เป็นโบราณสถานคู่บุญแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนที่ควรมาเที่ยวมาศึกษาประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูนซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมดทั้งเรื่องช้างอีกทั้งยังมาไหว้พระขอพรได้อีกด้วย
[ใหม่ล่าสุด] แพ็คเกจรหัสโปรโมชั่นของเดือนนี้
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนลำพูน นิยมมาขอพร มีศาลเจ้าพ่อกู่ช้าง ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ค่ะ ใครมีโอกาสไปเที่ยวต้องไปขอพรค่ะ 🙏🙏🙏
กู่ช้าง เป็นโบราณสถาน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เมื่อต้องการ สมหวังในสิ่งใด ก็มักจะมา ขอพรกันที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งโบราณสถานที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ตลอดจนเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของคนในชุมชน
ตามประวัติความเป็นมาของกู่ช้าง กล่าวกันว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุซากของพระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย ตามประวัติกล่าวว่า เป็นช้างที่มีฤทธิเดชมาก กล่าวกันว่า เมื่อช้างเชือกนี้หันไปทางศัตรู จะทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทันที เมื่อช้างเชือกนี้ลมลงจึงมีการสร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุซากของช้าง โดยให้ซากของช้างหันหน้าขึ้นไปบนอากาศ ส่วนงาทั้งคู่ของช้างเชือกนี้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในสถูปที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีที่วัดจามเทวี คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฎความมีฤทธิ์เดชของช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” จึงได้ฝังซากช้างโดยหันหัวช้างและงาช้างชี้ขึ้นทางด้านบน ดังนั้นตามตำนานเล่าขานนี้ จึงบ่งบอกว่างาช้างทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่ สุวรรณจังโกฏ แต่ยังติดอยู่ที่ซากของช้าง ใน กู่ช้าง นั่นเอง…กู่ช้างเป็นปูชนียสถานที่ประชาชนชาวลำพูนให้ความเคารพสักการะและเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมากถึงกับมีการสร้างศาลเจ้าพ่อกู่ช้างขึ้นใกล้กับองค์สถูป ต่อมาทางกรมศิลปกรได้มาบูรณะให้มีสภาพที่สมบูรณ์และได้ย้ายศาลเจ้าพ่อกู่ช้างออกไปห่างจากสถูปพอสมควรนอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสภูปอีกหนึ่งองค์ ชื่อว่า กู่ม้า เป็นสถูป ที่บริเวณองค์ของสถูปนั้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ปลายมน เหนือองค์สถูปมีแท่นคล้ายบัลลังก์ของเจดีย์ทั่ว ๆ ไป
กู่ช้าง กู่ม้า ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญ แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ตั้งอยู่ในตัวเมืองของจังหวัดลำพูน เป็นศูนย์รวมศรัทธาความเชื่อ ที่มีคนมาขอพร บนบาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมปรารถนา นอกจากการทำบุญแล้ว นิยม บนด้วยหัวหมูเพื่อให้สมปรารถนากันค่ะ
กู่ช้าง กู่ม้า เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่คู่กัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เมื่อต้องการ สมหวังในสิ่งใด ก็มักจะมา ขอพรกันที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งโบราณสถานที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ตลอดจนเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของคนในชุมชน ด้วยความเชื่อว่าเป็นสุสานช้างศึก - ม้าศึก คู่บารมีของพระนางจามเทวี กู่ช้าง ตามตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุซากพระยาช้าง ชื่อ ปู่ก่ำงาเขียว หมายถึงช้างสีคล้ำ งาสีเขียว เป็นช้างคู่บารมีของ พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ปู่ก่ำงาเขียวเป็นช้างที่มีฤทธิ์มาก เมื่อออกศึกสงคราม เพียงแค่ช้างหันหน้าไปทาง ศัตรู ก็ทำให้ศัตรูอ่อนแรงลงได้ หลังจากช้างปู่ก่ำงาเขียวล้มเมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 พระนางจามเทวีโปรดให้นำซากช้างมาฝังไว้ที่นี่ และเนื่องจากเมื่อยังมีชีวิตอยู่เป็นช้างที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ หากงาช้างชี้ไปทางใด ก็จะทำให้เกิดภัยพิบัติและผู้คนล้มตาย พระนางจึงโปรด ให้สร้างเจดีย์ทรงสูงครอบไว้โดยให้ปลายงาชี้ขึ้นฟ้า กู่ช้าง เป็นเจดีย์ฐานเขียงกลม ซ้อนเหลื่อมกันขึ้นไปห้าชั้น รองรับฐานบัวคว่ำ องค์ระฆังเป็นทรงกลม แต่จะยืดสูงขึ้นไปกว่าปกติ ลักษณะคล้ายทรงกรวยก่อด้วยอิฐสูง ประมาณ 30 เมตร ยอดเจดีย์ไม่แหลมอย่างเจดีย์ทั่วไป แต่เป็นยอดตัดมีปล่องคล้ายบ่อน้ำด้านบน ลักษณะคล้าย เจดีย์บอบอคยีใน อาณาจักรพยู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของพม่า และ เจดีย์ง๊ะจเวนะตาว ในเมืองพุกาม และเจดีย์บริวารรอบๆ เจดีย์มหาโพธิ์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย สันนิษฐานได้ว่ากู่ช้างได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์แบบพม่ากู่ม้า ตั้งอยู่ด้านหลังกู่ช้าง เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุซากม้าทรงของพระเจ้ามหันตยศ พระราชโอรสของพระนางจามเทวี ฐานสี่เหลี่ยม องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนยอดหักพังทลายลงไปแล้ว ด้านหน้าโบราณสถานกู่ช้างกู่ม้านี้ เทศบาลเมืองลำพูนได้ปรับปรุงให้เป็นสถานที่ พักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชน
เป็นโบราณสถานคู่บุญแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนที่ควรมาเที่ยวมาศึกษาประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูนซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมดทั้งเรื่องช้างอีกทั้งยังมาไหว้พระขอพรได้อีกด้วย
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนลำพูน นิยมมาขอพร มีศาลเจ้าพ่อกู่ช้าง ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ค่ะ ใครมีโอกาสไปเที่ยวต้องไปขอพรค่ะ 🙏🙏🙏
กู่ช้าง เป็นโบราณสถาน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เมื่อต้องการ สมหวังในสิ่งใด ก็มักจะมา ขอพรกันที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งโบราณสถานที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ตลอดจนเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของคนในชุมชน
ตามประวัติความเป็นมาของกู่ช้าง กล่าวกันว่า สถานที่แห่งนี้เป็นที่บรรจุซากของพระยาช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” ซึ่งเป็นช้างทรง คู่พระบารมีของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสแฝด ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์องค์แรกของนครหริภุญไชย ตามประวัติกล่าวว่า เป็นช้างที่มีฤทธิเดชมาก กล่าวกันว่า เมื่อช้างเชือกนี้หันไปทางศัตรู จะทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทันที เมื่อช้างเชือกนี้ลมลงจึงมีการสร้างสถูปขึ้นเพื่อบรรจุซากของช้าง โดยให้ซากของช้างหันหน้าขึ้นไปบนอากาศ ส่วนงาทั้งคู่ของช้างเชือกนี้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในสถูปที่เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีที่วัดจามเทวี คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฎความมีฤทธิ์เดชของช้าง “ผู้กล่ำงาเขียว” จึงได้ฝังซากช้างโดยหันหัวช้างและงาช้างชี้ขึ้นทางด้านบน ดังนั้นตามตำนานเล่าขานนี้ จึงบ่งบอกว่างาช้างทั้งคู่ไม่ได้อยู่ที่ สุวรรณจังโกฏ แต่ยังติดอยู่ที่ซากของช้าง ใน กู่ช้าง นั่นเอง…กู่ช้างเป็นปูชนียสถานที่ประชาชนชาวลำพูนให้ความเคารพสักการะและเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมากถึงกับมีการสร้างศาลเจ้าพ่อกู่ช้างขึ้นใกล้กับองค์สถูป ต่อมาทางกรมศิลปกรได้มาบูรณะให้มีสภาพที่สมบูรณ์และได้ย้ายศาลเจ้าพ่อกู่ช้างออกไปห่างจากสถูปพอสมควรนอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสภูปอีกหนึ่งองค์ ชื่อว่า กู่ม้า เป็นสถูป ที่บริเวณองค์ของสถูปนั้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ปลายมน เหนือองค์สถูปมีแท่นคล้ายบัลลังก์ของเจดีย์ทั่ว ๆ ไป
กู่ช้าง กู่ม้า ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญ แห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ตั้งอยู่ในตัวเมืองของจังหวัดลำพูน เป็นศูนย์รวมศรัทธาความเชื่อ ที่มีคนมาขอพร บนบาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมปรารถนา นอกจากการทำบุญแล้ว นิยม บนด้วยหัวหมูเพื่อให้สมปรารถนากันค่ะ
กู่ช้าง กู่ม้า เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่คู่กัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งที่ชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือ เมื่อต้องการ สมหวังในสิ่งใด ก็มักจะมา ขอพรกันที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นทั้งโบราณสถานที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ตลอดจนเป็น ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของคนในชุมชน ด้วยความเชื่อว่าเป็นสุสานช้างศึก - ม้าศึก คู่บารมีของพระนางจามเทวี กู่ช้าง ตามตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุซากพระยาช้าง ชื่อ ปู่ก่ำงาเขียว หมายถึงช้างสีคล้ำ งาสีเขียว เป็นช้างคู่บารมีของ พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ปู่ก่ำงาเขียวเป็นช้างที่มีฤทธิ์มาก เมื่อออกศึกสงคราม เพียงแค่ช้างหันหน้าไปทาง ศัตรู ก็ทำให้ศัตรูอ่อนแรงลงได้ หลังจากช้างปู่ก่ำงาเขียวล้มเมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 พระนางจามเทวีโปรดให้นำซากช้างมาฝังไว้ที่นี่ และเนื่องจากเมื่อยังมีชีวิตอยู่เป็นช้างที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ หากงาช้างชี้ไปทางใด ก็จะทำให้เกิดภัยพิบัติและผู้คนล้มตาย พระนางจึงโปรด ให้สร้างเจดีย์ทรงสูงครอบไว้โดยให้ปลายงาชี้ขึ้นฟ้า กู่ช้าง เป็นเจดีย์ฐานเขียงกลม ซ้อนเหลื่อมกันขึ้นไปห้าชั้น รองรับฐานบัวคว่ำ องค์ระฆังเป็นทรงกลม แต่จะยืดสูงขึ้นไปกว่าปกติ ลักษณะคล้ายทรงกรวยก่อด้วยอิฐสูง ประมาณ 30 เมตร ยอดเจดีย์ไม่แหลมอย่างเจดีย์ทั่วไป แต่เป็นยอดตัดมีปล่องคล้ายบ่อน้ำด้านบน ลักษณะคล้าย เจดีย์บอบอคยีใน อาณาจักรพยู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของพม่า และ เจดีย์ง๊ะจเวนะตาว ในเมืองพุกาม และเจดีย์บริวารรอบๆ เจดีย์มหาโพธิ์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย สันนิษฐานได้ว่ากู่ช้างได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์แบบพม่ากู่ม้า ตั้งอยู่ด้านหลังกู่ช้าง เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุซากม้าทรงของพระเจ้ามหันตยศ พระราชโอรสของพระนางจามเทวี ฐานสี่เหลี่ยม องค์เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ส่วนยอดหักพังทลายลงไปแล้ว ด้านหน้าโบราณสถานกู่ช้างกู่ม้านี้ เทศบาลเมืองลำพูนได้ปรับปรุงให้เป็นสถานที่ พักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชน