top of page

การสะท้อนของคลื่น  ( Reflection Wave ) 

              เกิดขึ้นเมื่อคลื่นเดินทางไปพบสิ่งกีดขวางหรือพบรอยต่อระหว่างตัวกลางแล้วคลื่นที่วิ่งกลับในตัวกลางเดิม เรียกว่าคลื่นสะท้อน   คลื่นสะท้อนจะมีลักษณะเดียวกับคลื่นตกกระทบ

ในการสะท้อนของคลื่นทำให้เกิดปรากฎการณ์ต่างๆ ขึ้นมากมาย ขึ้นอยู่กับชนิดของคลื่น ตัวกลาง และวัตถุที่ทำให้คลื่นสะท้อน

โดยมีอยู่ 2 ชนิด.​

1. การสะท้อนที่ปลายอิสระ (Free End)  คลื่นสะท้อนจะมีเฟสเดียวกับคลื่นตกกระทบ 

2. การสะท้อนที่ปลายตรึง (Fix End)  คลื่นสะท้อนจะมีเฟสตรงข้ามกับคลื่นตกกระทบ 

ตัวอย่างการสะท้อนของคลื่น

1. การสะท้อนของคลื่นน้ำ

      เนื่องจากโมเลกุลของน้ำไม่ถูกยึดติดกับผิวสะท้อน(เป็นปลายอิสระ) ดังนั้นคลื่นสะท้อนจึงมีเฟสคงเดิม

รูปแสดงสถาณการณ์จำรองการสะท้อนของผิวน้ำ

1.1. การสะท้อนของคลื่นหน้าตรง กับ ผิวสะท้อนหน้าตรง ได้คลื่นสะท้อนหน้าตรง

1.2. การสะท้อนของคลื่นหน้าวงกลมกลม กับ ผิวสะท้อนตรง ได้คลื่นหน้าวงกลม

1.3. การสะท้อนของคลื่นหน้าตรง กับ ผิวสะท้อนโค้งนูน ได้คลื่นหน้าวงกลม

1.4. การสะท้อนของคลื่นหน้ากลม กับ ผิวสะท้อนโค้งนูน ได้คลื่นหน้าวงกลม

1.5. การสะท้อนของคลื่นหน้าตรง กับ ผิวสะท้อนโค้งเว้า ได้คลื่นหน้าตรง

2. การสะท้อนของเส้นเชือกต่อกัน

 

คลื่นจากเชือกเส้นเล็กไปยังเชือกเส้นใหญ่  จะสะท้อนกลับมีเฟสตรงกันข้ามและแอมปลิจูดลดลง

คลื่นจากเชือกเส้นใหญ่ไปยังเชือกเส้นเล็ก  จะสะท้อนกลับมีเฟสเหมือนเดิมและแอมปลิจูดลดลง

กฎการสะท้อนของคลื่น ( Reflection Wave Law )

1. มุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อนเสมอ
 

2. รังสีตกกระทบ เส้นปกติ รังสีสะท้อน อยู่ในระนาบเดียวกัน.​

ผลของการสะท้อนที่ควรทราบ

1. ความถี่ของคลื่นสะท้อนมีค่าเท่ากับความถี่ของคลื่นตกกระทบ

2. อัตราเร็วและความยาวคลื่นของคลื่นสะท้อนมีค่าเท่ากับอัตราเร็วและความยาวคลื่นของคลื่นตกกระทบ
 

3. ถ้าการสะท้อนไม่สูญเสียพลังงาน  จะได้แอมพลิจูดของคลื่นสะท้อนมีค่าเท่ากับแอมพลิจูดของคลื่นตกกระทบ

bottom of page