“ผมชอบคำว่า Magician เพราะแสดงถึงความลึกลับและความมหัศจรรย์ ไม่ใช่คนที่สร้างภาพลวงตาหรือภาพมายาให้คนจับไม่ได้”

ชายหนุ่มในเชิ้ตสีดำอธิบาย เขาสุขุม ลึกลับ และน่าค้นหาอย่างที่คาดเดาเอาไว้

เรากำลังนั่งอยู่ตรงหน้า บุณยกร คุณวัฒนาการ หรือ แพทริค คุณ นักมายากลไทยระดับโลกผู้อยู่ในวงการมาแล้วกว่า 20 ปี เป็นผู้ช่วยและผู้ออกแบบโชว์ให้กับนักมายากลระดับโลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ (David Copperfield)

แพทริคเคยเข้าแข่งขันในเวทีใหญ่อย่าง America’s Got Talent มาถึง 2 ครั้ง แต่ครั้งแรกมีเหตุให้เทปไม่ได้ออน เขาจึงกลับไปตามคำชวนอีกครั้งในปี 2021 เพื่อถ่ายรายการซีซัน 16 ก่อนจะกลายเป็นทั้งไอดอลและผู้เปิดประตูให้คนไทยเข้าใกล้มายากลยิ่งขึ้น

โลกของแพทริคคือสถานที่ลี้ลับขนาดเล็กที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง เป็นเหมือนมิติคู่ขนานที่สาดสีสันข้ามมายังโลกสีเทาของเรา นี่คือดินแดนที่มีประชากรเพียงน้อยนิดจาก 7 พันล้านคน แทบไม่มีทางที่คุณจะได้เดินสวนกับนักมายากลตัวเป็น ๆ ในชีวิตประจำวัน (หรือจะต้องแอบเข้าไปในการประชุมนักมายากลนานาชาติที่ลอนดอน)

แพทริคสปอยล์ให้เราฟังว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามยุคสมัย พัฒนากลจากการเสกกระต่ายออกจากหมวก แยกชิ้นส่วนมนุษย์ สู่การลอยตัวเหนือพื้นดิน และหายตัวจากเครื่องพันธนาการสุดอันตราย โดยไอเดียและอุปกรณ์ของพวกเขายังมีการซื้อขายในตลาด

นี่คือเส้นทางที่ใครอยากเดินต้องรักษาความลับให้เป็น แต่แพทริคจะเปิดเผยบางส่วนให้เราฟังในวันนี้

The Whole New World
The new magical point of view

คุณเดินทางอยู่ในโลกมายากลมา 21 ปีแล้ว เทคนิคการเล่นต่าง ๆ ก็มีคนเห็นเยอะ คิดว่าจะมีโอกาสถึงทางตันบ้างไหม

พล็อตจริง ๆ ของโชว์มีแค่ไม่กี่อย่าง การทำของหาย การเสกสิ่งของ การเคลื่อนย้าย ทะลุ ลอย เป็นต้น แต่อุปกรณ์และเทคนิคใหม่คือสิ่งที่ทำให้โลกแห่งนี้ยังเดินหน้า เรามีไพ่แค่ 52 ใบ แต่ทุกวันนี้คนก็ยังเล่นกับมันโดยมีท่าและเทคนิคใหม่ ๆ มาให้ว้าวตลอด (สลับไพ่ในมือเล่นอย่างคล่องแคล่ว)

ศิลปะด้านมายากลเหมือน Special Effect ยิ่งคนเห็นกลมาก ยิ่งต้องพัฒนาตามความคาดหวัง

อะไรคือสิ่งแรกที่คุณตื่นเช้าขึ้นมาทำ

ผมตื่นเช้ามาดูอีเมล ดูเว็บไซต์มายากลว่ามีอะไรใหม่ ๆ บ้าง ยิ่งมายากลเป็นเรื่องของการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ให้เกิดขึ้นจริง ทำยังไงให้เดินทะลุกระจก ทำยังไงให้เราไปโผล่ 2 ที่ในเวลาเดียว การเห็นสิ่งที่เมื่อสิบยี่สิบปีก่อนยังคิดไม่ออก แต่วันนี้มีคนคิดออกแล้ว มันทำให้ผมตื่นเต้นและอยากเรียนรู้

เว็บไซต์ที่คุณพูดถึงแตกต่างจาก Magic Shop ขายไพ่ ขายเหรียญ ขายคทายืดหดอย่างไร

ตลาดเรามีสิ่งที่จริงจังมากกว่า เป็นที่ที่คนตีพิมพ์ไอเดียขายสำหรับมืออาชีพ เราซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำมาแสดงได้ การคิดกลใหม่ต้องทำการบ้านก่อนว่าไม่ซ้ำ ถ้าซ้ำต้องขออนุญาตก่อนตีพิมพ์ 

ตลาดในโลกของคุณถือว่าขนาดใหญ่ไหม คนนอกเข้าไปซื้อขายด้วยได้หรือเปล่า

สำหรับโลกมายากลเองคือตลาดใหญ่ แต่ถ้าเทียบกับอย่างอื่นในโลกนี้มันน้อยมาก เราเป็นตลาดปิด ไม่โปรโมต เพราะอยากแชร์ไอเดียในกลุ่มที่สนใจจริง ๆ ยากเหมือนกันที่เราอยากตีตลาดขายของ แต่ก็ต้องปกป้องความลับของมันไม่ให้กระจายเกินไปด้วย

คุณเคยซื้อกลราคาสูงสุดเท่าไหร่

แพงสุดประมาณ 3 แสนบาท แต่ล่าสุดซื้อมาเกือบ 2 แสน เป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ คนขายอยากปกป้องไอเดียให้ตกอยู่ในมือของคนที่ต้องการเท่านั้น เลยขายให้เฉพาะมืออาชีพหรือคนที่เชื่อใจได้ว่าเอาไปใช้งานได้จริง ไม่งั้นต้องคุยจนกว่าเขาอนุญาตถึงจะได้ลิงก์ซื้อมา สินค้าชิ้นนี้เลยมีแค่ 100 คนทั่วโลกที่มี

แล้วพวกคุณมีนัดรวมตัวกันบ้างไหม ทำหรือคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

ในวงการแทบจะรู้จักกันทุกคน เพื่อนมาโชว์ให้ดูเพื่อขอฟีดแบ็ก แฟนผมเขาเจอนักมายากลเยอะก็มีเบื่อบ้าง (หัวเราะ) เพราะคุยกันแต่เรื่องมายากลจนดึกดื่น

ล่าสุดเรามีการประชุมนักมายากลที่ลอนดอน ผู้เข้าร่วมประมาณ 5,000 คน ผู้ชาย 95 เปอร์เซ็นต์ อาทิตย์หนึ่งเล่นแต่มายากล แต่ละคนก็จะคิดค้นกลเพื่อหลอกกันเอง แบบที่แกะเทคนิคไม่ได้

จุดนี้เลยทำให้ผมเห็นว่า ที่ไทยคนยังไม่เยอะ แหล่งเรียนรู้ก็ไม่เยอะ เลยไม่ได้เห็นมากเท่าต่างประเทศ ไม่มีการประชุม ไม่มีนักมายากลดังมาเลกเชอร์ เราก็เลยพัฒนาได้ไม่ไกลหรือเร็วเท่าเขา

I’ve come so far 
I can’t go back to where I used to be

ย้อนกลับไปสมัยประถม ความชอบของคุณเริ่มต้นจากการดูมายากลที่มาแสดงในโรงเรียน แต่อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณลงมือฝึกอย่างจริงจัง

ผมมีเพื่อนคนไทยมาเล่นกลไพ่ให้ดูต่อหน้า เป็นโชว์ Close-up ที่ผมขอให้เขาสอน เขาก็สอนจนผมก็ตกหลุมรักและหมกมุ่นกับมัน

ผมเกิดที่สหรัฐฯ มาโตที่ไทย และกลับไปสหรัฐฯ อีกทีตอนอายุ 15 ปี ช่วงที่อยู่นู่น ผมเสิร์ชหาช่องทางในการเรียนมายากล ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มียูทูบ จนไปเจอ Magic Shop ออนไลน์ร้านหนึ่ง ก็เลยใช้เครดิตการ์ดแม่ซื้อ เอามาซ้อมเล่น

ตอนที่คุณเริ่มหมกมุ่น คิดเอาไว้เลยหรือเปล่าว่าจะต้องโตมาเป็นนักมายากลแน่ ๆ

ผมไม่เคยคิดจะเล่นเป็นอาชีพ ผมก็แค่ชอบและสนุกจนกลายมาเป็นอาชีพ ผมเชื่อว่าพ่อแม่ คนรอบข้างก็คงคิดว่ามันไร้สาระ ไม่มีใครผลักดัน พวกเขาต่อต้านมากกว่า 

ผมลองมาหมดแล้ว ซ้อมเทนนิสทุกวัน ร้องเพลง เล่นดนตรี เต้น แต่มันก็ไม่ใช่ มีแค่มายากลที่เล่นแล้วรู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่น มันคือพรสวรรค์ที่ทำให้ผมสนุกจนถึงทุกวันนี้

คุณเคยบอกว่าเสียเวลามหาศาลไปกับมายากล เคยมีช่วงไหนที่ท้อจนอยากหยุดบ้างไหม

ผมไม่เคยท้อกับมายากล แต่ท้อกับอาชีพ ผมได้ทำงานกับ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ อยู่ 1 ปี เป็นที่ปรึกษา แนะนำ และดีไซน์โชว์ให้เขา จากเมื่อก่อนที่ไม่ได้อยากเป็นนักแสดง ก็มีไปงานรายการทีวีมากขึ้น ได้ไปอังกฤษ บราซิล และหลายประเทศ

จนวันหนึ่งก็คิดว่า งานพวกนี้แม้เงินจะดีแต่ไม่มั่นคง เพราะเป็นโปรเจกต์ที่ไม่ได้มีตลอด

ผมเลยกลับมาสมัครงานประจำเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในเอเจนซี่ มันเสถียร แต่แพสชันด้านมายากลไม่หายไป จนผมตัดสินใจบอกหัวหน้าว่าผมอยากให้โอกาสความชอบนี้อีกครั้ง ขอลา 2 เดือนได้ไหม พอดีมีงานที่อังกฤษติดต่อมา เขาให้เงินเดือน 4 เท่า แต่สิ่งสำคัญคือผมจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ 

ผมหน้าด้านขอเขา ซึ่งหัวหน้าใจดีมาก เขาเห็นมาตลอดว่าเรามีแพสชันด้านนี้ เขาบอกให้ผมไปทำตามสิ่งที่ต้องการ ระหว่างนี้จะหาเด็กฝึกงานมาทดแทนก่อน 2 เดือน คุณกลับมาก็ยังมีตำแหน่งให้เหมือนเดิม ผมดีใจมากจะร้องไห้ แต่ปรากฏว่างานนานกว่าที่คิดจนต้องขอลาออกจริง ๆ หลังจากนั้นผมกลับไปออฟฟิศ ทุกคนปรบมือ ยินดีที่ผมได้ทำสิ่งที่ชอบ

ตอนนี้คุณประสบความสำเร็จแล้ว ทางครอบครัวคงหายห่วงแล้วใช่ไหม

แม่ก็ยังเป็นห่วงเหมือนเดิมว่ามีเงินใช้ไหม (หัวเราะ) เพราะแม้จะประสบความสำเร็จแต่ไม่ใช่งานประจำ ผมทำงานประจำนานสุดแค่ 7 เดือน ที่เหลือฟรีแลนซ์หมดเลย

แต่คุณไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่เลือกทางเดินนี้ใช่ไหม

ผมแฮปปี้กับสิ่งที่เลือก ตอนไปกับ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผมได้เข้าสู่วงการ ถ้าไม่ได้ไป ผมคงไปเรียนต่อโท เป็นอาจารย์สอนดีไซน์เพราะเรียนด้านนี้มา แต่ America’s Got Talent ถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเหมือนกัน เพราะทำให้ผมมีโปรไฟล์

Behind the scenes of
America’s Got Talent

คุณบอกเราว่าคุณเคยไปแข่ง America’s Got Talent มาแล้ว 2 ครั้ง แต่เทปแรกในปี 2019 มีเหตุให้ไม่ได้ออนแอร์ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น 

ทางรายการติดต่อให้ผมไปออดิชันตั้งแต่ตอนยังไม่ค่อยมีผลงาน ครั้งนั้นเขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา จนอีกปีผมเริ่มมีผลงาน เขาก็ชวนอีก เราคุยกันเป็นปี เพราะเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน

ก่อนไปถ่ายเราต้องลิสต์ว่าฉาก 1 – 4 เราจะเล่นอะไรบ้าง เขาอยากเห็นว่าเรามีความสามารถที่จะเล่นไปจนจบได้ ต้องขายไอเดีย และในแต่ละรอบต้องเล่นกลสเกลใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งความท้าทายคือโชว์มีจำกัด หลายคนเคยเล่นไปแล้ว เราต้องคิดสิ่งที่แปลกใหม่เสมอ

ปี 2019 ผมได้มาแล้ว 4 ผ่าน แต่ทางนั้นบอกว่าถึงจะผ่านก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้ออนแอร์ ผมทุ่มทุกอย่างให้กับมัน คิดว่าโชว์นี้จะเปลี่ยนชีวิต ยกเลิกงาน โฟกัสกับสิ่งนี้ 3 – 4 เดือน ถ่ายคลิปซ้อม เขียนสคริปต์ ส่งไปจนเขาโอเค แต่ปกติรายการเหล่านี้อาจจะแคสต์ไว้ก่อนแล้วค่อยมาเลือกอีกที กรรมการก็ให้ผ่านไว้ก่อนสำหรับโชว์ที่ดูโอเค

เท่าที่ผมศึกษา ทุกปีจะมีแพตเทิร์นนักมายากลอยู่ประมาณ 3 – 4 คน คาแรกเตอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วตอนนั้นมีคนเอเชียอยู่ 2 – 3 คน คนหนึ่งเพิ่งได้แชมป์มาจากรายการอื่น ถ้าผมเป็นโปรดิวเซอร์ก็คงเลือกคนนั้น เพราะดีต่อรายการมากกว่า พอถ่ายเสร็จเขาบอกว่าอย่าเพิ่งลงคลิปจนกว่าจะบอกว่าโอเค พอเขาบอกโอเค เราก็เลยโปรโมตไป เพื่อน ๆ แฟนคลับก็รอดู แต่สุดท้ายเทปผมไม่ถูกเลือกก็เลยเฟล

นั่นเป็นอีกสาเหตุให้ผมกลับไทย เพราะเบื่อแล้วสหรัฐฯ มันไม่สุดสักที

แต่คุณก็ยังไปอีกในซีซัน 16 และคราวนี้ชื่อของคุณก็โด่งดังขึ้นมา

ที่สหรัฐฯ ติดต่อมาอีก ผมกลัวเฟล แต่คิดว่าถ้าไม่ไปรอบนี้ก็คงไม่ได้ไปแล้ว 

ช่วงโควิด-19 ผมคุยกับเขา 3 – 4 เดือน ครั้งนี้ผมมีผลงานให้ดูเยอะเลย ซึ่งความแปลกคือปกติรายการใหญ่ ๆ เขาจะไม่เอาไพ่เพราะเห็นมาจนเบื่อ แต่โปรดิวเซอร์บอกว่าผมควรเล่นไพ่ เพราะเป็นเนเจอร์ของผม แล้วเขาเห็นผมเล่นสไตล์คล้ายกับแชมป์คนหนึ่ง แต่คนนั้นเขามีโต๊ะพิเศษ ซึ่งของผมไม่มี เล่นตรงไหนก็ได้ มาตัวเปล่า เขาเลยให้ผมขายคาแรกเตอร์นี้ไป

ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะถ่ายคลิปส่งไปและทางนั้นเขาโอเค ผมบินไปถ่ายที่สหรัฐฯ โควิดระบาดหนักจนไปไหนไม่ได้ ถ้าติดโควิดแล้วถ่ายไม่ได้คือจบ ผมต้องไปกักตัว 2 อาทิตย์ เพื่อถ่าย 3 วัน

จำได้ว่าตอนอยู่บนเวทีเหมือนวิญญาณหลุดออกไป ร่างกายขยับเอง พอเดินออกมาหลังเวที อ้าว เสร็จแล้ว ตอนถ่ายเสร็จก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ออนไหม แต่พอมาเห็นข่าวว่าออนแล้วก็ดีใจมาก ๆ

หลังจากเทปออนแอร์ไป คุณก็ดังเลยใช่ไหม

ตอนไปแข่ง น้อยคนจะรู้ว่าผมเป็นคนไทย ผมจะบอกว่ามาจาก Bangkok, Thailand เพราะอยากพรีเซนต์ประเทศไทย แต่ทางรายการบอกให้ผมบอกว่าเกิดที่ Pittsburgh, Pennsylvania เพื่อดูเป็นเอเชียน-อเมริกัน ถ้าผมได้บอกว่าเป็นคนไทย ที่ไทยอาจจะฮือฮามากกว่านั้น

จนวันหนึ่งมีคนในทวิตเตอร์บอกว่าผมเป็นคนไทยก็เลยบูมขึ้นมา

ถือว่า America’s Got Talent คือเวทีใหญ่ที่สุดในชีวิตคุณแล้วหรือเปล่า

ด้านโปรไฟล์น่าจะเป็นเวทีใหญ่ที่สุด แต่ไม่ได้ชาเลนจ์ที่สุดในสายอาชีพ

ก่อนหน้านี้ผมมีทั้ง Thailand’s Got Talent, Italia’s Got Talent, Asia’s Got Talent และ Britain’s Got Talent 5 – 6 รายการติดต่อมา แต่ความฝันผมคือ America’s Got Talent เพราะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่สุดในโลก ผมปฏิเสธไปหมดเพื่อเสี่ยงเอาเวทีนี้

ที่บอกว่าไม่ใช่เวทีที่ท้าทายที่สุด งั้นสำหรับคุณคืองานไหน

ถ้าความตื่นเต้นคือการอยู่เกินคอมฟอร์ตโซนของเรา น่าจะเป็นงาน King Power Celebration 2023 Have a New Bestination ปกติผมถนัดการเล่น Close-up แต่ครั้งนี้เขาต้องการเล่นใหญ่ เสกคนออกมาจากกล่อง LED พิเศษ จุดพลุ ทุกอย่างครีเอตใหม่หมด ซึ่งหลายคนไม่อยากทำอะไรใหม่ เพราะโอกาสพลาดสูง แต่ผมสนุกนะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก

แล้วมีงานไหนที่สเกลใหญ่ในแง่โปรดักชันหรือผู้ร่วมงานบ้างไหม

เมื่อเดือนธันวาคม ผมได้ไปถ่ายรายการทีวีสเปเชียล 2 ชั่วโมงที่ญี่ปุ่น เขาเชิญผมไปเป็น Main Star ออนแอร์ในช่อง Fuji TV อันนั้นน่าจะใหญ่สุด เพราะมีทีมงานเป็นร้อยคนที่พร้อมทุ่มให้กับเรา

It’s Showtime
24K magic in the air

ตอนอยู่สหรัฐฯ คุณเห็นมายากลท็อปโลกมาหลากหลายสไตล์ แต่สำหรับบางคนที่เล่นสตันต์โดยเอามายากลเข้ามาจับ แบบนี้คุณมองว่ายังเป็นสไตล์หนึ่งของมายากลไหม

มายากลเล่นได้ทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการและทำให้เป็นจริงได้ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ เป็นสไตล์ Illusion อลังการเรื่องแสงสีเสียง คริส แองเจิล เล่นแนวหวาดเสียว ดาเรน บราวน์ เล่นเรื่องการอ่านใจ แต่ที่ผมเคยคุยกับ เดวิด เบลน เขาเล่นแนว Street Magic สิ่งที่เขามองว่าล้ำเส้นคือการที่เรามีเลือดหรือบาดเจ็บจริง ที่เหลือผมว่าเป็นโชว์ตามสไตล์ของแต่ละคนมากกว่า

นี่เป็นอีกอาชีพที่ท้าทายการพิสูจน์มาก มีทั้งคนอยากรู้และอยากลองของ ถ้าบอกให้แสดงแบบกะทันหัน คุณทำได้ไหม

เรามีโอกาสถูกบอกให้แสดงตลอดเวลาเลยต้องมีของบางอย่างที่พกติดตัว 24 ชั่วโมง เป็นอุปกรณ์ที่บอกไม่ได้ว่าคืออะไร (ยิ้ม)

ผมว่านี่เป็นอาชีพเดียวที่คนอยากเห็นกับตา ผมเลยต้องมีความพร้อม เลือกกลที่เหมาะ การันตีว่าเขาจับไม่ได้แน่ ๆ แต่ใจผมไม่ได้ชอบความท้าทาย เพราะบางคนอาจมีความรู้สึกอยากชนะมากกว่า ผมเกรงว่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจะไม่ได้ดีมากสำหรับเราและตัวเขาเอง

ในการแสดงสักครั้ง อะไรคือตัวแปรที่จะทำให้คุณเล่นไม่สำเร็จบ้าง

เราเตรียมตัวได้ 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 ไปลุ้นหน้างาน อุปกรณ์ไม่ทำงาน ผิดพลาดด้านเทคนิคบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมแตกต่างจากคนที่เพิ่งเล่นใหม่คือประสบการณ์ ผมแก้ปัญหาโดยที่คนไม่รู้ได้

ผมเคยไปรายการหนึ่ง พิธีกรค่อนข้าง Interrupt มาจับ มาล้วงกระเป๋าผมกลางรายการ ผมว่าการได้เจอคนเหล่านี้ทำให้เราเฟล แต่ผมเติบโตในแง่การรับมือคน หรือบางทีเราอาจต้องให้สปอตไลต์คนดูบ้าง ให้โชว์เกิดขึ้นบนมือของเขา ก็อาจลดความท้าทายของคนได้

พอจะมีวิธีดูมายากลที่ถูกต้องแนะนำไหม

สมัยนี้ทุกคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ผมก็จะบอกว่าวางมือถือลงก่อน เดี๋ยวรอบถัดไปผมเล่นให้คุณถ่าย เพราะอยากให้เขาเอนจอยกับปัจจุบัน รีแอ็กของคนดูคือพลังที่ส่งกลับมา ยิ่งคุณสนุก ผมก็อยากเล่น

แล้วก็ไม่อยากให้มองโชว์เป็นความท้าทาย ไม่อยากให้มองว่าเห็นความลับ แต่มองว่าเบื้องหลังซับซ้อนขนาดไหน มายากลคือความเซอร์ไพรส์ แต่การสปอยล์ความลับอาจทำให้คุณทำลายความสนุกของใครหลายคน

World of Secrets
World of Magic

เหมือนหนังเรื่อง The Matrix คุณต้องเลือกหยิบยาเม็ดสีแดงหรือน้ำเงิน จะรับรู้ความลับที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล หรือคุณแค่กลับไปใช้ชีวิตปกติ เส้นทางที่คุณเลือกเดินคือยาเม็ดไหน

ผู้ชมส่วนใหญ่คือคนที่ไม่รู้ความลับและเอนจอยกับการดูตลอดไป เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเห็น คุณจะมองมันไม่เหมือนเดิม

ส่วนผมเลือกรับรู้ เอนจอยกับการเห็นและมีความสุขกับการแสดง ผมยังอยากท้าทายตัวเองเรื่อย ๆ คิดกลใหม่ เพื่อสร้างโชว์พิเศษของเราคนเดียว

การที่คุณต้องเก็บความลับทำให้คุณทำงานยากขึ้นด้วยไหม

บางทีผมอยากหาคนช่วยคิด แต่ยากเพราะเราเล่นกับความลับ บอกทุกคนไม่ได้ จะให้เขาเข้าใจเรา เขาก็ต้องรู้รายละเอียด บางทีเลยเหนื่อยที่ต้องทำเองทุกอย่าง

อย่างไปถ่ายรายการโฆษณา ผมเขียนสตอรี่บอร์ด วางมุมกล้อง คุมตัดต่อ เพราะผมเป็นคนเดียวที่รู้เยอะที่สุดในกองถ่าย แต่ข้อดีคือผมทำได้ทุกอย่าง ได้ใช้ความสามารถด้านการดีไซน์ให้เป็นประโยชน์ด้วย

คุณว่ามายากลคือการใช้จินตนาการ สร้างไอเดีย และทำให้เป็นจริงด้วยวิธีการต่าง ๆ แล้วการเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทำให้มายากลสูญเสียเสน่ห์บ้างไหม

เราไม่ได้มีพลังจริง ๆ เป็นเหมือนนักคิด นักประดิษฐ์ ที่คิดเผื่อคนดู ต้องกล้าฝันไว้ก่อน ค่อยมาหาทางทำให้เป็นไปได้ เทคโนโลยีเป็นการแอดวานซ์การแสดงมากกว่า วิธีไหนที่ทำแล้วโชว์ดูสมจริงที่สุด คนดูรู้สึกร่วมกับเราเพราะตรงใจเขา ไม่ก็ตรงความต้องการเขา

ถ้าเสน่ห์ของมายากลคือความรู้สึก ผมว่าจะสเกลเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สำคัญ แรก ๆ ผมเทสต์กับคนรอบตัว ถ้าว้าวเขาได้คือว้าวคนอื่นได้ เพราะเขาเห็นบ่อยจนไร้อารมณ์ (หัวเราะ)

คุณได้รับอะไรหลายอย่างจากวงการนี้ แล้วสูญเสียอะไรไปบ้างไหม

เวลาในการคิด ฝึกซ้อม และทดสอบ อีกอย่างคือใช้เงินเยอะ โดยที่คนไม่ค่อยรู้ว่าเงินไปไหน ตอนไปญี่ปุ่น มีซีนที่ผมลอยตัว แต่เบื้องหลังมีอีกร้อยคนช่วยอยู่ เงินก็ไปลงตรงนั้น

ตอนนี้มายากลมีความหมายต่อชีวิตคุณอย่างไรบ้าง

ผมไม่คิดว่าจะอยู่โดยไม่มีมายากลได้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราไปแล้ว ผมเข้ามาลึกเกินกว่าจะไม่นึกถึงมายากล

คุณมองวงการมายากลในไทยเป็นอย่างไร อยากเห็นอะไรในอนาคต

อาชีพนี้ยังเป็นสิ่งที่คนมองว่าไม่มั่นคง อาจจะเพราะในไทยยังไม่มีตัวอย่างให้เห็นมากนัก ผมอยากให้คนเห็นว่านี่คือความเปลี่ยนแปลงของมายากลในยุคโมเดิร์น อยากเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับวงการนี้มากขึ้นทั้งอีเวนต์ ละคร อาจจะฝากถึงครีเอทีฟให้พิตช์มายากลแบบเท่ ๆ ออกมา เป็นคนธรรมดาที่พิเศษ ไม่ต้องใส่สูท มีไม้กายสิทธิ์ มีหมวกทรงสูงเหมือนภาพจำสมัยก่อน

อีกสิ่งที่ในไทยต้องการอาจเป็นช่องทางการเรียนรู้ ผมอยากจัดคลาสสอน มีคนรุ่นใหม่สนใจก็ดีใจ เพราะสิ่งที่เราชอบมีคนชอบเหมือนกัน

เรื่องความลับคุณคงบอกไม่ได้มาก แต่มีประสบการณ์เบื้องหลังการทำงานกับต่างชาติที่พอจะเล่าให้ฟังได้ไหม

นักมายากลทุกคนต้องมีคนคอยแนะแนว ผมเคยโดนฝังอยู่ใต้ทราย คือต้องเจาะชายหาดลงไป 2 เมตร มีกล่องอยู่ข้างในเพื่อให้ผมช่วยทำกลไกบางอย่าง บางทีก็ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะที่บางมาก ซึ่งจะมีวิธีการดีไซน์อยู่ให้โต๊ะบาง ๆ มีคนอยู่ในนั้นได้ 2 – 3 คน มันตลกนะ บางทีไม่ใช่กลไกเทคโนโลยี แต่เป็นกลไกคนนี่แหละที่ซ่อนไว้

ผมเป็นผู้ช่วยล่องหน บางทีอยากให้คนดูเห็นถึงความซับซ้อนของทริกเล็ก ๆ โชว์ 2 นาที อาจจะเตรียมตัว 2 เดือน แต่การแชร์ไม่ได้ก็เป็นความรู้สึกที่ต้องแลก

ผมต้องเก็บความลับเอาไว้

ใบ้หน่อยก็ได้ อะไรคือความลับของโลกมายากลกันแน่

ความลับก็คือสิ่งที่ไม่ได้บอกไป เป็นความสนุกระดับหนึ่งเหมือนกันที่แชร์ไม่ได้นะครับ (ยิ้ม)