เมืองโบราณมะละกา

(VOVworld) เมื่อเดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย นอกจากการช้อปปิ้งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เที่ยวสวนสนุกที่เก็นติ้งไฮแลนด์หรือไปเที่ยวเกาะลังกาวีแล้ว ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปเที่ยวคือ เมืองโบราณมะละกา ต่อไปนี้ ขอเชิญท่านผู้ฟังร่วมกับนักข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามและกลุ่มของคุณทั้ง ที่มีคุณหว่าและคุณจางไปศึกษาค้นคว้าเมืองแห่งนี่ซึ่งมีฉายาว่า เวนิสแห่งเอเชีย 
(VOVworld) – เมื่อเดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย นอกจากการช้อปปิ้งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เที่ยวสวนสนุกที่เก็นติ้งไฮแลนด์หรือไปเที่ยวเกาะลังกาวีแล้ว ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปเที่ยวคือ เมืองโบราณมะละกา ต่อไปนี้ ขอเชิญท่านผู้ฟังร่วมกับนักข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามและกลุ่มของคุณทั้ง ที่มีคุณหว่าและคุณจางไปศึกษาค้นคว้าเมืองแห่งนี่ซึ่งมีฉายาว่า “เวนิสแห่งเอเชีย”

เมืองโบราณมะละกา - ảnh 1
เนินเขา St.Pauls ซึ่งมีสถาปัตยกรรมของชาวโปรตุเกสบนผืนหน้าสีเขียวกับดอกหญ้าเล็กๆ

เวลาบ่าย 2 โมง ถึงแม้นั่งรถบัสมาเป็นเวลา 3 ชั่วโมง รวมระยะทางกว่า 150 กิโลเมตรจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังเมืองโบราณมะละกา แต่กลุ่มของคุณ ทั้ง ก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อเดินทางถึงเมืองมะละกาซึ่งเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของมาเลเซีย
“เมืองนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เมืองมรดกของมาเลเซีย”
“ผมทราบว่า มะละกามีวัฒนธรรมที่หลากหลายและทุกวัฒนธรรมต่างก็มีสถาปัตยากรรมที่เป็นเอกลักษณ์”
มะละกาเป็นที่รู้จักกันว่า เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์มาเลเซีย เมื่อปี 1396 เจ้าชาย Parameswara ที่ถูกเนรเทศจากสุมาตราได้ก่อตั้งเมืองนี้และพัฒนาเป็นท่าเรือเพื่อให้เรือของพ่อค้าจากจีน อินเดีย ซาอุดิอาระเบียและยุโรปเข้าเทียบท่า การแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการปกครองของประเทศเจ้าอาณานิคม เช่นโปรตุเกส เนเธอร์แลนด์และอังกฤษได้ทำให้มะละกากลายเป็นที่อยู่อาศัยของคนหลายชนชาติและศาสนาต่างต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านวิถีชีวิต สถาปัตยากรรมและศาสนา

เมืองโบราณมะละกา - ảnh 2
จัตุรัสเนเธอร์แลนด์

เส้นทางการศึกษาค้นคว้ามะละกาของกลุ่มคุณทั้งเริ่มจากแม่น้ำมะละกาที่เงียบสงบซึ่งไหลผ่านเมืองมะละกาและแบ่งเมืองแห่งนี้เป็นสองฟากคือฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกโดยมีเรือหลายลำกำลังจอดอยู่ และเพื่อประหยัดเวลา  ทางกลุ่มได้ซื้อตั๋วเรือเพื่อค้นคว้าเวนิสแห่งเอเชียท่ามกลางเสียงดนตรีพื้นเมืองที่ครึกครื้น โดยเรือแล่นผ่านบ้านโบราณที่มีสถาปัตยากรรมของตะวันออกและตะวันตกหลากสีสัน ซึ่งทำให้คุณ จาง รู้สึกว่า เจ้าของบ้านกำลังเล่าเรื่องด้วยภาพประกอบที่มีชีวิตชีวา นั่นอาจจะเป็นความฝันเกี่ยวกับทุ่งหญ้าเขียวขจี งานเทศกาลเชิดสิงโตที่หลากหลายสีสันหรือความทรงจำเก่าๆในอดีตที่สะท้อนบนผนัง “เลียบตามสองฟากฝั่งของแม่น้ำ เราได้สัมผัสกับสถาปัตยากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของมะละกา ตลอดจนศิลปะการวาดภาพกราฟฟิตี้ที่บรรยายเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีและชีวิตประจำวันของคนที่นี่ ดิฉันคิดว่า พวกเขาวาดภาพนี้เพื่อบรรยายถึงวัฒนธรรมและชีวิตประจำวัน และผ่านการล่องเรือชมความงามของสองฟากฝั่งแม่น้ำ นักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมนี้อย่างชัดเจน”
หลังจากล่องเรือชมทัศนียภาพเสร็จ จุดท่องเที่ยวต่อไปของทั้งกลุ่มคือเขตใจกลางทิศตะวันออกของเมืองมะละกาซึ่งเป็นย่านโบราณที่มีสถาปัตยากรรมยุโรป ที่นี่มีจัตุรัสเนเธอร์แลนด์และถนนอัฐสีแดงภายใต้เงาต้นไม้อันร่มรื่น มีเสียงดนตรีของศิลปินที่แสดงที่ริมฟุตบาท มีโบสถ์มะละกาสีแดงมีกังหันลมจำลองที่ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะและบริเวณโดยรอบคือสวนดอกไม้หลากหลายสีสัน คุณ Williem นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์มีความประทับใจเป็นอย่างมากเมื่อเดินทางมาเที่ยวที่นี่เนื่องจากคุณค่าและมรดกที่ชาวเนเธอร์แลดน์ในอดีตที่ได้ทิ้งไว้ให้แก่มะละกาหลังจากปกครองผืนแผ่นดินนี้มาเป็นเวลากว่า 150 ปี“ผมมีความประทับใจกับสิ่งปลูกสร้างและสถาปัตยากรรมเนเธอร์แลนด์ในมะละกา การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเอเชียกับวัฒนธรรมยุโรปได้ทำให้มะละกาดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากและกระตุ้นให้เกิดการอยากศึกษาค้นคว้าสถานที่ท่องเที่ยวอย่างผม”

เมืองโบราณมะละกา - ảnh 3
โบถส์ St.Pauls

หลังจากเดินทางออกจากใจกลางของเมืองมะละกา ทางกลุ่มของคุณทั้งได้เดินทางไปยังเนินเขา St.Pauls ซึ่งมีสถาปัตยกรรมของชาวโปรตุเกสบนผืนหน้าสีเขียวกับดอกหญ้าเล็กๆที่ขึ้นแซมเป็นช่วงๆและท่ามกลางเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว คุณทั้ง คุณหว่าและคุณจาง สามารถนั่งชมเรือที่แล่นเข้าแล่นออกจากท่าเรือได้
เวลา 6 โมงเย็น คุณทั้ง คุณหว่าและคุณจางก็รู้สึกหิวจึงตัดสินใจเดินทางไปยังทิศตะวันตกของเมืองที่เป็นโซนร้านอาหารของชาวจีน โดยได้ลิ้มลองอาหารริมถนนท่ามกลางเสียงยินดีเรียกชักชวนลูกค้าของชาวจีนและวางแผนการเที่ยวยามค่ำคืนในเมืองมะละกาต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด