Skip to content

Floral Inspiration Edutainment

RakDok (รักดอก)

โบตั๋น


“I equate peonies with love because they're the first blooms of summer.” ฉันเปรียบดอกโบตั๋นกับความรัก เพราะพวกมันเบ่งบานก่อนใครเมื่อถึงฤดูร้อน - Isaac Mizrahi

Meaning

Honor, prosperity, luck and romance
เกียรติยศ ความมั่งคั่ง โชคดี และชีวิตรักที่โรแมนติกแสนสมบูรณ์

    ดอกโบตั๋น ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ราชาแห่งดอกไม้’ ด้วยรูปลักษณ์ซึ่งผสมผสานความอ่อนหวานและสวยสง่าไว้ด้วยกัน และมีกลิ่นหอมสดชื่นจรุงใจ นอกจากความงามแล้ว ดอกโบตั๋นยังมาพร้อมกับความหมายเป็นมงคล ใช้อวยพรให้มั่งคั่ง โชคดี พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศ โบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกและความรักที่สมบูรณ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ดอกโบตั๋นมีเฉดสีมากมาย หลายตำรากล่าวว่าโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่มีให้ชมครบทุกเฉดสี ยกเว้นแค่เพียงสีฟ้า แต่ที่เห็นคุ้นตากันอยู่โดยทั่วไปนมักจะมีอยู่ 3 เฉดสี โบตั๋นสีชมพู เป็นสียอดนิยม หมายถึงความโรแมนติกและความรัก โบตั๋นสีนี้จึงมักถูกหยิบยกนำมาจัดเป็นช่อบูเก้สำหรับเจ้าสาว มอบให้คนรักในวันสำคัญ และใช้ประดับประดาในพิธีแต่งงาน โบตั๋นสีขาวเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความงามสง่า มักจะถูกนำไปใช้ทำเป็นช่อดอกไม้ในงานแต่งงาน และยังหมายถึงความละอายในความผิดที่ได้ก่อไว้ โบตั๋นสีขาวจึงเป็นอีกหนึ่งไม้ดอกที่เหมาะจะใช้แทนคำขอโทษหรือขออภัย โบตั๋นสีแดงแสดงถึงความรักและความหลงใหล เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเคารพ การให้เกียรติ รวมทั้งเป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ ดอกโบตั๋นสีนี้นับว่ามีค่ามากโดยเฉพาะในประเทศจีนและญี่ปุ่น

Peonies and other stories
เรื่องอยากบอกของ ‘ดอกโบตั๋น’

    หญิงสาวชาวเซิร์บเชื่อว่าดอกโบตั๋นมีมนต์วิเศษที่จะช่วยให้พวกเธอสมหวังในความรัก อีกทั้งยังเชื่อว่าการแขวนรากของต้นโบตั๋นเอาไว้เหนือเปลของทารกจะช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ ได้ ทางฝั่งอเมริกาเหนือในยุควิคตอเรียน มีความเชื่อกันว่า หากใครพยายามขุดดอกโบตั๋นมาปลูกที่บ้านจะโดนคำสาปจากบรรดาเหล่าภูติให้เจอกับโชคร้ายและปราศจากความสงบสุขในชีวิต ส่วนชาวไทยยุคก่อนนั้น เชื่อกันว่าโบตั๋นเป็นไม้มงคลที่หากใครปลูกจนเห็นดอกเบ่งบานจะประสบกับโชคดี ว่ากันว่าต้นโบตั๋นสามารถมีอายุยืนยาวได้นับร้อยปีหากมีการบำรุงรักษาที่ดีพอ ส่วนดอกโบตั๋นที่ใหญ่ที่สุดนั้น อาจมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถึงประมาณ 10 นิ้วเลยทีเดียว กล่าวกันว่า เมื่อนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่อย่าง มาร์โค โปโล ได้เห็นดอกโบตั๋นเป็นครั้งแรก เขาถึงกับเทียบว่าขนาดของมันใกล้เคียงกับหัวกะหล่ำปลี

History

    เชื่อกันว่าโบตั๋นเป็นดอกไม้ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในวัฒนธรรมโลกตะวันออก โดยเฉพาะในประเทศจีนเชื่อว่ามีการนำดอกโบตั๋นมาใช้งานตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาลหรือเกินกว่า 4,000 ปีมาแล้ว มีบันทึกถึงดอกโบตั๋นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน เชื่อกันว่ายุคนั้นนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในจานอาหาร ช่วงศตวรรษที่ 6 - 7 ยังเริ่มมีการนำดอกโบตั๋นมาใช้ในทางการแพทย์แผนจีน ยุคทองของดอกโบตั๋นในประเทศจีนนั้นอยู่ในช่วงราชวงศ์ถัง เชื่อว่าช่วงนั้นมีการปลูกโบตั๋นไปทั่วทั้งอาณาเขต ก่อนจะขยายไปยังประเทศญี่ปุ่น และผสมผสานจนกลายเป็นโบตั๋นหลากหลายสายพันธุ์ ดอกโบตั๋นเดินทางไปยังยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 15 ก่อนที่จะเดินทางข้ามฟากไปยังดินแดนใหม่อย่างสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนตั้งแต่ในยุคราชวงศ์ชิงมาจนกระทั่งถึงราวปี ค.ศ. 1929 และยังได้รับเลือกให้เป็นดอกไม้ประจำรัฐอินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 จนถึงปัจจุบัน

Culture

    ในโลกตะวันตก โบตั๋นเป็นดอกไม้ที่มักถูกนำไปใช้ในการแสดงความรัก อย่างในช่อบูเก้ของเจ้าสาว หรือใช้เป็นของขวัญแทนความโรแมนติกและชีวิตแต่งงานที่มีความสุขครบรอบ 12 ปี เมื่อข้ามฟากมาทางฝั่งตะวันออกโบตั๋นในยุคก่อนของจีนนั้นเป็นตัวยาสมุนไพรชั้นดี รวมถึงทำหน้าที่เป็นวัตถุดิบในจานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการนำกลีบดอกไปทำเป็นสลัดหรือชงน้ำชา โบตั๋นมีสรรพคุณทางยารักษาโรคระดูผิดปกติในผู้หญิง โรคหืด โรคชัก และยังใช้ในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งงดงามได้ ดอกโบตั๋นจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งมวลดอกไม้ซึ่งมีความหมายอันเป็นมงคล ปรากฏโฉมในงานศิลปะจีนหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ลวดลายปักบนผืนผ้า หรือชิ้นงานแกะสลักต่างๆ อีกทั้งยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการปลูกหรือประดับรูปดอกโบตั๋นตามบริเวณต่างๆ ในแง่ของฮวงจุ้ยโดยเฉพาะในเรื่องของคู่ครองในประเทศญี่ปุ่น ดอกโบตั๋นเป็นหนึ่งในลายสักยอดนิยมของชายชาตรี โดยมักจะมาพร้อมกับภาพปลาคาร์พ เสือ สิงโต หรือมังกร ซึ่งมีที่มาจากภาพวาดของ Utagawa Kuniyoshi อันมีเรื่องราวเกี่ยวกับวีรบุรุษในสงครามและปีศาจ แถมรากโบตั๋นยังถือว่าเป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาอาการชักได้อีกด้วย

Anecdote

    เมืองลั่วหยาง นับเป็นสวรรค์ของคนรักดอกโบตั๋น เพราะได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งปลูกโบตั๋นซึ่งงดงามที่สุดในประเทศจีน มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยที่พระนางบูเช็กเทียนเรืองอำนาจ พระนางทรงโปรดดอกโบตั๋นมาก วันหนึ่งกลางฤดูหนาวที่พระตำหนักในเมืองฉางอาน พระนางเกิดอยากชมความงามของดอกไม้ในอุทยานขึ้นมา จึงทรงมีพระบัญชาให้ดอกไม้ทุกดอกเบ่งบานท่ามกลางหิมะ ในวันรุ่งขึ้นดอกไม้ทั้งหมดนั้นเกรงกลัวต่ออำนาจของพระนาง จึงพากันผลิบานอย่างพร้อมเพรียง เว้นเพียงแค่ดอกโบตั๋นเท่านั้น พระนางทรงกริ้วเป็นอย่างยิ่ง จึงมีพระบัญชาให้เผาและขุดดอกโบตั๋นทั้งหมดไปทิ้งที่แถบเขาเป่ยหมาง ในเมืองลั่วหยาง ซึ่งไม่เคยมีดอกโบตั๋นมาก่อน เนื่องจากต้องการให้ดอกไม้ชนิดนี้สูญพันธุ์ไป แต่กลายเป็นว่าโบตั๋นกลับเติบโตในเมืองนี้ได้เป็นอย่างดีจนมีมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ในปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกโบตั๋นขึ้นในเมืองนี้ โดยมีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนมุ่งหน้ามาเยือน

Basic Facts

Scientific Name: Paeonia
Family: Paeoniaceae; Raf.
Colors: เชื่อว่ามีทุกเฉดสี ยกเว้นสีฟ้า
Seasons: ปลายฤดูใบไม้ผลิ - ฤดูร้อน
Length of time to grow: ประมาณ 3 - 5 ปี จึงโตเต็มที่ หลังจากนั้นจะออกดอกทุกปี วิธีการขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด หรือการปักชำด้วยราก

Reference