาประมาณ15-16 เซนติเมตร สันนิษฐานว่า น่าจะนำมาจากเมืองศรีเทพตั้งแต่ครั้งโบราณและมาตั้งอยู่ที่วัดมหาธาตุก่อน แล้วจึงอัญเชิญมาตั้งเป็นเสาหลักเมืองเพชรบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2443
ในการบูรณะศาลหลักเมืองเมื่อ พ.ศ.2548 ได้พบว่า เสาหลักเมืองนั้นเป็นศิลาจารึก จากการลอกลายตัวอักษรและอ่านโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากรพบว่า ศิลาจารึกนี้มีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 มีการจารึกครั้งแรกในด้านที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 1564 จำนวน 22 บันทัด จารึกด้วยอักษรขอมโบราณเป็นภาษาสันสกฤต เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ และจารึกครั้งที่ 2 ในทั้ง 3 ด้านที่เหลือ จารึกด้วยอักษรขอมเป็นภาษาบาลี ไทยและขอม เมื่อ พ.ศ. 2059 กล่าวถึงศาสนาพุทธ จึงนับว่าเป็นเสาหลักเมืองที่ทรงคุณค่าและเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอายุนับพันปี ซึ่งชาวเพชรบูรณ์ให้ความศรัทธา เคารพสักการะและเชื่อถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด
ผู้ที่สนใจสามารถชมตัวอักษรลอกลายของเสาหลักเมือง คำอ่านและคำแปลได้ที่หอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์
6. หอภูมิปัญญาและวิถีชาวบ้านเพชรบูรณ์ (Hall of Phetchabun Wisdom and Folkways)
เป็นอาคารสำนักงานกาชาดเก่าที่อยู่ในบริเวณสวนสาธารณะเพชบุระ ได้ทำการปรับปรุงจัดเป็นหอแสดงภูมิปัญญาและวิธีชีวิตคนเพชรบูรณ์ แบ่งเป็นเรื่องการทำมาหากินอาชีพดั้งเดิมของคนเพชรบูรณ์ 6 เรื่องราวด้วยกัน คือ ข้าว ข้าวโพด มะขามหวาน ใบยาสูบ การหาของป่า และวิถีชีวิตริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมทั้งเครื่องมือทำมาหากินและเครื่องมือที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ กำลังจะหายไปจากวิถีชีวิตของคนเพชรบูรณ์ตามกาลเวลา จึงได้รวบรวมจัดแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชม โดยจัดเป็นห้องนิทรรศการที่ทันสมัย สวยงามและมีคุณค่ายิ่ง
ม้าฟันยา เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหั่นซอยใบยาพื้นเมืองที่นิยมปลูกกันมากในเพชรบูรณ์ และเป็นใบยาที่เลิศรสที่สุด มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน จึงได้นำม้าฟันยามาเป็นสัญลักษณ์ของหอภูมิปัญญาและวิถีชาวบ้านเพชรบูรณ์
7. หอเกียรติยศเพชบุระ (Pechabura Hall of Fame)
เดิมเป็นที่ตั้งของจวนข้าหลวงหรือบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505
เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ได้ทำการปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะกลางเมือง ชื่อว่า “สวนสาธารณเพชบุระ” (เพ-ชะ-บุ-ระ) ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมของเพชรบูรณ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตามที่ปรากฏในจารึกบนลานทองคำที่ค้นพบในกรุเจดีย์วัดมหาธาตุ ซึ่งมีความหมายว่า เมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ภายในสวนฯ มี ลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่และเวทีสำหรับจัดงานต่าง ๆ มีลานออกกำลังกาย ศูนย์ออกกำลังกาย ประติมากรรมเมืองอยู่สบาย
ส่วนตัวอาคารจวนผู้ว่าฯ เก่า ได้ปรับปรุงทำเป็นหอเกียรติยศเพื่อ รวบรวมประวัติ จัดแสดงและเชิดชูบุคคลสำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครอง การพัฒนาสังคม การกีฬา อริยสงฆ์ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้มีชื่อเสียงและผู้ที่มีบทบาทสำคัญของเพชรบูณ์ โดยจัดแสดงในรูปแบบที่หลากหลาย มีทั้งหุ่นขี้ผึ่ง รูปหล่อครึ่งตัว รูปถ่าย ภาพจอคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสื่อผสม รวมทั้งจัดแสดงภาพเหตุการณ์สำคัญ ภาพในอดีตของเพชรบูรณ์ไว้ด้วย โดยประวัติบุคคลสำคัญที่จะนำมาบันทึกในหอเกียรติยศฯ แห่งนี้ จะมีการเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
8. วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง (Mahathad Royal Temple)
เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สมัยสุโขทัย สูงประมาณ 8 วาเศษ ซึ่งเมื่อ พ.ศ. 2510 ได้มีการขุดค้นเจดีย์พบจารึกลานทองในท้องหมูสำริด จารึกว่า “พระเจ้าเพชบุร” เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ.1926 และยังพบพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ เช่น ทวารวดี ลพบุรี สุโขทัย อู่ทอง และพระเครื่องเนื้อชินพิมพ์ต่าง ๆ มากมายเช่น ร่มโพธิ์ เปิดโลก นาคปรก นางพญา ซุ้มเรือนแก้ว ซุ้มประตูชัย ฯลฯ และยังปรากฏเจดีย์ทรงปรางค์คู่อยู่ด้านหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นค่านิยมการสร้างในสมัยอยุธยาอีกด้วย
นอกจากนั้น ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองที่งดงาม 2 องค์ คือ หลวงพ่อพระงาม ซึ่งเป็นพระประธานในโบสถ์ และหลวงพ่อเพชรมีชัย ที่ตามพงศาวดารระบุว่า พระยาจักรี (รัชกาลที่ 1) ในขณะนั้น ได้เคยมานมัสการในขณะเดินทัพมาพักที่เพชรบูรณ์
วัดมหาธาตุเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีความสำคัญต่อเมืองเพชรบูรณ์มาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
9 วัดไตรภูมิ (Triphum Temple)
เป็นวัดกลางเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก มีอายุกว่า 400 ปี อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำในวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เป็นประจำทุก ๆ ปี
พระพุทธมหาธรรมราชา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางสมาธิ ศิลปะขอม หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน หล่อด้วยทองสำริด มีหม้อยาอคทะอยู่บนพระหัตถ์ ทรงเทริดยอดชฎา ดูน่าเกรงขาม เข้มขลัง และงดงามมาก
เป็นพระพุทธรูปที่คนเพชรบูรณ์เชื่อกันว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระราชทานให้แก่พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด เพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเมื่อครั้งที่พ่อขุนผาเมืองทรงอภิเษกกับพระราชธิดา คือ พระนางสิขรมหาเทวี
ภายในวัดไตรภูมิยังมีเจดีย์ทรงปรางค์ ศิลปะอยุธยาผสมผสานกับศิลปะสุโขทัย ก่ออิฐฉาบปูน ความสูง 9.25 เมตร ส่วนฐานเจดีย์ผังรูป 16 เหลี่ยม ขนาดกว้าง 8.6 เมตร
ในอดีต ท่าน้ำหน้าวัดไตรภูมิยังเป็นท่าน้ำที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ เป็นที่ตั้งของตลาดเมืองเพชรบูรณ์ เป็นท่าจอดเรือกระแซงบรรทุกสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ากันมาแต่โบราณกาล
10. กำแพงเมืองและหอนิทรรศน์กำแพงเมืองเพชรบูรณ์ (Phetchabun Wall Exhibition Hall)
เป็นกำแพงโบราณก่ออิฐถือปูน สร้างในสมัยกลางอยุธยา มีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ 500 เมตร มีป้อมปราการทั้งหมด 4 ป้อม คือป้อมศาลเจ้าพ่อ ป้อมศาลเจ้าแม่ ป้อมหลักเมือง และป้อมที่ยังสมบูรณ์ที่สุดคือ ป้อมสนามชัย ที่ประตูเมืองสร้างหินทรายและศิลาแลง ซึ่งยังปรากฏซากประตูเมืองอยู่ 2 ด้านคือ ประตูชุมพลทางทิศตะวันตกที่ถนนเพชรรัตน์ และประตูดาวทางทิศตะวันออกที่ข้างวัดประตูดาว กำแพงเมืองเพชรบูรณ์มีลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งคือ ตัวป้อมแต่ละมุมจะยื่นไปนอกแนวกำแพง เรียกว่าเป็นการสร้างป้อมแบบหัวธนู
ส่วนหอนิทรรศน์กำแพงเมือง เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงรายละเอียดการสร้างกำแพงเมืองโบราณของเพชรบูรณ์ 2 ยุค สมัยด้วยกัน คือ สมัยสุโขทัยและอยุธยา ภายในหอ ฯ นอกจากจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวัดโบราณและตำนานพื้นบ้านที่ร่วมสมัยกับกำแพงเมืองเพชรบูรณ์แล้ว ยังมีข้อมูลความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกำแพงเมืองในที่ต่างๆ อีกด้วย ส่วนอาคารด้านนอก จะสร้างโดยใช้ลักษณะจำลองแบบป้อมกำแพงเมืองที่มีใบบังและใบเสมาตามหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งสามารถเดินรอบและขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูวิวทิวทัศน์ อย่างป้อมกำแพงเมืองจริงๆ ได้
11. วัดเพชรวราราม พระอารามหลวง (Phetwararam Royal Temple)
เป็นวัดที่มีความสำคัญยิ่ง ที่สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จฯมาเยี่ยมและเผยแพร่ธรรมะถึง 3 พระองค์ เป็นวัดที่มีพระอุโบสถที่งดงามยิ่ง มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกนักธรรมและแผนกบาลี ภายในวัดมีสวนป่าสวยงาม ร่มรื่น เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์และเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและพักผ่อนหย่อนใจเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2521 และนอกจากนี้ ภายในวัดยังมีปูชนียสถานที่สำคัญ คือ มณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธบาทจำลอง พระไพรีพินาศ และพระนิรันตราย
ที่สำคัญคือ บานหน้าต่างและประตูไม้แกะสลักของพระอุโบสถ เป็นฝีมือแกะสลักไม้ระดับชาติจากกรมช่างสิบหมู่ แต่ละบานจะแกะสลักเป็นรูปพระพุทธเจ้าทศชาติ จัดทำถวายวัดเพชรวราราม เนื่องในโอกาส เฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539
12. วงเวียนอนุสรณ์นครบาลเพชรบูรณ์ (Nakornban Phetchabun Memorial Circle)
เป็นวงเวียนเก่าแก่ของเมืองเพชรบูรณ์ และได้จัดสร้างเป็นเสาหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์จำลองขึ้น เพื่อเป้นอนุสรณ์ที่เมื่อพ.ศ. 2486-2487 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ออกพระราชกำหนดย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เพชรบูรณ์ โดยใช้ชื่อว่า “นครบาลเพชรบูรณ์” เพราะเห็นว่าเพชรบูรณ์นั้นมีเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม อากาศดี อยู่ใจกลางประเทศ มีภูเขาล้อมรอบและมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว และได้ดำเนินการอพยพราษฎรมาตั้งหลักแหล่งที่เพชรบูรณ์ พร้อมกับย้ายที่ทำการรัฐบาลตลอดจนสถานที่ราชการต่าง ๆ มาตั้งที่เพชรบูรณ์ และได้ทำการยกเสาหลักเมืองหลวงไว้ที่ บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก เสาหลักเมืองนี้ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ฐานล่างประกอบด้วยไม้มงคล 8 ชนิด นอกจากนั้น ยังปรากฏหลักฐานว่าได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ที่เพชรบูรณ์อีกด้วย แต่ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่อนุมัติให้พระราชกำหนดระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์เป็นพระราชบัญญัติ แต่ด้วยคะแนนเสียง 48 ต่อ 36 ด้วยเหตุผลที่ว่า”เพชรบูรณ์เป็นดินแดนกันดาร มีสภาพภูมิประเทศเป็นป่าเขาและมีไข้ป่าชุกชุม …” การสร้างเมืองหลวงใหม่จึงถูกยกเลิกไป …
อนุสรณ์นครบาลเพชรบูรณ์แห่งนี้จึงสร้างขึ้นเป็นเพื่อรำลึกถึงคุณูปการและอัจฉริยภาพของจอมพล ป.พิบูลสงคราม และเพื่อคนเพชรบูรณ์จะได้ภูมิใจในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งและความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองของเรา
13. หอนาฬิกาแชมป์โลกคู่แฝด (Clock Tower of the Twin World Champion Boxers)
เป็นอนุสรณ์แก่นักมวยแชมป์โลกคู่แฝดชาวเพชรบูรณ์ เขาค้อ และเขาทราย แกแลคซี่ โดยเขาทราย แกแลคซี่ เป็นแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก (WBA) เป็นแชมป์โลกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2527 ชกป้องกันตำแหน่งชนะ 19 ครั้ง โดยไม่เสียตำแหน่ง ก่อนแขวนนวม 1 กุมภาพันธ์ 2535 สมาคมมวยโลกยกย่องให้เป็นนักชกยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2532 นักชกยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษเมื่อ พ.ศ.2533 และรางวัล “WORLD BOXING HALL OF FAME” บรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศนักมวยที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกของ WBA ณ เมืองคานาสโตต้า สหรัฐอเมริกา
ส่วนเขาค้อ แกแลคซี่ เป็นแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวท ของสมาคมมวยโลก และเป็นแชมป์โลกรุ่นนี้คนแรกของไทย ได้แชมป์โลกเมื่อ 9 พฤษภาคม 2531
ทั้งสองคนได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นอย่างมากโด่งดังไปทั้งประเทศในฐานะที่เป็นแชมป์โลกคู่แฝดในเวลาเดียวกัน
14. สวนสาธารณะหนองนารี (Nong-Naree Public Park)
เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นแหล่งพันธุ์พืช ประเภทบัวนานาชนิด แหล่งพันธุ์ปลาต่างๆ ตลอดจนนกหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพจากถิ่นอื่น
เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ออกกำลังกาย สถานที่จัดงานประเพณีและกีฬา รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ
นอกจากนั้น ยังได้จัดทำอุทยานวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในทุก ๆ ด้าน เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ พืชศาสตร์ บรรพชีวิน พลังงาน สิ่งแวดล้อม ธรณีวิทยา แสงเลเซอร์ และมีท้องฟ้าจำลอง หอดูดาว โรงหนัง 3 มิติ อุทยานบัว สวนพฤกษศาสตร์ ฯลฯ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ธรณีเพชรบูรณ์และหอนิทรรศการและจัดเก็บเรือยาวจังหวัดเพชรบูรณ์
ชื่อหนองนารีนั้น มีที่มาจากการทำนาในที่ลุ่ม และได้มีการปั้นคันนาเป็นรูปโค้งรี ๆ ไม่ตัดตรงแบบคันนาที่อื่น ๆ จึงเรียกบริเวณนั้นว่า “นารี” ต่อมาเมื่อสมัยนครบาลเพชรบูรณ์ ได้มีการสร้างถนนกั้นทางน้ำจนเกิดเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ จึงเรียกชื่อว่า “หนองนารี”
15. หอนิทรรศการและจัดเก็บเรือยาว จังหวัดเพชรบูรณ์” (Hall of Phetchabun Long Boat Exhibition and Storage) สวนสาธาณะหนองนารี
จังหวัดเพชรบูรณ์ มีประเพณีการแข่งเรือยาว ถึง 5 สนามด้วยกัน นั่นคือ
1. การแข่งเรือทวนน้ำวัดไตรภูมิ
2. การแข่งเรือคลองไม้แดง ดงมูลเหล็ก
3. การแข่งเรือลาพรรษา ลำน้ำพุง วัดทุ่งธงไชย หล่มเก่า
4. การแข่งเรือวันลอยกระทง บึงสามพัน
5. การแข่งเรือน้ำนิ่ง ที่หนองนารี
ประเพณีการแข่งเรือยาว เป็นประเพณีโบราณดั้งเดิมที่แฝงไปด้วยภูมิปัญญาในการสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชน ..
ผู้ใหญ่ผู้ชายก็ช่วยกันซ่อมเรือแต่งเรือ ผู้ใหญ่ผู้หญิงก็ดูแลทำอาหารเลี้ยงดูทีมฝีพาย ผู้ชายวัยรุ่นก็พากันเป็นฝีพายซ้อมเรือ ลงแข่งเรือ ส่วนผู้หญิงวัยรุ่นก็เป็นกองเชียร์ เด็ก ๆ ก็ได้เห็นได้ร่วมกิจกรรมอันจะเป็นแรงบันดาลใจต่อไปในอนาคต .. จึงนับว่า เรือยาวประจำชุมชนหมู่บ้าน สามารถทำให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คน มีจุดรวมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันจะก่อให้เกิดความรักความสามัคคีได้เป็นอย่างดี
เรือยาวสมัยก่อน จะขุดจากขอนไม้ทั้งต้น เช่น ไม้ตะเคียน จึงมีความเชื่อเรื่องแม่ย่านางประจำเรือแต่ละลำที่มีความชอบไม่เหมือนกัน ซึ่งทีมงานดูแลเรือจะต้องทำให้ถูกต้อง
เป็นที่น่าเสียดายที่ ในเวลาต่อมา การใช้เรือยาวที่ขุดจากขอนไม้ทั้งต้นนั้น เวลาใช้ลงแข่งขัน จะมีน้ำหนักมาก ทำให้การพายแข่งขันจึงไม่อาจสู้กับเรือรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้ไม้เป็นชิ้น ๆ ประกอบขึ้นมาได้ .. เรือขุดจึงเริ่มเสื่อมความนิยมไป
หอนิทรรศการและจัดเก็บเรือยาว จังหวัดเพชรบูรณ์ แห่งนี้ จึงสร้างขึ้นมาไว้ที่หนองนารี เพื่อมีวัตถุประสงค์ ที่จะรวบรวม เก็บรักษาและบันทึกประวัติเรื่องราวของเรือยาวต่าง ๆ ที่มีความสำคัญและมีคุณค่า ที่มีอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อมิให้ถูกลืมเลือนและสูญสลายไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนได้ศึกษารากเหง้าประเพณีความเชื่อในอดีตของเรา และยังสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้อีกด้วย
16. หอประวัติศาสตร์มณฑลเพชรบูรณ์ (Monton Phetchabun Historical Hall)
ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเพ็ชรรัตน์สงคราม (Phetcharat SongKram Public Park) ถ.เพชรรัตน์ ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวและแบบเมืองจำลองของบ้านในเมืองในสมัยมณฑลเพชรบูรณ์ที่มีพื้นที่อยู่ในบริเวณกำแพงเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
มณฑล คือเขตการปกครองส่วนภูมิภาคในสมัยก่อน ที่เป็นระดับที่สูงกว่าระดับเมืองหรือจังหวัด โดยมีการรวมหลายเมืองหรือจังหวัดไว้อยู่ภายใต้การปกครองของมณฑลอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะมีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชา
เมื่อปี พ.ศ.2442 ได้มีการประกาศจัดตั้งมณฑลเพ็ชรบูรณ์ขึ้น ด้วยเหตุผลความสำคัญทางความมั่นคงของราชอาณาจักร มณฑลเพ็ชรบูรณ์ยุคแรกประกอบด้วยสองเมืองคือเมืองเพ็ชรบูรณ์และเมืองหล่มศักดิ์ รวมกับอีก 5 อำเภอคือ หล่มเก่า วังสะพุง วิเชียรบุรี บัวชุม และชัยบาดาล เป็น 7 อำเภอ
ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลเพ็ชรบูรณ์คนแรก คือ พระยาเพชรรัตน์สงคราม (เฟื่อง เฟื่องเพ็ชร) แต่เมื่อ พ.ศ. 2447 ท่านได้ถึงแก่กรรมลง ก็ได้มีการยุบมณฑลเพ็ชรบูรณ์ไปให้ขึ้นกับมณฑลพิษณุโลก ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2450 กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประการตั้งมณฑลเพ็ชรบูรณ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งและแต่งตั้ง พระยาเทพาธิบดี (อิ่ม เทพานนท์) มาเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลปกครองมณฑลเพ็ชรบูรณ์ เป็นคนที่ 2 จนเมื่อ พ.ศ. 2455 พระยาเทพาธิบดีก็ถึงแก่กรรมอีก จึงได้มีการแต่งตั้งพระยาเพชรรัตน์สงคราม (เลื่อง ภูมิรัตน์) มาเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลคนที่ 3 จนกระทั่ง พ.ศ. 2459 จึงได้มีประกาศยุบมณฑลเพ็ชรบูรณ์อีกครั้งโดยให้ไปรวมกับมณฑลพิษณุโลก จึงเกิดเป็นจังหวัดเพ็ชรบูรณ์ มี 2 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.วิเชียรบุรี ส่วนจังหวัดหล่มศักดิ์ ก็มี 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ อ.หล่มเก่า
ภายในสวนสาธารณะเพ็ชรรัตน์สงคราม ข้าง ๆ หอประวัติศาสตร์มณฑลเพ็ชรบูรณ์แล้ว ยังมีการเปิดให้เห็นป้อมประตูเมืองและแนวกำแพงเมืองโบราณสมัยอยุธยาของเพชรบูรณ์ด้วย
ชื่อเพ็ชรรัตน์สงคราม คือชื่อบรรดาศักดิ์ตำแหน่งเจ้าเมืองเพชรบูรณ์มาตั้งแต่ในอดีต และเมื่อครั้งมณฑลเพ็ชรบูรณ์ พระยาเพ็ชรรัตน์สงคราม (เฟื่อง) ก็ได้เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลเพ็ชรบูรณ์เป็นคนแรก และได้สร้างถนนเพชรรัตน์ในปัจจุบันนี้ด้วย
17. หอนิทรรศน์อุ้มพระดำน้ำ (Um Phra Dam Nam Exhibition Hall)
อยู่ในสวนสาธารณะเพ็ชรรัตน์สงคราม (Phetcharat SongKram Public Park) ถ.เพชรรัตน์ ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จัดสร้างเป็นแบบบ้านทรงเพชรบูรณ์แบบเดียวกันกับอาคารไม้เดิมที่ถูกรื้อออกไป เป็นแบบ 2 ชั้น ชั้นบนจัดแสดงหุ่นจำลองแสดงตำนานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ห้องจำลองพิธีอุ้มพระดำน้ำ และห้องเจดีย์โบราณเมืองเพชรบูรณ์ ด้านล่างจัดเก็บ รถบุษบก เรืออัญเชิญพระ ชุดโขนหัวเรือทั้ง 4 ชุด ได้แก่ กาญจนาคา กุญชรวารี เหมวาริน และตรีภุชงค์ โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นแหล่งเรียนรู้และบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีอุ้มพระดำน้ำทั้งหมด
บริเวณโดยรอบ ประกอบด้วย จิตรกรรมที่รั้วด้านหลัง ลานจอดรถ ลานกิจกรรม ถนนรอบ ห้องน้ำ ไฟแสงสว่าง ต้นไม้และสนามหญ้าสำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ
สวนเพ็ชรรัตน์สงคราม อยู่ภายในกำแพงเมืองและติดป้อมประตูเมืองโบราณ ในอดีต เคยเป็นที่พักเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ ต่อมาได้เป็นที่ตั้งศาลยุติธรรมประจำจังหวัด และเป็นบ้านพักผู้พิพากษา จนกระทั่งถูกทิ้งร้างผุพังไปตามกาลเวลา เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ จึงขอใช้สถานที่และปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะเพ็ชรรัตน์สงคราม
“เพ็ชรรัตน์สงคราม” เป็นชื่อตำแหน่งเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ในสมัยก่อน และยังทั้งเป็นชื่อตำแหน่งของข้าหลวงเทศาภิบาลของมณฑลเพ็ชรบูรณ์อีกด้วย
18. หอจดหมายเหตุเพ็ชรบูรณ์ (Phetchabun Archives)
ตั้งอยู่ถนนหลักเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ทำการปรับปรุงบ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ในอดีต ให้เป็นหอจดหมายเหตุเพ็ชรบูรณ์ โดยสร้างให้เป็นรูปแบบเดิม สีเดิมทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุให้เป็นแบบมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น
หอจดหมายเหตุเพ็ชรบูรณ์แห่งนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. อาคารใหญ่ด้านหน้าจะเป็นห้องสมุด ที่รวบรวม เก็บบันทึก จัดแสดง เอกสาร หลักฐาน หนังสือ รวมทั้งรูปถ่าย เรื่องราวที่เป็นเรื่องของเพชรบูรณ์ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นหนังสือ แผ่นพับ นิทรรศการ Computer file ฯลฯ ที่สามารถเข้าชม เข้าศึกษาและค้นคว้านำไปอ้างอิงได้ นอกจากนั้น ยังมีหุ่นจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินเพชรบูรณ์ในอดีต 10 เหตุการณ์ ป้ายนิทรรศการ “บันทึกเพชรบูรณ์” ที่คนเพชรบูรณ์ส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อนกว่า 300 เรื่อง และนิทรรศการภาพเก่า “เพชรบูรณ์เมื่อวันวาน” กว่า 500 ภาพ
2. อาคารเล็กด้านหลัง จะเป็นห้อง “นามบ้านภูมิเมืองเพชรบูรณ์” ซึ่งจัดแสดงที่มาของชื่อจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านต่าง ๆ ในจังหวัดเพชรบูรณ์
3. บริเวณรอบ ๆ ก็จะมีห้องน้ำ ไฟแสงสว่าง สนามหญ้า และที่นั่งเล่นสำหรับประชาชนทั่วไป
19. หอศิลปกรรมถมอรัตน์ Thamorat Hall of Fine Arts
: เป็นการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า ที่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2494 เพื่อให้เป็นหอศิลปกรรม มีชื่อว่า หอศิลปกรรมถมอรัตน์ เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงและถ่ายทอด งานวิจิตรศิลป์ด้านต่าง ๆ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม นาฏกรรม ภาพถ่าย งานศิลปะร่วมสมัย ตลอดจนศิลปวัตถุต่าง ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์
: เขาถมอรัตน์ เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองโบราณศรีเทพ ซึ่งบนยอดเขามีถ้ำ ที่มีรูปแกะสลักอยู่บนผนังถ้ำ เป็นพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์สมัยทวารวดีที่งดงามและเก่าแก่มาก นับว่า เป็นศิลปกรรมที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงนำมาตั้งเป็นชื่อของหอศิลปกรรมแห่งนี้
: ศิลปะ เป็นเครื่องชี้วัดความสุขของผู้คนในสังคม ถ้าบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ผู้คนก็จะมีอารมณ์สุนทรีย์ ศิลปะก็จะเฟื่องฟูในทุก ๆ สาขา
ในทางกลับกัน ศิลปะ ก็จะเป็นสิ่งที่ประโลมกล่อมเกลาจิตใจของผู้คนในสังคมให้มีความอ่อนโยน ละเมียดละไม อันจะนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
: หอศิลปกรรมถมอรัตน์ แห่งนี้ ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อหวังจะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดพลังแห่งความสร้างสรรค์แก่เยาวชนและประชาชนคนเพชรบูรณ์
20. โบสถ์ไม้โบราณ วัดภูเขาดิน (Ancient Wooden Chapel, Wat Phukaodin)
เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในตัวเมืองเพชรบูรณ์ เป็นโบสถ์ที่สร้างด้วยไม้บนฐานบัวก่ออิฐฉาบปูน กว้าง 7.50 เมตร ยาว 17 เมตร มีใบเสมาทำด้วยหินชนวนแกะสลักอยู่รอบ ๆ มีพระประธานปูนปั้นองค์ใหญ่ ปางมารวิชัย “หลวงพ่อสำเร็จ” ศิลปะอยุธยาฝีมือช่างพื้นบ้าน แต่มีร่องรอยการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงพระพักตร์ไป
โบสถ์หลังนี้สร้างหันหน้าไปทิศเหนือ ซึ่งเดิมเป็นด้านหน้าของวัดที่หันหน้าไปยังคลองศาลา บ่งบอกว่า ในสมัยก่อนการสัญจรไปมาในเมืองเพชรบูรณ์นั้น จะใช้ลำน้ำเป็นหลักเพราะยังไม่มีถนนที่มาตรฐาน การสัญจรทางน้ำจึงสะดวกกว่า
ตามคำบอกเล่าของคนเก่าคนแก่ บอกว่า ที่หน้าโบสถ์แห่งนี้ บริเวณริมต้นโพธิ์ จะมีศาลาสร้างไว้อยู่ริมน้ำเพื่อเป็นท่าน้ำที่พักของผู้คนที่เดินทางมาที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ จึงเป็นที่มาของชื่อคลองดังกล่าวว่า คลองศาลา มาจนทุกวันนี้ แต่ต่อมา การสัญจรของผู้คนเปลี่ยนมาเป็นใช้ถนนแทน วัดภูเขาดินจึงเปลี่ยนทางเข้าวัดใหม่เป็นหันหน้ามาทางถนนพระพุทธบาท โบสถ์หลังนี้จึงกลายเป็นอยู่ด้านหลังของวัดไป
โบสถ์สำคัญแห่งนี้ มีประวัติมายาวนาน หลวงพ่อเขียน ธัมมรักขิโต ได้ทำพิธีอุปสมบทจากสามเณรเป็นพระภิกษุในโบสถ์หลังนี้ และหลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ ก็เคยมาประกอบพิธีอุปสมบทให้กับคนเพชรบูรณ์หลายคนในโบสถ์แห่งนี้เช่นกัน จึงถือว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ทรงคุณค่ากับเมืองเพชรบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันนี้ โบสถ์หลังนี้ตั้งอยู่ติดริมรั้ววัดด้านทิศเหนือด้านซอยภูเขาดินซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ มีต้นไม้ขึ้นบังเกือบหมด .. ผู้คนที่ไปวัดในปัจจุบันจึงมองไม่ค่อยเห็น .. นับว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ทรงคุณค่ากับเมืองเพชรบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง
วัดภูเขาดิน ตั้งอยู่เลขที่ 169 บ้านคลองศาลา เขตเทศบาล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 21.4 ตารางวา สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.2430 โดยมีหลวงพ่อขอมเป็นพระเขมรได้นำชาวบ้านจัดสร้างขึ้นมา เดิมบริเวณ เป็นป่าพงอยู่ติดต่อกับคลองศาลา จึงได้เรียกว่า “วัดคลองศาลา” ต่อมาถึงสมัยหลวงพ่อคูณ เจ้าอาวาสรูปที่ 3 มีการขุดสระน้ำ นำดินมาพูนขึ้นเป็นเนินสูงเหมือนภูเขา เพื่อใช้เป็นที่สร้างมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทพระพุทธเจ้า 4 องค์ จึงได้เปลี่ยนนามใหม่เป็น “วัดภูเขาดิน” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในราว พ.ศ. 2440 พื้นที่ตั้งวัด เป็นที่ราบสูง มีถนนพระพุทธบาทอยู่ทางทิศตะวันตก
21. อนุสรณ์แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ (Sansak Muangsurin Memorial)
ตั้งอยู่บริเวญสี่แยกคลองชลประทาน ทางเข้าวัดทุ่งสะเดียง ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ หรือ “ไอ้แสบ” แชมป์โลกคนแรกของเพชรบูรณ์ และแชมป์โลกคนที่ 5 ของประเทศไทย … เป็นคนบ้านสะเดียงโดยกำเนิด ชื่อจริงคือ บุญส่ง มั่นศรี ตอนชกมวยไทยอยู่ที่เพชรบูรณ์ใช้ชื่อว่า แสนแสบ เพชรเจริญ
เขาเป็นเจ้าของสถิติ ชกมวยสากล 3 ครั้ง ได้เป็นแชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) รุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท 2 สมัยและสามารถชกป้องกันตำแหน่งได้ถึง 8 ครั้ง ในช่วง พ.ศ. 2518-2521
อนุสรณ์แห่งนี้ ดำเนินการโดยเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์และเชิดชูนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบ้านสะเดียง .. เขาทำให้คนทั้งประเทศไทยรู้จักเพชรบูรณ์