เที่ยวกุกกุฏนคร (ลำปาง) แบบเร่งรีบ#1 เส้นทางตึกเก่าและสถานีรถไฟลำปาง
http://pantip.com/topic/34507234

เที่ยวกุกกุฏนคร (ลำปาง) แบบเร่งรีบ#2 วัดศรีรองเมือง ศิลปะพม่าที่สวยงามเท่าที่ผมเคยเห็น
http://pantip.com/topic/34515027

เที่ยวกุกกุฏนคร (ลำปาง) แบบเร่งรีบ#4 วัดปงสนุก ธรรมสถานที่รับรางวัล “Award of Merit” จาก UNESCO 2008
https://pantip.com/topic/34519095



ออกจากวัดศรีรองเมือง ขับวนแยกหอนาฬิกา

มาแวะวัดศรีชุม ซึ่งเขาบอกว่าเป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ดูๆ แล้ว ก็ไม่ได้ต่างกับ วัดศรีรองเมืองที่ผมไป ลองเที่ยวดูก่อนแล้วจะรู้ว่ามันเปลี่ยนไปยังไง


วัดศรีชุม จังหวัดลำปาง เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมแบบพม่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยคหบดีพม่าที่ติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานป่าไม้ในประเทศไทย ได้ขออนุญาตเจ้านครลำปางและสร้างวัดศรีชุมขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นวัดเล็กๆมาก่อน โดยเดิมมีเพียงศาลาบ่อน้ำ และต้นโพธิ์เท่านั้น มีชื่อเป็นภาษาพม่าว่า หญ่องไวง์จอง

วัดศรีชุมนั้นเดิมเป็นวัดที่มีศิลปะแบบพม่าที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุดในภาคเหนือ มีทั้งพระวิหาร พระอุโบสถ พระธาตุเจดีย์ กุฏิและซุ้มประตูเป็นแบบอย่างพม่า เป็นที่น่าเสียดายที่พระวิหารได้ถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2535 แต่ก็ได้มีการสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ตามรูปแบบเดิม
ข้อมูลจาก
http://www.zthailand.com/place/wat-srichum-lampang/

เป็นที่น่าเสียดายที่พระวิหารได้ถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2535 แต่ก็ได้มีการสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ตามรูปแบบเดิม (แต่แบบเดิมจริงๆ กับที่ผมไปดูวัดศรีรองเมืองทำไมต่างกันมาก)

พระวิหารวัดศรีชุม

พระวิหารวัดศรีชุมเป็นศิลปะแบบพม่า มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้น แต่ละชั้นลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น ขึ้นไปหาเรือนยอด ชั้นบนสุดประดับด้วยฉัตรทองคำ มีมุขบันไดที่เป็นลวดลายแกะสลักลงรักปิดทองเป็นภาพตุ๊กตาพม่าสลับบนลายเครือเถา หน้าบันเป็นลายดอกไม้ประดับ กระจกสี เพดานวิหารแต่ละช่องประดับด้วยตุ๊กตาแกะสลักเป็นรูปต่างๆ ไม่ซ้ำกัน มีทั้งสิงโต ปลา วัว ลิง นก ช้าง ม้า เด็ก และเทวดา

เป็นที่น่าเสียดายที่พระวิหารได้ถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2535 เหลือเพียงไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูทางขึ้นวิหารเท่านั้น ปัจจุบันได้สร้างวิหารหลังใหม่ขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเดิม ส่วนเครื่องประดับอาคารที่ถูกไฟไหม้นั้นนำไปจัดแสดงไว้ด้านหลังวิหาร

จากเหตุไฟไหม้คงเหลือเพียงไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูทางขึ้นวิหารเท่านั้น เป็นลวดลายพรรณพฤกษา ฉลุโปร่ง
ลวดลายที่เห็นนี่สลักด้วยไม้ ฝีมือสุดยอด (ของเก่าที่เหลือรอดจากไฟไหม้)



ด้านในวิหารดูเรียบง่าย ไม่เหมือนวัดศรีรองเมืองที่ผมไป มีเสน่ห์และน่าดูมากกว่า  

พระพุทธรูปแบบพม่าปางมารวิชัย พระประธานวัดศรีชุม

พระประธานของวัดศรีชุมประดิษฐานบนวิหารเป็นพระพุทธรูปแบบพม่าปางมารวิชัย  ขัดสมาธิราบ  พระนลาฏต่ำ  พระพักตร์แบน  พระขนงโก่ง  พระนาสิกเป็นสัน  พระโอษฐ์อมยิ้ม  พระหนุมน  พระกรรณยาวและโค้งเล็กน้อยจรดพระอังสา  พระเกศามีเม็ดพระศกละเอียด  ไรพระศกเป็นแถบกว้าง ห่มจีวรแบบห่มคลุม


ช่วงที่ผมไปมีพระบรมสารีริกธาตุ มาตั้งไว้ให้บูชาด้วยครับ


ธรรมาสน์เทศน์




ช่วงเดินลงจากวิหาร สังเกตุเห็นรอยไฟไหม้ที่ยังเหลืออยู่



ด้านข้างจะมีหอระฆัง รูปทรงแปลกตาดี



ด้านข้างขวามีอาคารเล็กภายในมี พระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้สักพันปีทั้งองค์ สร้างในปี พ.ศ.2433


ภายในดูเรียบๆ มีพระพุทธรูป ตัวอยู่ตรงกลาง







ฝั่งตรงข้ามยังมี
โบสถ์  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน อายุยาวนานกว่าร้อยปีเช่นกัน แต่ขนาดโบสถ์ไม่ใหญ่มากนัก ตัวโบสถ์หลังคาทำเป็นหลังคาซ้อนกันหลายชั้นตกแต่งด้วยลวดลายตามศิลปะแบบพม่า ด้านหน้าโบสถ์มีบันไดนาคนำเข้าสู่ตัวโบสถ์ ประตูไม้เป็นศิลปะที่น่าสนใจประดับทองและกระจกอย่างสวยงาม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ

องค์พระเจดีย์สีทองอร่ามด้านหลังโบสถ์ มีพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากพม่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนบรรจุอยู่ภายในองค์พระเจดีย์ที่ถูกประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

แวะเข้าไปดูโบสถ์ก่อน



แค่ทางเขาก็สวยงาม




ต้นเสาก็ประดับสวยงาม





ด้านบนเป็นไม้แกะสลักประดับอัญมณี


ด้านข้างเป็นผนังปูนเรียบๆ