วัดน้ำฮู

“หลวงพ่ออุ่นเมือง” วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“หลวงพ่ออุ่นเมือง” เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม (ศิลปะเชียงแสนล้านนา) อายุเก่าแก่ร่วม 500 ปี หล่อด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 28 นิ้ว สูง 30 ส่วนพระเศียรกลวง มีพระเมาสีครอบ เปิด-ปิด ได้และมีน้ำซึมขังอยู่ในพระเศียรอยู่ตลอดเวลาโดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ รักษาโรคให้คนหายป่วย(ความเชื่อในสมัยโบราณ ) ทั้งนี้ ทางคณะศรัทธาวัดน้ำฮูได้อธิษฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยตักน้ำในเศียรพระออกจนหมดและใช้สำลีซับน้ำจนแห้งสนิทแล้วทำการปิดพระเศียรผูกเชือกประทับตราครั่ง มีกำหนดเวลา 5 วัน เมื่อครบกำหนดได้ทำการเปิด ผลปรากฏว่ามีน้ำขังอยู่ในเศียรของหลวงพ่ออุ่นเมืองจริง แล้วน้ำที่มีอยู่ในพระเศียรที่ยังคงมีอยู่เป็นที่น่าอัศจรรย์จนถึงปัจจุบัน ด้านหลังมีพระสถูปเจดีย์สีเหลืองทองภายในบรรจุเส้นพระเกศาของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา

ประวัติวัดน้ำ

วัดน้ำฮู เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อหลวงพ่ออุ่นเมืองที่มีน้ำไหลออกจากพระเศียรดสร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดและด้สร้างไประยะหนึ่งต่อมาปี 2468 ได้มีนายเหงหงษ์ พงษ์คำเต็ม และผู้ใหญ่บ้านทอน ไม่ทราบนามสกุล ได้ทำหารบูรณะขึ้นใหม่
ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้นำคณะศิษยานุศิษย์เดินธุดงค์เข้ามายังอำเภอปายได้มาเห็นสภาพทรุดโทรมของวัดและใต้เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์แบบสิงห์สามเหลี่ยมสมัยเชียงแสนประดิษฐานอยู่ในศาลาหลังเก่าทรุดโทรมมาก จึงได้ทำการบูรณะและสร้างวิหารขึ้นมา 1 หลัง ใช้สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้พร้อมกับสร้างเจดีย์ขึ้นอีก 1 องค์ ไว้ด้านหลังวิหาร

ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ได้มีพระธุดงค์จากต่างจังหวัดมาพักที่วัดนี้โดยได้พักในพระวิหารได้สังเกตเห็นว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปชุ่มชื้นเป็นพิเศษจึงได้เข้าไปสังเกตโดยใกล้ชิดพบว่าเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นโพรง พระโมหีถอดได้และในโพรงพระเศียรนั้นมีน้ำขังอยู่เต็ม จึงเป็นทีล่ำลือกันอยู่พักหนึ่งแล้วก็เงียบหายไปเพราะไม่มีใครกล้าพิสูจน์ความจริงกันต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2516 ร้อยเอกประเสริฐ เรียมศรี นายอำเภอปายพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการอำเภอปาย ได้ร่วมกันทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยความร่วมมือของเจ้าอาวาสและคณะศรัทธา มีการอธิษฐานขอทำการพิสูจน์จากนั้นได้ให้คนตักน้ำจากพระเศียรออกจนหมดใช้สำลีเช็ดจนแห้งสนิทและทำการปิดพระเศียรผูกเชือกประทับตราครั่งทั้งที่พระเศียรและประตูหน้าต่างวิหารปิดทุกบานห้ามทุกคนเปิดจนกว่าจะครบกำหนดเวลา 5 วัน ซึ่งเมื่อครบตามกำหนดได้ทำการเปิดต่อหน้าคณะทำการพิสูจน์ชุดเดิมผลปรากฏมีน้ำขังอยู่ในพระเศียรของพระพุทธรูปจริงตามคำล่ำลือ นับเป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่1 นั้นมาข่าวความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นี้จึงได้ระบือไกลมีผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามานมัสการกราบไหว้อยู่มิได้ขาดจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2532 ได้มีหลวงปู่สมบัติคุเณสโกวัดถ้ำก่อจากอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนและนายประมวล รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มานมัสการหลวงพ่ออุ่นเมืองทางเจ้าอาวาสและคณะศรัทธาได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบทางหลวงปู่สมบัติ คุเณสโกและท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้ตั้งจิตเป็นสมาธิตรวจสอบดูแล้วให้คำแนะนำว่าที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนั้นเป็นเพราะได้มีการเคลื่อนย้ายหลวงพ่ออุ่นเมือง

วิหาร

วิหารวัดน้ำอูนี้ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2474 โดยครูบาเจ้าศรีวิชัยเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทยรูปอุ่นเมือง ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุสำคัญคู่เมืองปาย มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ต่อมาวิหารหลังนี้ได้ทรุดโทรมลงไม่สามารถใช้ประดิษฐานพระพุทยรูปอุ่นเมืองใต้ จึงมีการบูรณะวิหารหลังนี้ โดยให้คงลักษณะสถาปัตยกรรมตามแบบเดิมให้มากที่สุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2533-2535และได้อัญเชิญพระพุทธรูปอุ่นเมืองเข้าประดิษฐานในอิหารดังเดิม

พระพุทธรูปอุ่นเมือง

พระพุทธรูปอุ่นเมืองเป็นพระสิงห์ รุ่นที่ 1 หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์แบบสิงห์สามเหลี่ยมสมัยเชียงแสนหน้าตักกว้าง 80 เซนติเมตร สูง 111 เซนติเมตรพระเศียรกลางที่พระเมารีครอบไม่มีประวัติศาสตร์การสร้างชัดเจน เชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และต่อมาสมเด็จพระพี่นางฯ ได้สิ้นพระชนม์ ที่พม่านั่นเอง พระพุทธรูปอุ่นเมืองเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองปาย ในส่วนของพระเศียรมีน้ำซึมออกมาเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เคยมีผู้อาราธนาอัญเชิญพระพุทธรูปอุ่นเมืองย้ายไปประดิษฐาน ณ วัดอื่น แต่คานเสลี่ยงหักเพราะทานน้ำหนักพระพุทธรูปไม่ไหว เป็นที่น่าอัศจรรย์จึงต้องอัญเชิญกลับมาและประดิษฐาน ณ วัดน้ำฮูจนถึงปัจจุบัน

พระเจดีย์

พระเจดีย์นี้ไม่มีการบันทึกประวัติศาสตร์การสร้างชัดเจนเชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ต่อมาได้ถูกปลงพระชนม์ที่พม่านั่นเอง ภายในพระเจดีย์นี้ยังบรรจุเส้นพระเกศาของสมเด็จพระพี่นางฯ ไว้ด้วย สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาเป็นวีรสตรีไทยที่ประวัติศาสตร์ควรจารึกไว้หากไม่มีพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอาจไม่มีโอกาสกลับมากอบกู้เอกราช

ภาพมุมสูง

คลิกเพื่อนำทาง