วัดจองคำ-กลาง
Highlight
- วัดจองคำ-กลาง เป็นวัดที่มีศิลปะแบบไทใหญ่แบบโดดเด่นและเก่าแก่มากที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ความสวยงามจะอยู่ตอนกลางคืน เพราะวัดจองคำ-กลางจะเปิดไฟประดับสวยมาก สายถ่ายรูปห้ามพลาดเลย ถ้าเป็นช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม จะมีถนนคนเดินอยู่หน้าวัดเลย
1. วัดจองคำ วัดแห่งแรกในแม่ฮ่องสอน
“วัดจองคำ” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอนติดกับหนองจองคำ เป็นหนึ่งในวัดที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมไทใหญ่อย่างชัดเจน และสวยงามที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และในช่วง High season บริเวณหน้าวัดก็เป็นถนนคนเดิน ใครสายกินเที่ยวช็อปไม่ควรพลาด ส่วนใครสายถ่ายรูปก็มาถ่ายไฟประดับองค์พระเจดีย์ได้ ความสวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันเลย สำหรับชื่อ “วัดจองคำ” คำว่า “จอง” ในภาษาไทใหญ่แปลว่าอาคารหลักที่สามารถเป็นทั้งวิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิพระ ที่ทำวัตรเย็น โรงครัว หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับกิจกรรมของวัด ชาวไทใหญ่จะเรียกว่า “จอง” แต่เนื่องจากว่า”จอง”นี้มีการปิดทองคำเปลวสีเหลืองชาวแม่ฮ่องสอนจึงเรียกว่า “วัดจองคำ” นั่นเอง (คำว่า “คำ” ในภาษาตระกูลล้านนา ล้านช้าง แปลว่า Gold ในภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกับคำว่า “ทอง” ในภาษาตระกูลขอม แต่คำไทย เรียกรวมกันว่า “ทองคำ” นั่นเอง )
“วัดจองคำ” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2370 โดย พระยาสิหนาทราชาหรือเจ้าเมืองคนแรกของแม่ฮ่องสอน ต่อมาองค์พระเจดีย์ได้ชำรุดทรุดโทรม จนมีการบูรณะครั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2479 หรือประมาณ 80 ปีมาแล้ว ถึงแม้จะดูเหมือนว่ายังสร้างมาไม่นานหากเทียบกับวัดอื่น ๆในไทย แต่วัดแห่งนี้ก็เป็นแห่งแรกและเก่าแก่มากที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายในวัดมีองค์พระธาตุเจดีย์สีขาวแต่งลายปูนปั้นสีทองด้านบนยอดประดับฉัตรสามชั้น ฐานองค์พระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยม มีมุขสี่ด้าน มุมแต่ละด้านจัดสร้างเป็นองค์พระเจดีย์บริวารขนาดเล็กพร้อมกับรูปปั้นสิงห์ไว้ทั้งสี่มุมใกล้ๆกันทางด้านทิศตะวันออกขององพระเจดีย์ นอกจากนี้ยังมี”ศาลาวิปัสสนา”ที่มีลักษณะหลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น มุงด้วยสังกะสีมีลวดลาย ถ้าจินตนาการไม่ออกก็ดูรูปภาพไปเลย ฮ่า ๆ
วิหารตรีมุขเป็นอันที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโต มีลักษณะเป็นแบบศิลปะแบบไทใหญ่คล้ายกับปราสาท มุงด้วยด้วยสังกะสี เชิงชายประดับด้วยไม้ฉลุ ซึ่งเห็นได้ว่าค่อนข้างแตกต่างจากวัดที่อื่น ๆในประเทศไทยที่วิหารส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะวิหารเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้าหลังคาไม่เกิน 3 ชั้น และทำด้วยอิฐหรือปูน ส่วนสาเหตุที่หลังคาวิหารของศิลปะไทใหญ่เป็นลักษณะยอดปราสาท ก็เพราะคติของชาวไทใหญ่เชื่อว่าปราสาทเป็นของสูง ผู้ที่จะประทับในปราสาทจะต้องเป็นกษัตริย์หรือตัวแทนพระะพุทธศาสนาเท่านั้น
2. วัดจองกลาง วัดคู่หูวัดจองคำ
“วัดจองกลาง” แต่เดิมเป็นเพียงศาลาของวัดจองใหม่ในสมัยก่อน เพื่อให้บุคคลทั่วไปและผู้ที่มาถือศีลปฏิบัติธรรมมาแวะพัก หลังจากนั้นเจ้าอาวาสวัดจองใหม่มรณภาพ ได้มีพระภิกษุชาวพม่ารูปหนึ่งมางานฌาปนกิจของท่านเจ้าอาวาส และมาอาศัยบนศาลาแห่งนี้ ด้วยพระภิกษุชาวพม่ารูปนี้คนในท้องถิ่นให้ความเคารพจึงให้อาศัยอยู่ในศาลาต่อจนกระทั่งปี พ.ศ. 2410 มีคณะผู้จิตศรัทธาได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นแทนศาลาดังกล่าวและเรียกวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างวัดจองใหม่กับจองคำว่า “วัดจองกลาง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 วัดจองกลางและวัดจองคำได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงพร้อม ๆกัน ส่วนใครที่สงสัยว่า “วัดจองใหม่หายไปไหน” คำตอบคือปัจจุบันวัดจองใหม่กลายเป็นโรงเรียนนักธรรมไปแล้ว
3. วัดจองคำ-กลาง มาช่วงเวลาไหนดี
- ตอนเช้า ในช่วงเช้าหน้าหนาวส่วนใหญ่จะมีหมอกปกคลุมเมือง ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับการถ่ายรูปสักเท่าไหร่ แนะนำให้ไปวัดพระธาตุดอยกองมูก่อนแล้วค่อยลงมาถ่ายไอหมอกบนน้ำตรงบริเวณหนองจองคำ (ไอหมอกบนน้ำมีเฉพาะหน้าหนาว)
- ตอนบ่ายถึงเย็น เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการมาเก็บรูปเหมือนกัน แต่แนะนำว่าก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ให้ไปเก็บแสงเย็นบนพระธาตุดอยกองมูจะดีกว่า
- ตอนกลางคืน ไม่ว่าจะสายเที่ยวแบบไหนก็ไม่ควรพลาดตอนกลางคืนเด็ดขาด เพราะในตอนกลางคืนองค์พระเจดีย์จะเปิดไฟประดับสวยงามมาก ใครชอบถ่ายรูปไฟแฉกๆ เตรียมขาตั้งต้องมาโลดได้รูปกลับบ้านแน่นอน ส่วนใครสายเที่ยวกินช็อปก็มาถนนคนเดินได้เลย มีของขายให้เลือกชิมเลือกซื้อเพียบ แต่ถนนคนเดือนจะมีเฉพาะช่วงเดือน ต.ค. – มี.ค. เท่านั้นนะครับ
ส่วนมาวัดมาฤดูไหนผมก็ว่ามันก็คล้ายๆกัน แต่ถ้าพูดถึงถ่ายรูปวัดเอาแบบสวยๆ ก็คงต้องพื้นหลังท้องฟ้าต้องเป็นสีฟ้า ซึ่งแน่นอนโอกาสที่เราจะพบท้องฟ้าสีฟ้าได้มากที่สุด ก็ต้องเป็นฤดูหนาว เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่แม่ฮ่องสอนฝนตกน้อยที่สุด ถ้าโชคดียังมีโอกาสเจอไอหมอกบนผิวน้ำบริเวณหนองจองคำด้วย ดังนั้นสรุปสั้นๆเลยละกัน มาฤดูหนาวช่วงเช้าถึงสายๆ
