วัดหนองบัว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ใครมาจังหวัดน่าน ไม่รู้จะไปไหน ก็ขอแนะนำครับ ... การเดินทางจากตัวเมืองน่าน ถ้าเริ่มจากเรือนจำจังหวัดน่านก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที กับระยะทาง 38 กม.โดยประมาณ ถนนหนทางใช้เส้นทางไปอำเภอท่าวังผา ออกจากเมืองไปทางบิ๊กซี จับจีพีเอส ก็สะดวกมากๆ...ใช้เวลาในช่วงวันหยุด หากมาเที่ยวจังหวัดน่าน ชอบบรรยากาศสบาย ๆ ร่มรื่น พร้อมทั้งดูสถาปัตยกรรมการสร้างวัดเก่าแก่ และภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบส์ก็งดงามยิ่ง.... เมื่อแรกเดินทางออกจากบ้านพักเรือนจำ ออกจากเมือง จับจีพีเอสไป สองข้างทางที่ผ่านก็มีสถานที่เช็คอิน และท่องเที่ยวมากมาย เช่นไร่ศรีภิรมย์ สวนหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ เห็นป้าย วนอุทยานผาตูบซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และอีกหลายๆ แห่ง.... ถนนทางที่จะไปวัดหนองบัว ท่าวังผานี้ เป็นถนนลาดยางอย่างดี และเป็นมาตรฐานถนนกว้าง และมี 4 เลนเป็นบางช่วงสำหรับรถที่ทำความเร็ว... เมื่อไปถึงทางเข้าวัด ต้องเข้าไปทางถนนใหญ่ จะเป็นทางเข้าติดกับสะพาน เลี้ยวซ้าย ผ่านเข้าไปอีก ประมาณ 4 กิโลเมตร สองข้างทางท่ีจะไปสู่วัดหนองบัว ก็เป็นชุมชนค่อนข้างหนาแน่น อาจเป็นเพราะ ความเจริญและนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาก ถนนหนทางไปสู่วัดจึงสะดวกสบาย เมื่อไปถึงวัด ด้านหน้าจะมีสถานที่จอดรถ ประมาณ 10กว่าช่อง รองรับรถทัวร์ขนาดใหญ่ได้ ตรงข้ามวัดจะมีร้านผ้าทอ OTOP ของชาวบ้านอยู่ด้านหน้าวัด เป็นการส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านมีรายได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งผ้าทอของอำเภอท่าวังผาก็มีชื่อเสียงไม่น้อย นักท่องเที่ยว มาซื้อไปตัดสวมใส่เพราะราคาถูกและยี่ปั๊วแวะเวียนมาซื้อหาเข้าไปขายในตัวเมืองในราคาสูงอยู่เสมอ เมื่อเดินเข้าไปทางเข้าวัด จะพบซุ้มดนตรีของชาวบ้านที่เล่นสะล้อ ซอ ซึง อยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ชื่อว่าตูบ..ม่วนใจ ซึ่งจะมีนักเที่ยวแวะมาถ่ายรูปและหยอดเงินบริจาคให้กับนักดนตรีอยู่เนือง ๆ ผฒก็มีโอกาสไปแจมกับเค้านิดหน่อย ให้นึกถึงสมัยเป็นนักดนตรีวัยรุ่น พอได้ไปจับซอก็วิญญานนักดนตรีเข้าสิง นั่นเลยเชียว โบสถ์ของวัด มีพระประธานรูปงดงาม โดดเด่นเป็นสง่า ได้เข้าไปกราบท่านด้วยความรู้สึกสุข และสงบในหัวใจอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวก็มาถ่ายรูปกันมากมาย บางคณะก็ส่งเสียงดังเกินสมควร แต่ก็เป็นเรื่องราวปกติธรรมดาสำหรับสังคมสมัยนี้ไปแล้ว ด้านซ้ายของพระประธานมีรูปหล่อครูบาหลวงสุนันต๊ะ องค์ปฐมผู้สร้างวัดหนองบัว ด้านขวาเป็นรูปหล่อพระครูศีลคุณธาดา อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัวและเจ้าคณะอ.ปัว-ท่าวังผา การเข้าไปไหว้จะมีดอกไม้อยู่ในจอกใบตอง ซึ่งจะมีชาวบ้านหรือมัคนายกคนเฝ้าวัดนำมาให้นักท่องเที่ยวบูชา โดยสามารถบริจาคได้ตามศรัทธา...ด้านซ้ายก่อนเข้าโบสถ์ด้านในจะมีระฆังและฆ้องให้นักท่องเที่ยวได้ตี เพื่อให้เป็นศิริมงคล และมีชื่อเสียงโด่งดัง ภายในโบสถ์พระประธาน จะมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณ รูปคล้าย ๆ กระซิบรัก ซึ่งลุงไกด์สูงอายุ ซึ่งมีอายุ 73 ปี ซึ่งอยู่เป็นประจำภายในโบสถ์คอยแนะนำ เรื่องราวต่าง ๆ และเล่าประวัติของวัดให้กับเราได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ ไกด์เล่าว่า วัดนี้สร้างในราวรัชกาลที่ 3 และภาพจิตรกรรมภายในโบสถ์ ได้วาดในสมัยรัชกาลที่ 5 ภาพต่าง ๆ วิจิตรสวยงามและมีเรื่องราวต่าง ๆให้ผู้คนได้ค้นหาความหมายในภาพนั้น ๆ อย่างน่าหลงไหล ออกจากโบสถ์ ถ่ายภาพหน้าโบส์ซึ่งมีสิงห์คู่อยูหน้าโบสถ์ เด่นสง่า รวมถึงจั่วหน้าโบสถ์ก็มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับวัดโดยทั่ว ๆไป ทำให้วัดหนองบัวมีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเดินไปด้านหลังวัด จะมีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นตูบหนานบัวผัน ที่น่าจะหมายถึง ที่พักของนางบัวผัน มีครัว และเครื่องใช้ภายในบ้านครบครัน ซุ้มยินดีต้อนรับสู่ดินแดนไทลื้อ จุดถ่ายภาพ กิ๊ดเติงหาอยู่วอยๆ ห้องน้ำสะอาดสวยงาม ต้นน้ำเต้าซึ่งมีลูกน้ำเต้าอยู่หลายสิบลูก ที่น่าขำและน่าสลดใจไปพร้อมๆ กันคือมีป้ายห้ามขีดเขียนบนลูกน้ำเต้า ทว่า น้ำเต้าทุกลูกล้วนมีรอยขีดเขียน...เฮ้อ คนไทยสมัยนี้.... จุดสุดท้ายคือร้านผ้าทอไทยลื้อ สิบสองปันนา มีผ้าทอมือชาวบ้านชาวไทลื้อ สวยงามมาจำหน่าย ด้านหลังวัด เป็นร้านที่มีผ้าจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าถุง ลายทอสวยงาม สนนราคาก็ตั้งแต่ 900 บาทไปจนถึง 4000 บาท แม่บ้านใจกล้า พอมีอันจะกินก็จะแวะเวียนมาซื้อหาไปตัดเตรียมไว้ใช้ในงานสำคัญๆ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของตัวเองและสามี ...ซึ่งหลังจากภรรยาผมซื้อผ้ามาเสร็จก็รูสึกว่าตัวเองหน้าตาดีขึ้นมาโดยพลัน 555... ใช้เวลาเดินเที่ยวในวัดหนองบัวอยู่ราว ๆ 2 ชั่วโมง ซึมซับบรรยากาศอันร่มรื่นของวัด รวมทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรม พร้อมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจไม่น้อย...ทว่า ท้องเริ่มร้องแล้ว เห็นทีจะต้องจบทริป เที่ยววัดหนองบัวไว้แต่เพียงเท่านี้ อย่าลืมมาเที่ยวกันนะครับ....