“ลำปาง” เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคเหนือที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณสถาน อย่างวัดวาอารามที่สวยงามและทรงคุณค่า และมีความน่าสนใจชวนให้ไปท่องเที่ยว และในครั้งนี้ขอแนะนำให้ทุกคนมายลความงามขององค์พระประธานที่ประดับจีวรด้วยทับทิมจากพม่า ซึ่งตั้งอยู่ที่ “วัดศาสนโชติการาม” หรือ “วัดป่าฝาง” จ.ลำปาง
“วัดศาสนโชติการาม” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดป่าฝาง” ตั้งอยู่ที่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2435 สมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี โดยพ่อเฒ่าอูส่วยอัตถ์และแม่เฒ่าหวาน สองสามีภรรยาชาวรามัญ ที่มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีจิตมั่นคงต่อพระรัตนตรัย สมบูรณ์ด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนา ครั้งที่ได้มาประกอบอาชีพป่าไม้ในนครลำปาง
เมื่อได้สร้างวัดศาสนโชติการาม เมื่อปี พ.ศ 2435 จึงอาราธนาพระสงฆ์เข้าอยู่จำพรรษาและอุปถัมภ์ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมา ครั้นถึงปี พ.ศ 2449 จึงได้ให้หม่องตี กับเหล่ามัคทายก ไปขออนุญาตเพื่อขอเขตอุโบสถจากเจ้าผู้ปกครองนครลำปางในสมัยนั้นคือเจ้าหลวงบุญวาทย์ วงษ์มานิต เพื่อทำหนังสือขอกราบบังคมทูลต่อพระเจ้าแผ่นดินสยาม ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ทรงมีพระบรมราชโองการพระราชทานมาดังนี้
เมื่ออูส่วยอัตถ์ ถึงแก่อนิจกรรม แม่เฒ่าส่า วงศ์พรหมมินทร์ ซึ่งเป็นบุตรีของพ่อเฒ่าอูส่วยอัตถ์และแม่เฒ่าหวาน ได้อุปถัมภ์ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อมา เมื่อแม่เฒ่าส่า วงศ์พรหมมินทร์ ได้ถึงแก่อนิจกรรมลง จึงมอบหมายให้คุณแม่เหม่ สุวรรณอัตถ์ ซึ่งเป็นบุตรตรีของอู่ส่วยอัตถ์และแม่เฒ่าหวาน ได้ทำนุบำรุงวัดศาสนโชติการามเป็นรุ่นที่ 2 จนกระทั่งคุณแม่เหม่ สุวรรณอัตถ์ ถึงแก่อนิจกรรม คุณสมพร โอสถานุเคราะห์ เป็นบุตรีของแม่เหม่ สุวรรณอัตถ์ เป็นผู้อุปถัมภ์ดูแลทั้งเครื่องบริภารสังขาร ภัตตาหาร ตลอดจนการบูรณะปฏิสังขรณ์ สิ่งก่อสร้างภายในวัดศาสนโชติการาม เป็นรุ่นที่สาม ให้เจริญรุ่งเรืองอยู่คู่พระพุทธศาสนาสืบมา
สิ่งสำคัญอันโดดเด่นเมื่อเข้ามาภายในวัดก็คือ “เจดีย์” เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากประเทศพม่า เมื่อปีพ.ศ. 2449 ได้ลงรักปิดทอง ซึ่งมองเห็นแต่ไกล ส่วนฐานของเจดีย์ จัดไว้เป็นแปดเหลี่ยม ในแต่ละเหลี่ยมจะทำเป็นซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่งมีความหมายถึงทิศทั้ง 8 หรือ มรรค 8 ผล 8 เมื่อวัดโดยรอบกับส่วนสูงของเจดีย์ จะมีความกว้างและยาวเท่ากันคือ 45 เมตร
และมี “วิหารไม้สัก” ลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ภายในวิหารชั้นบน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่เก่าแก่ของวัด ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงาม ฐานชุกชี ซุ้มด้านหลังของพระพุทธรูป ฝ้าเพดาน บัวหัวเสา ตลอดถึงรอบเสาประดับด้วยกระจกหลากสีที่บรรจงวิจิตรอย่างสวยงาม ลวดลายของไม้แกะสลัก ได้ลงรักปิดทองเป็นอย่างดี หลังคามีการสร้างตามสถาปัตยกรรม ลดหลั่นเป็นชั้นชั้น
สำหรับ “อุโบสถ” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2449 ก่อด้วยอิฐถือปูน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธานปางฉันผลสมอ ส่งผ้าลายพัน ตา ซึ่งห่มจีวรประดับด้วยทับทิมจากพม่ามีความงดงามมาก บริเวณฐานชุกชีประดับด้วยลวดลายปูนปั้น เป็นเรื่องราวชาดก ฝ้าเพดานลงรักทาสีแดงชาดทำเป็นช่องจำนวน 12 ช่อง แต่ละช่องประดับลวดลายปูนปั้นและกระจกสี มีรูปปูนปั้นนกยูงและลูกเทพคอยรักษาทุกช่อง ส่วนหลังคา เป็นเครื่องหมายลดหลั่นเป็นชั้นๆ บริเวณรอบนอกซุ้มประตู หน้าต่าง ประดับตกแต่งลวดลายปูนปั้นเป็นรูปเถาวัลย์และเทวดารักษาประตู หน้าบัน เสาด้านหน้าและเพดาน ประดับด้วยกระจกหลากสี ลวดลายของการปั้นเป็นรูปของดอกไม้เถาวัลย์ อย่างปราณีตบรรจงทุกสัดส่วน
นอกจากนี้ยังมี “เสาหงส์” เป็นสัญลักษณ์ของวัดมอญ ซึ่งเป็นของชาวมอญที่มาจากเมืองหงสาวดี วัดมอญทุกวัดจะต้องมีเสาหงส์เป็นสัญลักษณ์
วัดศาสนโชติการาม เป็นวัดเก่าแก่มีอายุกว่าร้อยปี คือเป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม เป็นวัดที่สวยงามวัดหนึ่งของจังหวัดลำปาง ปัจจุบันมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
