บนเส้นทางสาย 1095 บริเวณอำเภอปางมะผ้าเชื่อมต่ออำเภอปาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกันดีกับ “จุดชมวิวดอยกิ่วลม” จุดแวะพักริมทางสุดฮิตที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม มีร้านค้า และห้องน้ำไว้ให้บริการกับนักท่องเที่ยว ผู้คนจำนวนมากต่างหลั่งไหลกันมาโดยเฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายฝน-หนาว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใกล้ๆ กันนี้ยังมีอีกหนึ่งจุดที่ถูกยกให้เป็นดอยลับแห่งหมอกฝน ชื่อว่า "ดอยจิกจ้อง" จุดชมวิวที่มีบรรยากาศสุดฟิน ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันกับจุดชมวิวดอยกิ่วลม อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ภายใต้การดูแลของ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย การจะขึ้นไปยังดอยจิกจ้องจำเป็นจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางให้เรียบร้อยเสียก่อน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปชมวิว (ไม่ค้างแรม) จะมีค่าธรรมเนียม ดังนี้
- ค่าเข้า เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท (จ่ายครั้งเดียวสามารถเข้าได้ทุกแหล่งท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์ลุ่มน้ำปาย ภายในวันเดียวกัน ได้แก่ บ่อน้ำร้อนไทรงาม, น้ำตกแพมบก, ดอยจิกจ้อง, ถ้ำลอด และน้ำตกซู่ซ่า)
- ค่าบริการรถรับ-ส่ง รอบละ 1,000 บาท (แบบไป-กลับ รองรับนักท่องเที่ยวได้ 10 คน/รอบ)
- นักท่องเที่ยวที่ไม่ค้างแรม จะไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ และ จักรยานยนต์ส่วนตัวขึ้นไปด้วยตัวเอง จะต้องใช้บริการรถรับ-ส่งของเจ้าหน้าที่เท่านั้น เนื่องจากทางขึ้นลงเป็นถนนคอนกรีตเลนเดียวซึ่งรถไม่สามารถขับสวนกันได้ รวมถึงเส้นทางยังเป็นทางเนินชัน และค่อนข้างลื่น ทั้งนี้การจัดการดังกล่าวก็เพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปค้างแรมด้านบน จะมีค่าธรรมเนียม ดังนี้
- ค่าเข้า เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท
- ค่ายานพาหนะ รถยนต์ 60 บาท, จักรยานยนต์ 30 บาท
- บ้านพักราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท/คน
- เต็นท์ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท/คน/คืน
- นักท่องเที่ยวที่จะค้างแรม ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก หรือกางเต็นท์ ไม่รับ walk-in จะต้องติดต่อเพื่อจองวันเข้าพักล่วงหน้าเท่านั้น สำหรับการขับรถขึ้นจะอยู่ในช่วงเวลา 16.00-18.00 น. เท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านเก็บค่าธรรมเนียมจะประสานงานผ่านวิทยุสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด้านบนในการให้คิวปล่อยรถ (ระยะทางจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที)
ดอยจิกจ้อง ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ด้วยระดับความสูงที่ 1,933 เมตร บวกกับมีแนวเขาล้อมรอบ ส่งผลให้ดอยจิกจ้องมีหมอกปกคลุมแทบตลอดทั้งปี แต่ฤดูกาลที่อากาศเย็นสบายกำลังดี และมีบรรยากาศของป่าเขาเขียวชะอุ่มที่สุด จะเป็นช่วงกลางฝนประมาณเดือนกันยายน สภาพผืนป่าโดยรอบของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย ประกอบไปด้วยป่าดิบเขา, ป่าเบญจพรรณ, ป่าเต็งรัง, ป่าสนเขา รวมถึงมีป่าสักผืนใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีพื้นที่กว่า 300,000 ไร่ อย่าง “ป่าสักนวมินทรราชินี” อีกด้วย
หลังจากผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้ามาแล้ว จุดท่องเที่ยวของดอยจิกจ้องจะเริ่มตั้งแต่ จุดชมวิวมองปาย, เนิน 1717, หินเดียวดาย, ต้นเคียงกัน, จุดชมวิวดอยเขียว จากนั้นก็จะมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกันกับโซนบ้านพัก และลานกางเต็นท์ โดยระยะทางจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีระยะทางรวมประมาณ 5 กิโลเมตร ถัดจากนี้ขึ้นไปก็จะเป็นจุดชมวิวยอดดอยจิกจ้อง 1933 และ จุดชมวิวลำน้ำปาย ที่มีระยะทางห่างออกไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร
คำว่า “จิกจ้อง” มาจากภาษาเหนือ โดย “จิก" แปลว่า “การปัก” และ “จ้อง” หมายถึง “ร่ม” ซึ่งเจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เนื่องด้วยบริเวณบนยอดดอยมีละอองฝนละอองหมอกที่โปรยปรายลงมาแทบทุกวันตลอดทั้งปี ทำให้การมาเที่ยวดอยจิกจ้องแห่งนี้อาจจะมีโอกาสเปียกปอนได้ ทำให้ต้องพกร่มเพื่อกันฝนมาด้วยเสมอ
หากพูดถึงความโดดเด่นของดอยจิกจ้องก็คงจะเป็นในเรื่องของทิวทัศน์ และสภาพอากาศที่เย็นสบาย และเนื่องจากมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 60 คน ทำให้การมาพักผ่อนค้างแรมข้างบนนี้ไม่แออัดจนเกินไป และได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติ และความสงบอย่างเต็มที่
หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวดอยจิกจ้อง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 053 612 982