ศิลปะ คืออะไร

ศิลปะ คืออะไร

“ศิลปะ กับ ความรู้”
ช่วงหลังไม่ค่อยได้เขียนอะไรนานแล้ว วันนี้สมองว่างๆเลยฝึกเขียนบ้างครับ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า

ในยุคปัจจุบัน ที่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีแต่ความรวดเร็วทันใจ และความสะดวกสบายที่แลกมาไ้ด้ด้วยเงิน เด็กๆคุ้นเคยกับการ “จ่ายไปเพื่อได้มา” จนบางครั้งผมมองเห็นบางอย่างของน้องๆว่า ลืมไปหรือเปล่าว่าเราได้รับมาแล้วจริงๆ โดยเฉพาะกับเรื่องการศึกษา เด็กหลายคนคุ้นเคยกับการเรียนพิเศษมาตั้งแต่เกิด การลงทุนของพ่อแม่ด้วยความรักที่มีต่อลูก ยอมที่จะเสียค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเป็นราคาที่สูงมากเพื่อให้การศึกษาแก่ลูก สิ่งที่ผมเห็นคือ เด็กๆหลายคนมักคิดไปเองว่าการเดินเข้าไปในห้องเรียนแล้วเดินออกมาถือเป็นการได้รับความรู้นั้นแล้ว “คุ้มแล้วหล่ะ!!!”

แต่สำหรับการเรียนศิลปะและการออกแบบนั้น ผมไม่คิดว่าจะทำแบบนั้นได้ เพราะไม่ว่าจะได้รับความรู้ที่สุดยอดจากปรมาจารย์ที่เลิศล้ำเพียงใด หากน้องๆไม่นำกลับไป “ฝึกฝนเพื่อให้ได้มาซึ่งวิชา” นั้น น้องๆก็ไม่มีทางที่จะบอกกับตัวเองได้ว่ารับความรู้นั้นมาอย่างแท้จริง สรุปได้ว่าจ่ายเงินค่าเรียนไป กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลยเพราะไม่นำกลับไปฝึกฝนต่อ นั่นคือมีความรู้อย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้วาดรูปเก่งได้นะครับ

เพราะศิลปะและการออกแบบ ไม่เหมือนกับวิชาอื่นๆที่หากจำได้ก็เอาไปกากบาท ก ข ค ง ให้ถูกต้อง ทำถูกก็ได้เกรดดีๆ เรียนจบได้รับปริญญา
ศิลปะหรือการออกแบบนั้นต้องแสดงความเข้าใจนั้นๆออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าเรารู้จริง คงเคยได้ยินคำคมว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” ใช่ไหมครับ นั่นทำให้ปริญญาในการศิลปะและการออกแบบนั้นมีค่าน้อยกว่าผลงานของแต่ละคน ปริญญาในทางนี้มีไว้แค่ยื่นใบสมัครงานได้ ส่วนหากเราอยากได้งานที่ดีๆ เขาจะรับหรือไม่เขาดูกันที่ผลงานของเรามากกว่านะครับ

ด้วยเหตุนี้ ผลงานศิลปะหรือการออกแบบ ในหนังสือเรียนถึงได้เขียนเอาไว้ว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าของสิ่งนั้นๆ (มีออกข้อสอบ)
– ศิลปินทำให้เศษกระดาษ 5 บาทมีราคาแพงเป็นแสนเป็นล้าน
– สถาปนิกทำให้ปูน หิน ดินทราย มีมูลค่ามากกว่าที่มันเป็น
– นักออกแบบทำให้ผู้คนหันมาสนใจในสิ่งที่ผู้คนมองไม่เห็น และสร้างกระแสนิยม

ความรู้เหล่านี้ไม่ใช่แค่ “จ่ายไปเพื่อได้มา” แน่ๆ

“ฝึกฝนเท่านั้นถึงจะได้มา”
( ฝึกฝนในที่นี้ไม่ใช่แค่เพียงใช้แต่แรงกายเท่านั้นนะครับ
ตามสูตรคือ ใจ+แรง+ปัญญา = เก่ง )

บทความที่เกี่ยวข้อง