พรมญี่ปุ่น ต้นไม้สีสันสวยงามคลุมดิน ใบอ่อนนุ่มเหมือนกำมะหยี่

ชื่อสามัญหรือชื่อภาษาอังกฤษ Carpet Plant/ Episcia/ Frame Violet

ชื่อวิทยาศาสตร์ Episcia spp. & hybrid/ Episcia cupreata (Hook.) Hanst

ชื่อวงศ์ Gesneriaceae

ชื่ออื่น ๆ พรมกำมะหยี่

พรมญี่ปุ่น นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดินหรือปลูกในกระถางแขวน จัดเป็นไม้คลุมดิน มีดอกสีสด ผิวสัมผัสใบอ่อนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ จึงมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า พรมกำมะหยี่ เป็นพืชที่เหมาะกับการประดับไว้ในมุมแสงน้อย ชอบในร่มแดดรำไร เช่น ใส่กระถางแขวนไว้ตามเชิงชายหลังคา กันสาดต่างๆ เป็นพืชท้องถิ่นในโคลอมเบีย เวเนซุเอลา และบราซิล ใบย่น สีน้ำตาลแดง เส้นใบสีเทาเงิน ดอกสีแดง รูปกรวย แบ่งย่อยได้หลายสายพันธุ์

สายพันธุ์พรมญี่ปุ่น
www.nongnoochpattaya.com

ลักษณะทั่วไป

  • ลำต้น ทุกส่วนอวบน้ำและมีขนปกคลุม ทอดเลื้อยในระยะ 30 – 60 เซนติเมตร
  • ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม ใบรูปไข่แกมรูปรี แผ่นใบหยิกย่น ปลายใบแหลมโคนใบมน ขอบใบหยักมน ใบมีสีและลวดลายแตกต่างไปตามสายพันธุ์ ก้านใบยาว ใบดูนุ่มคล้ายกำมะยี่ และด้วยความที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็เลยให้สีใบและสีดอกแตกต่างกัน เช่น สีเงินวาว สีเขียวสด สีชมพู สีน้ำตาลเข้ม ถ้านำพรมญี่ปุ่นที่มีสีใบแตกต่างกันมาปลูกรวมๆ กันแล้วไล่โทนสีก็จะได้ กระถางต้นพรมญี่ปุ่นที่ไล่เฉดสีใบ สวยแปลกตา
  • ดอก เป็นช่อกระจุก 2 – 4 ดอก ออกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันปลายแยกเป็น 5 แฉก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด มีหลายสี เช่น สีแดง ส้ม เหลืองม่วง ม่วงอ่อน ขาว ชมพู
  • ผล มีเนื้อนุ่ม ภายในมีเมล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาลหรือสีดำจำนวนมาก

สายพันธ์พรมญี่ปุ่น

ต้นพรมญี่ปุ่นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งลักษณะและสีของดอกจะมีความแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น

  • E. Acajou ลักษณะพื้นใบเป็นสีขาว ๆเงิน ๆ ขอบใบเป็นสีเขียว ดอกสีแดง มีลักษณะคล้ายพันธุ์ Cameo
พรมญี่ปุ่น E. Acajou
  • E. Adam ‘s Rib พันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ ลักษณะใบพื้นใบเป็นสีน้ำตาล มีลายเป็นก้างปลาสีขาว ใบจะออกมัน ๆ ขนสั้น ๆ ดอกจะเป็นสีแดง
พรมญี่ปุ่น E. Adam 's Rib
  • E. Blue Nile พันธุ์นี้นิยมปลูกกันมาก ใบจะเป็นสีเขียวเข้ม ๆ มีเส้นกลางใบขาวเหลือง ขนใบยาวนุ่มเป็นกำมะหยี่ ดอกจะเป็นสีม่วงดอกใหญ่ แต่พันธุ์นี้ต้องระวังเรื่องความชื้นและเพลี้ยแป้งเป็นพิเศษ
พรมญี่ปุ่น E. Blue Nile
  • E. Bronze Queen มีลักษณะพื้นใบสีน้ำตาลเข้ม มีลายก้างปลาสีขาว ใบออกมัน ๆ ขนใบสั้น ดอกจะมีสีแดง พันธุ์นี้ถ้าอากาศเย็น ๆ จะสังเกตเห็นมีน้ำหมากแดง ๆ ที่ใบเกิดขึ้นให้เห็น
พรมญี่ปุ่น E. Bronze Queen
  • E. Butternut  เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย แดดประมาณ 30-40% ลายใบเป็นตาข่ายสีขาว พื้นใบสีเขียว เลี้ยงสมบูรณ์จะเห็นขอบใบเป็นสีชมพูอ่อน ๆ ดอกสีแดง
พรมญี่ปุ่น E. Butternut
  • E. Cameo สายพันธุ์นี้มีขายกันทั่วไปตามท้องตลาด จะคล้ายๆจากสายพันธุ์ที่ Acajou โดยพันธุ์นี้ จะมีเฉดสีแดงแซมอยู่ที่พื้นใบและลายใบมีดอกสีแดง
พรมญี่ปุ่น E. Cameo
  • E. Chocalate Cream หรือเรียกว่า Chocalate Pink ใบสีเหมือนช็อกโกเล็ต พื้นใบมัน ๆ ขนใบสั้น ๆ ดอกจะเป็นสีชมพู ตัดกับใบ พันธุ์นี้เห็นทั่วไปตามท้องตลาด
พรมญี่ปุ่น E. Chocalate Cream
  • E.Chocolate Soldier สายพันธุ์ก็สามารถพบเห็นได้ตามท้องตลาด พื้นใบสีขาว ๆ เงิน ๆ ลายใบเป็นสีน้ำตาลเข้มช็อกโกเล็ต พื้นใบมัน ขนใบสั้น ดอกสีแดงตัดกับใบ
พรมญี่ปุ่น E.Chocolate Soldier
  • E. Chocalate Velvet เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะใบเป็นสีน้ำเงินเข้มแกมดำ มีเส้นลายกลางใบ ใบเป็นขนกำมะหยี่ ดอกสีม่วงใหญ่ ใบคล้ายพันธุ์ Blue Nile
พรมญี่ปุ่น E. Chocalate Velvet
  • E. Cleopatra สายพันธุ์นี้เป็นราชินีพรมญึ่ปุ่น และขึ้นชื่อเรื่องความยากในการเลี้ยง พื้นใบมีสีขาวเงิน ลายใบเป็นสีชมพูปนสีเขียวอ่อนนิด ๆ มีลายใบขึ้นไม่เป็นระเบียบเหมือนปานตามใบ มีดอกสีแดง
พรมญี่ปุ่น E. Cleopatra
  • E. Country Kitten สายพันธุ์นี้มีลักษณะทรงใบจะออกกลม ๆ พื้นใบเป็นสีขาวอมชมพูอ่อน มีขนเป็นกำมะหยี่ และลายใบเป็นเส้นสีขาวค่อนข้างชัดเจน มีเอกลักษณ์มาก ดอกเป็นสีแดง
พรมญี่ปุ่น E. Country Kitten
  • E. Emerald เป็นอีกพันธุ์ถ้าเลี้ยงสมบูรณ์จะสวยมากด้วยพื้นใบสีเขียวเข้ม ใบมัน ๆ ปานกลาง ขนใบสั้น ดอกสีแดง ตัดกับใบ ชอบแสงแบบรำไร
พรมญี่ปุ่น E. Emerald
  • E. Emerald Velvet เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ของใบที่เป็นขนกำมะหยี่มาก พื้นใบสีเขียวขี้ม้า มีลายริ้วดำ ๆ ตามใบเป็นเอกลักษณ์ของพันธุ์นี้ ดอกสีม่วงใหญ่
พรมญี่ปุ่น E. Emerald Velvet
  • E. Fadded Jade ลักษณะพื้นใบมัน ๆ พื้นใบสีขาวเงินมีลายเป็นสีเขียว ทรงใบเรียว ๆ มีหยักเล็ก ๆ ดอกเป็นสีแดงตัดกับใบกำลังดี
พรมญี่ปุ่น E. Fadded Jade
  • E. Fimbriata Blue Heaven มีลักษณะดอกเป็นสีม่วงปนขาว ดอกขนาดกลาง เป็นทรงกลม พื้นใบเป็นเป็นสีเขียว มีขนใบยาวเหมือนสักหลาด
พรมญี่ปุ่น E. Fimbriata Blue Heaven
  • E. Frosty จะคล้ายๆ Fadded Jade แต่พื้นใบจะไม่มัน ลักษณะลายใบคล้าย ๆ กัน ดอกเป็นสีแดงเหมือนกันเป็นพันธุ์ที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาด
พรมญี่ปุ่น E. Frosty

วิธีการปลูก

การปลูกเลี้ยงพรมญี่ปุ่นว่า ไม้ประเภทนี้ไม่ชอบน้ำแฉะหรือมีน้ำขังเพราะต้นจะเน่าตาย ต้องการแสงแดดรำไร หรือเลี้ยงในที่ร่มรำไร และต้องเลี้ยงไม่ถูกน้ำฝนตกกระแทกแรง เพราะจะทำให้ใบแตกเสียหาย เชื้อโรคเข้าทำลายง่ายจากบาดแผล หากต้นไหนอ่อนแอก็จะตายง่าย วัสดุปลูกจึงควรมีคุณสมบัติระบายน้ำและอากาศได้ดี โดยสวนพดด้วง จะใช้มะพร้าวสับและขุยมะพร้าว ใช้อัตราส่วน 1:1 แต่การใช้ขึ้นกับขนาดกระถางด้วย อย่างถ้าปลูกในกระถางขนาด 3 นิ้ว จะใช้เพียงขุยมะพร้าวอย่างเดียว จากนั้นให้ตัดไหลมาปักชำลงกระถางได้เลย ถ้าเป็นกระถางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ขนาด 5.5 นิ้ว จะใช้ขุยมะพร้าวผสมมะพร้าวสับ เพราะกระถางขนาดใหญ่ต้องให้มีการระบายน้ำที่ดี โดยรดน้ำให้วัสดุปลูกเปียกชุ่มสักครู่ก่อน จากนั้นให้ทำช่องเพื่อนำกิ่งมาปักชำ และให้รดน้ำอีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้ปลูกเลี้ยงทั่วไป ควรเลี้ยงในดินผสมใบก้ามปู จะทำให้ต้นเจริญเติบโตแข็งแรง และมีลวดลาย สีสันสวยงามมากกว่าแบบใช้ขุยมะพร้าวและมะพร้าวสับ ระยะเวลาการงอกของรากประมาณ 10 วัน ส่วนใหญ่มีอัตราการรอดสูง

วิธีการดูแล

การดูแลพรมญี่ปุ่น ชอบชื้นแต่ไม่ชอบแฉะ น้ำขัง เพราะรากของมันจะเน่าได้ วัสดุปลูกที่ใช้ก็ควรเป็นดินผสมพวกกาบมะพร้าวสับหยาบเพื่อให้มีช่องว่างให้อากาศถ่ายเทสะดวก ถ้าจะปลูกลงดิน ต้องระวังเรื่องน้ำเป็นพิเศษ ในช่วงหน้าฝน เพราะถ้าฝนตกมากแล้วน้ำท่วมขัง รากจะเน่าตายได้ หรือถ้าปลูกร่วม หรือ ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็ควรเลือกต้นไม้ที่นิสัยคล้ายๆ กันเพื่อให้ง่ายในการดูแลได้ทั่วถึง

วิธีปลูกพรมญี่ปุ่น

วิธีการขยายพันธุ์

ปักชำไหล ปักชำยอด หากต้องการทำลูกผสมใหม่ให้เพาะเมล็ด และตัดกิ่งมาปักชำในถุงเพาะ

โรคและแมลงศัตรูพืช

โรคพืชและแมลงศัตรูพืช ควรจะระวังเพลี้ยแป้ง และด้วงเต่าแตงคอยกัดกินใบจนต้นตายในที่สุด หากระบาดควรฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชทุกสัปดาห์

ประโยชน์ต้นพรมญี่ปุ่น

ปลูกเป็นไม้กระถางหรือไม้คลุมดินเพื่อสร้างสีสันให้กับสถานที่และเพิ่มความสวยงาม

ราคาต้นพรมญี่ปุ่น

ต้นพรมญี่ปุ่นมีจำหน่ายทั่วไปตามร้านจำหน่ายต้นไม้ และยังสามารถหาซื้อได้ตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งมีให้เลือกอย่างมากมายหลายสายพันธุ์ และหลายราคา ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้นไม้ โดยเริ่มต้นที่ 29 บาท ไปจนถึงหลักร้อยและหลักพัน ซึ่งสายพันธุ์ที่หายากราคาก็จะสูงขึ้นไปตามลำดับ ปัจจุบันมีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายและกำลังเป็นที่นิยมนำมาปลูกเพื่อเพิ่มสีสันให้กับบ้านอีกด้วย

พรมญี่ปุ่น ราคา

แหล่งอ้างอิง

https://www.lib.kps.ku.ac.th/

พรมญี่ปุ่น – คลังทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้