The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อมูลผ้าไทย 240364 ล่าสุด 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khantarak, 2021-03-24 05:26:10

ข้อมูลผ้าไทย 240364 ล่าสุด 1

ข้อมูลผ้าไทย 240364 ล่าสุด 1





คำนำ

หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ (EBOOK) เล่มน้ีเป็นสว่ นหนง่ึ ของการฝึกสหกจิ ศึกษา จัดทาขึน้ เพอ่ื เป็น
ส่อื การเรียนรู้เก่ียวกับผา้ ซิน่ ตนี จก ผจู้ ดั ไดร้ วบรวมข้อมลู เกยี่ วกบั ผา้ ซน่ิ ตนี จก ลวดลายผ้าซน่ิ ตนี จก
(ลวดลายเพยี งบางสว่ น) อาเภอลอง จงั หวัดแพร่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง

ผจู้ ัดทาหวงั เป็นอย่างย่ิงวา่ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ (EBOOK) เร่อื ง โครงการจดั ทาสอ่ื รณรงค์
สง่ เสริมการแต่งกายนงุ่ ผา้ ซน่ิ ไมน่ งุ่ สัน้ (ผา้ ซิน่ ตีนจก) หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (EBOOK) เลม่ นี้ จะเป็น
ประโยชน์ต่อผทู้ ส่ี นใจได้ไม่มากก็นอ้ ย

คณะผจู้ ดั ทา

สำรบญั ๓

คานา หน้ำ
สารบัญ
สารบัญภาพ ก
สารบญั ภาพ (ตอ่ ) ข
ผา้ ไทย ค
ผ้าซ่ินตีนจกเมืองลอง จงั หวดั แพร่ ง
กรรมวิธีการทอผ้าแบบโบราณ 1
อุปกรณก์ ารทาเส้นดา้ ย ๒
อปุ กรณก์ ารทอผ้าจก ๓
กระบวนการ/ขน้ั ตอนการทาเส้นฝา้ ย (ดา้ ย) ๔
กระบวนการ/ข้นั ตอนการทอผ้าจกเมอื งลอง ๗
องคป์ ระกอบของผ้าซนิ่ ตนี จก ๑๒
ลายผ้าซิน่ ตีนจก อาเภอลอง จงั หวัดแพร่ 1๖
ลายผา้ ซ่ินตีนจกจากศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภณั ฑ์บา้ นศิลปินแห่งชาต)ิ 2๒
พิพธิ ภัณฑโ์ กมลผา้ โบราณ 2๓
ประวตั สิ ว่ นตัว ๕๒
๗๘
๘๕

สำรบัญภำพ ๔

ภำพประกอบท่ี หน้ำ
๑. ดอกฝ้าย 3
๒. อดี ฝา้ ย 4
4
๓. เผย่ี น ป่นั ฝ้าย ๕
๔. กะลุมยงิ ฝ้าย ๕
๕. แปน้ ปน่ั หางสาลี ๖

๖. ไมเ้ ป่ียฝา้ ย ๗
๗. มะกวกั (หางเหน) ๗
๘. กท่ี อผา้ ๘
8
๙. ตะกอลาย ๙
๑๐. ตะกอเหยยี บ ๙
๑๑. ฟันหวี (ฟืม) ๑๐
๑๐
๑๒. กระสวยใสห่ ลอดดา้ ยพุ่ง (ด้ายต่าหรอื ดา้ ยดอก) ๑๑
๑๓. ไม้ดาบ ๑๑
๑๔. ขนเม่น (ใช้สาหรบั จกเส้นด้ายให้เกดิ ลวดลาย) ๑๒
๑๒
๑๕. หลอดเส้นดา้ ยพ่งุ สตี ่าง ๑๓
๑๖. เผ่ียน (อปุ กรณ์ในกอดา้ ย) ๑๓
๑๗. ผืนผา้ จกท่ที อเสร็จแล้ว ๑๔
๑๔
๑๘. การอดี ฝา้ ย ๑๕
๑๙. การดีดฝ้าย ๑๕
๒๐. การปน่ั หางสาลี ๑๖
๑๖
๒๑. การปั่นฝ้าย ๑๗
๒๒. การเปยี่ ฝา้ ย ๑๗
๒๓. การกวกั ฝ้าย ๑๘
๑๘
๒๔. การโว้นผูก ๑๙
๒๕. การทอผา้ ตีนจกหรอื การทอหกู 19
๒๖. การกรอดา้ ย ๒๐
๒๑
๒๗. การโว้น 2๒
๒๘. การมัดเขาเหยียบ
๒๙. การปว่ นฟนั ฟืม (การรอ้ ยฟันหวี)

๓๐. การสบื เครอื
๓๑. การแกะลายหรอื การเกบ็ ลาย
๓๒. การมัดเขา

๓๓. การทอผ้า
๓๔. การตรวจสอบคณุ ภาพ
๓๕. องค์ประกอบของผาตนี จก

๓๖. ลายขอหวั ใจ

สำรบัญภำพ (ต่อ) ๕

ภำพประกอบท่ี หน้ำ

๓๗.ลายขามดสม้ ๒๓
๓๘.ลายขอผักกูด ๒๔
๓๙. ลายงหู ้อยส้าว ๒๕
๒๖
๔๐. ลายโกง้ เก้งซ้อนนก ๒๗
๔๑. ลายเจียงแสน ๒๘
๔๒. ลายสาเภาลอยนา้ ๒๙
๓๐
๔๓. ลายราชบุรี ๓๑
๔๔. ลายสรอ้ ยกาบหมาก ๓๒
๔๕. ลายชอ่ นอ้ ยตงุ ชยั ๓๓
๓๔
๔๖. ลายแมงโบง้ เลน ๓๕
๔๗. ลายเจยี งแสนหงส์ดา ๓๖
๔๘. ลายนกนอน ๓๗
๓๘
๔๙. ลายหม่าขนัด ๓๙
๕๐. ลายขันดอก ๔๐
๕๑. ลายขอลอ้ มนก ๔๑
๔๒
๕๒. ลายขนั ดอกหมู่ ๔๓
๕๓. ลายสาเภาลอยน้า ๔๔
๕๔. ลายขอกาบ ๔๕
๔๖
๕๕. ลายหลังเตา่ ๔๗
๕๖. ลายกหุ ลาบเวียงพงิ ค์ ๔๘
๕๗. ลายดอกเชยี หรอื ลายภพู งิ ค์ ๔๙
๕๐
๕๘. ลายจีด้ อกมะโอ ๕๑
๕๙. ลายดอกผักแวน่ ๕๒
๖๐. ลายนกกนิ นา้ รว่ มตน้ ๕๓
๕๔
๖๑. ลายขอลอ้ มดาว ๕๕
๖๒. ลายโก้งเก้งซอ่ นนก ๕๖
๖๓. ลายเจยี งแสง ๕๗
๕๘
๖๔. ลายแมงกาป้งุ
๖๕. ลายเขาวงกรด
๖๖. ลายต่อมเครือ

๖๗. ลายฟนั เลือ่ ย
๖๘. ลายหงสค์ ู่ กาบหมาก
๖๙. ลายขามดแดงกาบหมาก

๗๐. ลายหัวนาค
๗๑. ลายโคมชอ่ ตงุ น้อย
๗๒. ลายกาแล นกคุม้



สำรบญั ภำพ (ตอ่ )

ภำพประกอบที่ หน้ำ

๗๓. ลายเชียงแสน หงส์ดา ๕๙

๗๔. ลายสร้อยกาบหมาก ๖๐

๗๕. ลายกาบปา่ วนกค้มุ ๖๑

๗๖. ลายบุง้ เลน ๖๒

๗๗. ลายขอใหญ่เข้ยี วหมา ๖๓

๗๘. ลายดอกจนั ทร์แปดกลบี ๖๔

๗๙. ลายสาเภาลอยน้าหัวนาค ๖๕

๘๐. ลายขามดแดง ๖๖

๘๑. ลายผักกูด ๖๗

๘๒. ลายขนั ดอก ๖๘

๘๓. ลายกาแล ๖๙

๘๔. ลายสาเภาลอยนา้ ๗๐

๘๕. ลายงหู อ้ ยสา้ ว ๗๑

๘๖. ลายผักแวน่ ๗๒

๘๗. ลายนกนอน ๗๓

๘๘. ลายขอกุญแจ ๗๔

๘๙. ลายหงสค์ กู่ ินนา้ ร่วมตน้ ๗๕

๙๐. ลายนกกินน้ารว่ มต้นหวั นาค ๗๖

๙๑. ศกึ ษาข้อมูลผ้าซิ่นตนี จก ศูนยก์ ารเรยี นรู้ผา้ จกเมืองลอง (พพิ ิธภณั ฑบ์ า้ นศิลปนิ แห่งชาติ) ๗๗

๙๒. ศึกษาข้อมูลผา้ ซน่ิ ตนี จก ศูนย์การเรยี นรูผ้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑ์บ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ ๗๗

๙๓. ภาพจิตกรรมสีฝุ่นบนแผ่นไมห้ ลายแผ่น ทป่ี ระกอบเปน็ ฝาผนังของชา่ งพ้นื บ้านในอดีต ๗๘

๙๔. ภาพจติ กรรมสฝี ุ่นบนแผน่ ไม้หลายแผ่น ทปี่ ระกอบเป็นฝาผนงั ของชา่ งพื้นบ้านในอดีต ๗๘

๙๕. ตัวอย่างผาซนิ่ ตนี จกของแต่ละจังหวดั ๗๙

๙๖. ศึกษาผา้ โบราณ ๒๐๐ ปี ๗๙

๙๗. ผ้ากลุม่ ไทพวนหรือลาวพวน ๘๐

๙๘. ผ้าซิ่นตนี จกโบราณเมอื งลอง ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ๘๐

๙๙. ผ้าซนิ่ ลาย จหี้ ม่าโอในเครือดอกตอ่ ม ๘๑

๑๐๐. ผ้าซิน่ ลาย สะเปาลอย ๘๑

๑๐๑. ลายสะเปาลอย ๘๒

๑๐๒. ซ่ินเชยี งแสน ๘๓

๑๐๓. พญาซน่ิ ๘๓

๑๐๔. ศึกษาข้อมลู ผา้ ซน่ิ ตนี จก พิพธิ ภณั ฑท์ อ้ งถน่ิ โกมลโบราณ ๘๓



ผ้ำไทย

"ผา้ ไทย" เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมท่ีล้าค่าที่บรรพบุรุษได้สืบสาน
มรดก ภมู ปิ ญั ญาจากร่นุ สู่รุ่นจนถึงปัจจบุ นั ทีแ่ สดงถึงความเป็นตัวตนของ
ชุมชน ลวดลาย ต่าง ๆ บนผืนผ้าส่ือความหมายให้ทราบถึง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ ฯลฯ ของแต่ละท้องถิ่นที่มีความ
แตกต่างกัน และผ้าไทยเป็นเคร่ืองบ่งบอกเอกลักษณ์ ความเป็นไทยด้าน
เครื่องนุ่งหม่ ซึ่งสามารถสะท้อนวถิ ีชวี ิต ศลิ ปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาใน
แต่ละภูมภิ าคไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทั้งน้ี ในอดตี ที่ผ่านมาได้พบหลักฐาน ว่าคนใน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์รู้จักทอผ้าใช้แล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ ปี
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานน้ีได้มีการค้นพบหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการ
ใช้ผ้าท้ังท่ีมีการ สั่งซ้ือจากต่างประเทศและท่ีมีการทอใช้เอง ซึ่งใน
สมัยก่อนเส้ือผ้าเครอื่ งนุ่งห่ม เป็นเคร่ืองบง่ บอกฐานะด้วย โดยเจ้าแผ่นดิน
เจา้ นายและขนุ นาง สว่ นใหญ่ใชผ้ ้าชนิด ต่าง ๆ ท่ีส่งั จากตา่ งประเทศ ส่วน
สามญั ชนสว่ นใหญ่ใชผ้ า้ พ้ืนเมอื ง ซึ่งทอใช้กัน อยูท่ ัว่ ทกุ ภมู ภิ าค

เฉลมิ พระเกยี รติสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ท่ี
ทรงเป็นผู้ริเริม่ ในกรอนุรักษ์และเผยแพรผ้าไทย และตอบสนองนโยบาย
นายกรัฐมนตรีในการส่งเสรมิ และรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย ตลอดจน เป็นการสนับสนุนให้ประชาชน
สามารถสรา้ งอาชีพ สรา้ งรายได้ใหก้ ับตนเอง และครอบครวั จงึ ไดม้ ีการจดั กิกรรมเพ่ือกระตุ้นให้เกิดความสนใจ
และสรา้ งคา่ นยิ มในการใช้ผา้ ไทยมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และไดม้ แี ผนการดาเนินงานเพ่อื รณรงค์สง่ เสรมิ การใช้ผ้าไทย
ใหเ้ กิดกระแสการรับรแู้ ละเห็นผลอย่างเปน็ รูปธรรม
ความสาคัญของผ้าไทย ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงปจั จัยหน่ึงในการดารงชีวิตเทา่ นน้ั แต่ผ้าไทยยงั เปน็ ท่รี วมของ

มรดกภมู ปิ ญั ญาซ่งึ บรรพบุรุษได้ประดิษฐ์ คิดค้นข้ึนเป็นเวลานาน
หากไม่มีผู้สืบทอดภูมิปัญญาต่าง ๆ ที่ถักทอออกมา เป็นลายผ้าก็จะสูญ
หายไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก เนื่องจากปัจจุบันผู้สืบทอด และ
ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการทอผ้ากาลังลดน้อยลง และลูกหลานหรือผู้สืบ
ทอด ต่างหนั ไปประกอบอาชีพอื่น อีกทั้งในยุคปัจจุบันประชาชนนิยมสวม
ใส่ผ้าทอ จากอตุ สาหกรรมมากกว่าผ้าทอมือฝีมือคนไทยอันเป็นอัตลักษณ์
แหง่ ความเป็นไทย และการสงวนรกั ษามรดกภมู ปิ ัญญาผา้ ไทย จาเปน็ อย่าง
ย่ิงท่ีต้องให้ผู้ขายผ้า หรือผู้ประกอบการเก่ียวกับผ้ามีรายได้เพ่ิมมากข้ึน
ดังน้ัน จึงต้องดาเนินการ ไปพร้อม ๆ กัน ทั้งด้านการส่งเสริมให้เห็น
ความสาคัญของภมู ิปัญญาดา้ นผ้าไทยและสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ รายได้ ซึ่งเป็นการ
เจริญรอยตามพระยุคลบาท สมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ิติ์ พระบรมราชนีนาถ ท่ี
ได้ทรงปูพ้นื ฐานไว้ก่อนแลว้

จงั หวดั แพร่ เป็นแหล่งกาเนิดของผา้ มีผา้ ฝา้ ยท่ีใหญ่และมีช่ือเสียง
ที่สุดในจังหวัดแพร่ มีวฒั นธรรมการทอผา้ และย้อมสีใบหอ้ มย้อมดว้ ยผ้าฝา้ ย
เพือ่ ทาใหไ้ ด้ครามสีนา้ เงนิ การย้อมสแี บบดัง้ เดิม แนวคิดจากวฒั นธรรมและ
ความเชื่อ นาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาออกแบบเสื้อผ้าหม้อห้อมให้มีความ
สวยงามร่วมสมยั สร้างความแตกต่างจากรูปแบบด้งั เดิม



มุ่งเน้นความเป็นธรรมชาติโดยใชส้ ีย้อมวสั ดจุ ากธรรมชาติ เพือ่ สรา้ งลวดลายผา้ และพน้ื ผวิ บนผา้ ด้วยการ
ตัดเย็บปกั เพอ่ื ให้มคี วามสวยงามและนา่ สนใจสาหรับผู้บรโิ ภค"

จงั หวัดแพรม่ ีแหลง่ ผลติ ภัณฑ์ท่ีเปน็ เอกลักษณ์และลักษณะท่ีโดด
เดน่ คอื การทอผา้ ตีนจกเมืองลอง เป็นแหล่งผลิตผ้าซิ่นตีนจกที่สาคัญ
ของจังหวัดแพร่ ถือเป็นหตั ถกรรมท่ลี กู หลานเมืองลองมีความภาคภูมิใจ
ท่ีได้เปน็ ผ้สู บื ทอดรปู แบบลวดลาย สีสันท่ีวิจิตรสวยงามท่ีปรากฏบนผืน
ผา้ และได้มีการพัฒนาผืนผา้ ใหม้ ีความหลากหลาย สวยงาม มีประโยชน์
การใช้สอยสูง ทาให้ผ้าทอตีนจกของเมืองลิงในปัจจุบันมีความ
หลากหลายแปลกตา และยงั เป็นท่นี ยิ มในหมใู่ ชผ้ ้าไทยในปจั จบุ นั

ผ้ำซ่ินตีนจกเมืองลอง จงั หวดั แพร่

ประวตั ิความเปน็ มาผา้ ซิ่นตนี จกเมอื งลอง

เมืองลองในอดตี เป็นเมืองหน้าด่านสาคัญเมืองหน่ึงทาง
ทิศใตข้ องอาณาจักรลา้ นนา เป็นเมอื งของชาวไทยยวนหรือชาว
ไทยโยนก ซึ่งมีเทคนิคและศิลปะในการทอผ้าในรูปแบบของ
ตนเอง ผู้หญงิ ไทยวนนิยมแตง่ กายด้วยผ้าซิ่นทอชนดิ ตา่ งๆ และ
ผา้ ซนิ่ ตีนจกเป็นผ้าซิน่ ที่ทาขึน้ เพ่ือใชใ้ นโอกาสพิเศษ โดยวัสดุท่ี
ใชใ้ นการทอมีทั้งทีเ่ ปน็ ผ้าไหม ดิน้ เงิน ดน้ิ ทอง ทอเป็นลวดลาย
สวยงาม

การทอผ้าตนี จกของชาวเมอื งลอง เร่ิมขึ้นมานานเพียงใด
ไมป่ รากฏหลักฐาน แต่สันนิษฐานวา่ ความรุง่ เรืองของเมืองลอง
มมี านานกว่า ๒๐๐ ปี จากหลักฐานภาพถ่ายเจ้านายฝ่ายหญิง
ของเมอื งแพรใ่ นสมยั ก่อน พ.ศ ๒๔๔๕ พบว่า ถ้าผ้าซิ่นใช้สวม
ใส่จะมีเชิงซิ่นเปน็ ตีนจก ซึง่ นา่ จะเป็นซ่ินตีนจกทที่ อขึ้นโดยช่าง
ทอผ้าชาวเมืองลอง นอกจากน้ีหลักฐานการใช้ผ้าตีนจกเมือง
ลองในการแตง่ กายของชาวเมอื งลองยังปรากฏมานานนบั ร้อยปี
หลักฐาน คอื ภาพจติ รกรรมฝาผนังท่ี วัดเวยี งต้า ตาบลเวียงต้า
อาเภอลอง เป็นภาพวิถีชีวิต ความเชื่อ การแต่งกายของ
ชาวบ้านเวยี งตา้ ซ่งึ เป็นคนเมอื งลองในยคุ นน้ั ผูห้ ญิงในภาพใชส้ วมใสเ่ ปน็ ซ่นิ ตนี จก
ผา้ จกเมืองลองเปน็ ผา้ ทอท่มี ลี วดลายและสีที่สวยงาม ในอดีตส่วนใหญ่เป็นการทอเพื่อนามาต่อกับผ้าถุง
หรอื ทเี่ รียกว่าซ่นิ เปน็ เชงิ ตีนซน่ิ เรียกวา่ ซ่ินตนี จกและมีการสืบทอดวฒั นธรรมการทอผา้ ตนี จกมาจนถึงปัจจุบัน
ท่มี คี วามสวยงามบอกถึงฐานะและสงั คมของผูส้ วมใส่ การแตง่ กายเปน็ ส่งิ สาคัญสิ่งหนึ่งท่ีบ่งบอกเอกลักษณ์ของ
คนแต่ละพื้นถ่ิน ตัวซิ่นลายทางต้ังเป็นซิ่นแบบลาวไม่ควรนามาต่อกับตีนจกไทยวน นอกจากน้ีการโพกผ้ายัง
สามารถเปน็ ตัวบง่ ชีส้ ถานภาพของผหู้ ญงิ อกี ดว้ ย
ตีนจก มาจากคาวา่ ตีน และ จก คาว่า ตีน มาจากคาว่าตีนซ่ิน คือชายผ้าถุง ส่วนคาว่าจก หมายถึงการ
ลว้ ง การทอผา้ ชนิดนี้ ของชายไทยวนจะทอลวดลายบนผนื ผ้าด้วยการใช้ขนเมน่ หรือไม้แหลมจกหรือล้วงเสน้ ด้าย
สีต่างๆ ให้เป็นลวดลายตามท่ีกาหนดไว้ ผ้าจก ส่วนใหญ่ทอเพื่อนาไปต่อเป็นเชิงผ้าถุง ชาวบ้านจึงนิยมเรียกผ้า
ชนดิ นวี้ า่ ผา้ ตีนจก



การทอผ้าตีนจก ในจังหวัดแพร่มีเพียงแห่งเดียวคือ ที่อาเภอลองหรือเมืองลอง ผ้าตีนจกเมืองลอง
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยญวนหรือชาวไทยโยนกซึง่ เป็นกลมุ่ ใหญข่ องภาคเหนอื ในอดตี ผ้าตีนจกเมือง
ลอง เปน็ เคร่ืองแสดงฐานะทางเศรษฐกิจและสงั คมของผูส้ วมใส่ ผู้ใชผ้ ้าทอตนี จกจะเป็นผู้ท่ีมีฐานะดหี รอื อาจเป็น
เชอ้ื สายของเจ้าเมือง เน่ืองจากเป็นผ้าท่ีต้องความประณีตและใช้เวลาทานาน จึงทาให้มีราคาสูงเม่ือเทียบกับ
ผา้ ซนิ่ ชนิดอ่นื ผ้าตนี จกฝีมือชา่ งทอผ้าเมอื งลองในอดีตมีความกว้างประมาณ ๑๐ นิ้ว มีลายจกยาวประมาณ ๒
ใน ๓ ของตนี ซ่ิน

ชนิดของผ้าจกเมอื งลอง มีทง้ั ตนี จก ใช้ตอ่ เชิงผา้ ถงุ หรอื ตีนเสน้ , ผา้ สไบหรือผ้าสะหว้านบ่า เปน็ ผ้าจกหนา้
แคบนิยมใช้เมอ่ื แตง่ กายแบบพืน้ เมอื งภาคเหนอื , ผ้าคลุมไหล่, ผ้าเทป เป็นผ้าทอจกท้ังผืนโดยใช้ลวดลายซ้ากัน
เป็นผ้าที่พัฒนาขน้ึ มาภายหลังเพื่อนาไปตัดเย็บตกแต่งกับผ้าพ้ืน ผ้าเทปยังสามารถนาไปเป็นผลิตภัณฑ์อ่ืนเช่น
กระเป๋าถอื ซองใสแ่ ว่น กล่องใสก่ ระดาษชาระ เปน็ ตน้

ลวดลายผา้ จกท่ีตกทอดถงึ ปัจจบุ นั นม้ี ีนบั ร้อยลาย ตัวอย่างลวดลายโบราณท่ียังนิยมใช้อยู่เชน่ ลายผักแว่น,
ลายนกกนิ น้าร่วมต้น, ลายขอไล่, ลายวงน้าคุ, ลายสาเภาลอยน้า, ลายงูห้อยขา้ ว, ลายต่อมเครอื , เปน็ ต้น ลายสว่ น
ใหญ่จะไดม้ าจากการสังเกตสภาพธรรมชาติแล้วนามาลอกเลียนแบบ การทอผ้าตีนจกแบบด้ังเดิมมักจะใช้ลาย
หลักประมาณ ๑ หรือ ๒ ลายในการทอผ้าแต่ละผืน ปัจจุบันช่างทอผ้าเมืองลองยังคงใช้สีย้อมจากธรรมชาติ
ทาใหผ้ า้ มคี ุณคา่ มากขึ้นตลอดจนสามารถนาไปตกแต่งกบั ผา้ อนื่ ๆ ไดง้ ่าย

กรรมวธิ ีกำรทอผำ้ แบบโบรำณ

การทอผ้าแบบโบราณ แต่เดิมจะปลูกฝ้าย และนาฝ้ายมาป่ันด้วยมือ เรียกว่า ฝ้ายเข็มและย้อมสี
ธรรมชาติในการทอผ้า สีที่ใช้ในการทอผ้าส่วนมากจะเป็นสีแหล้ (สีเข้ม) ซ่ึงปัจจุบันการเข็นฝ้ายน้ันหาดูยาก
เพราะส่วนใหญจ่ ะใชฝ้ า้ ยจากโรงงาน ทาใหก้ ระบวนการบางอย่างในการทอผ้าคอ่ ยๆหายไป ดงั นัน้ เป็นผสู้ ืบทอด
ภมู ปิ ัญญา ควรจะอนรุ ักษ์ไวซ้ ึ่งกรรมวธิ กี ารทอผา้ แบบเดมิ

อปุ กรณก์ ำรทำเสน้ ดำ้ ย

๑. ดอกฝา้ ย

รูปภาพที่ ๑ ดอกฝ้าย
ทม่ี า : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

๑๐

๒. อีดฝ้าย

รปู ภาพที่ ๒ อีดฝา้ ย
ท่มี า : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภณั ฑ์บ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)

๓. เผ่ยี น ปนั่ ฝ้าย

รปู ภาพที่ ๓ เผี่ยน ป่ันฝา้ ย
ทมี่ า : ศูนย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑ์บ้านศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ

๑๑

๔. กะลมุ ยงิ ฝา้ ย

รูปภาพท่ี ๔ กะลมุ ยงิ ฝ้าย
ท่มี า : ศูนย์การเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาติ)
๕. แปน้ ปน่ั หางสาลี

รปู ภาพที่ ๕ แปน้ ปั่นหางสาลี
ท่ีมา : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาติ)

๑๒

๖. ไม้เป่ยี ฝ้าย

รูปภาพท่ี ๖ ไม้เป่ียฝา้ ย
ทม่ี า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมืองลอง (พิพธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ

๗. มะกวกั ( หางเหน)

รูปภาพท่ี ๗ มะกวกั (หางเหน)
ท่ีมา : ศนู ย์การเรยี นรผู้ า้ จกเมืองลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแหง่ ชาติ)

๑๓

อปุ กรณก์ ำรทอผำ้ จก

๑. กท่ี อผา้

รปู ภาพท่ี ๘ ก่ีทอผา้
ทมี่ า : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑ์บ้านศลิ ปนิ แห่งชาติ)
๒. ตะกอลาย (เขาลาย)

รูปภาพท่ี ๙ ตะกอลาย (เขาลาย)
ทม่ี า : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)

๑๔

๓. ตะกอเหยยี บ (เขาเหยยี บ)

รปู ภาพที่ ๑๐ ตะกอเหยียบ (เขาเหยยี บ)
ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)

๔. ฟนั ทวี (ฟืม)

รปู ภาพท่ี ๑๑ ฟันหวี (ฟมื )
ทมี่ า : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ

๑๕

๕. กระสวยใสห่ ลอดดา้ ยพงุ่ (ด้ายตา่ หรือดา้ ยดอก)

รูปภาพท่ี ๑๒ กระสวยใสห่ ลอดดา้ ยพุ่ง (ด้ายตา่ หรอื ดา้ ยดอก)
ทม่ี า : ศนู ย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แห่งชาติ)
๖. ไม้ดาบ

รปู ภาพที่ ๑๓ ไมด้ าบ
ทมี่ า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

๑๖

๗. ขนเมน่ (ใชส้ าหรับจกเส้นด้ายใหเ้ กดิ ลวดลาย)

รูปภาพท่ี ๑๔ ขนเมน่ (ใช้สาหรบั จกเสน้ ด้ายใหเ้ กิดลวดลาย)
ทม่ี า : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)
๘. หลอดเส้นดา้ ยพงุ่ สีตา่ งๆ

รูปภาพที่ ๑๕ หลอดเสน้ ดา้ ยพุ่งสีต่างๆ
ท่มี า : ศูนย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาติ)

๑๗

๙. เผีย่ น

รูปภาพที่ ๑๖ เผีย่ น (อปุ กรณใ์ นกอดา้ ย)
ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาต)ิ
๑๐. ผืนผา้ จกท่ีทอเสรจ็ แล้ว

รปู ภาพที่ ๑๗ ผนื ผา้ จกที่ทอเสรจ็ แลว้
ท่ีมา : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

๑๘

กระบวนกำร/ขน้ั ตอนกำรทำเสน้ ฝ้ำย (ดำ้ ย)

๑. การอีดฝ้าย

รปู ภาพท่ี ๑๘ เปน็ การเอาเมลด็ ฝา้ ยออกจากดอกฝา้ ย เพอื่ จะนาไปยิงฝ้ายในขัน้ ตอนต่อไป
ทีม่ า : ศนู ย์การเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ

๒. การดดี ฝา้ ย

รูปภาพท่ี ๑๙ เปน็ การนาฝา้ ยทีอ่ ดี แลว้ มาดดี ในตะลุมและก๋ง
ที่มา : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภณั ฑ์บา้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)

๑๙

๓. การปัน่ หางสาลี

รูปภาพที่ ๒๐ เปน็ การนาฝา้ ยฟมู าม้วนเปน็ หางสาลี เพอ่ื จะนาไปปั่นเปน็ เส้นฝา้ ยต่อไป
ทม่ี า : ศนู ยก์ ารเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ

๔. การปน่ั ฝ้าย

รูปภาพท่ี ๒๑ เป็นการนาฝ้ายที่เปน็ หางสาลี มาปนั่ ใหเ้ ป็นเส้นดา้ ยเพอ่ื ทีจ่ ะนาไป ยอ้ มเป็นสตี า่ งๆ
ที่มา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพธิ ภณั ฑบ์ า้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)

๒๐

๕. การเป๋ยี ฝ้าย

รปู ภาพที่ ๒๒ เปน็ การเอาฝา้ ยท่ปี ่ันแล้วออกจากเหลก็ ใน เพอื่ ใหเ้ สน้ ด้ายเปน็ ใจ
ที่มา : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภณั ฑ์บา้ นศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)
๖. การกวักฝา้ ย

รปู ภาพที่ ๒๓ การกวักฝา้ ยเปน็ การนาด้ายสี เคมี หรอื สธี รรมชาติ ตามทตี่ ้องการ นามากวกั เพอื่ นาไป
โวน้ ต่อไป

ท่มี า : ศูนย์การเรยี นรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพธิ ภณั ฑบ์ า้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)

๒๑

๗. การโว้นผูก

รูปภาพที่ ๒๔ การโวน้ ผกู เป็นการนาด้ายทก่ี วักแล้ว นาไปเครือหูกเพ่ือนาไปทอต่อไป
ท่ีมา : ศูนย์การเรียนรผู้ า้ จกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปินแห่งชาต)ิ
๘. การทอผา้ ตนี จกหรอื การทอหูก

รูปภาพที่ ๒๕ การทอผ้าตนี จกหรอื การทอหกู เป็นกระบวนการข้นั สุดท้ายของการทอผา้
ทีม่ า : ศนู ย์การเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ธิ ภณั ฑบ์ า้ นศิลปินแหง่ ชาต)ิ

๒๒

กระบวนกำร/ขนั้ ตอนกำรทอผำ้ จกเมอื งลอง

๑. การกรอดา้ ย

รปู ภาพที่ ๒๖ การกรอด้าย เป็นการเตรียมดา้ ยสาหรบั การนาไปใช้เป็นดา้ ยยืนและดา้ ยพงุ่ โดยมี
อปุ กรณใ์ นการกรอดา้ ย คอื โกวง้ กวา้ ง มะกวกั หลอดดา้ ย

ท่มี า : ศนู ย์การเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑ์บ้านศิลปินแหง่ ชาติ)
๒. การโวน้

รปู ภาพที่ ๒๗ การโวน้ เป็นการเดินเส้นดา้ ยเสน้ ยนื ใหไ้ ด้ความยาวและกวา้ งตามจานวนทีต่ อ้ งการเพือ่ นาไปสบื
เขา้ กับฟืมและเขาเหยียบ

ที่มา : ศูนย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภัณฑบ์ ้านศลิ ปินแห่งชาต)ิ

๒๓

๓. การมดั เขาเหยยี บ

รูปภาพที่ ๒๘ การมดั เขาเหยยี บ เปน็ การกรอด้ายโดยการโว้นให้ไดจ้ านวนทตี่ ้องการ เช่น ฟมื ๘ จะ
ต้องโว้นด้าย ๘ หลบ หนง่ึ หลบมี ๑๐ หน่ึงอา่ นมี ๔ ชอ่ ง ๆ ละ ๒ เส้น ใช้ดา้ ย ๘ เส้น การเก็บเขาจะ
เก็บทีล่ ะเสน้ ขา้ งบน ๑ ล่าง ๑ เสน้ สลบั กนั จะได้ ๔ จับ การทาเชน่ น้เี พ่ือใหส้ อดดา้ ยพงุ่ ได้

ทม่ี า : ศนู ย์การเรียนรผู้ า้ จกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑบ์ ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาต)ิ
๔. การปว่ นฟันฟมื (การร้อยฟนั หว)ี

รูปภาพที่ ๒๙ การปว่ นฟันฟมื (การร้อยฟันหวี) เปน็ การนาฝ้ายตน้ เขาเหยยี บมาใสใ่ นฟันฟืม แลว้
นาเอาไปสบื ต่อเข้ากบั ด้ายยนื การสอดด้ายเขา้ ฟนั ฟมื สมยั กอ่ น ใชไ้ ม้บางๆ ในการปอ้ นฟืมปจั จุบัน
ใช้โครเช/ตะใบเล็กการสอดด้ายเขา้ ฟนั ฟืมด้ายเขาช่องละ ๒ เสน้

ท่ีมา : ศูนยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แห่งชาติ)

๒๔

๕. การสบื เครือ

รูปภาพท่ี ๓๐ การสบื เครอื เปน็ การนาด้ายทโ่ี ว้นไวม้ ากางในกี่ เอาฟืมทท่ี อมาสบื กันเครอื ท่ีเรากาง
ไวใ้ นกี่ ตัดดา้ ยแลว้ มาทาบกันและตอ่ ดา้ ยหมนุ เกลยี วให้แนน่

ที่มา : ศูนยก์ ารเรียนรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พพิ ิธภณั ฑ์บา้ นศลิ ปินแหง่ ชาติ)
๖. การแกะลาย หรอื การเก็บลาย

รปู ภาพที่ ๓๑ การแกะลาย หรอื การเก็บลาย เปน็ การนาลายทีอ่ อกแบบไวห้ รอื แม่ลายเดมิ มาจกล้วง
เสน้ ยนื เพอื่ การมดั เขาโดยการใช้ขนเม่นหรือไม้ไผ่ ปลายเหลาใหแ้ บนๆ จกเส้นด้ายใหพ้ ร้อมทจ่ี ะสอดด้ายให้

พรอ้ มทจ่ี ะสอดด้ายใหไ้ ดต้ ามแมล่ ายที่ตอ้ งการ
ท่ีมา : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ ้าจกเมอื งลอง (พิพิธภณั ฑบ์ ้านศลิ ปินแหง่ ชาติ)

๒๕

๗. การมัดเขา ( การเกบ็ ตะกรอ)

รปู ภาพที่ ๓๒ การมัดเขา ( การเก็บตะกรอ) เปน็ วิธีการทีท่ าให้การทอสะดวกและรวดเรว็ ในการสอดดา้ ย
ใหเ้ กิดลายจกท่ีกาหนด แต่เดิมใช้วธิ ีจกลว้ งเสน้ ทลี ะเสน้ แตก่ ารยกเขาคร้งั เดยี วสามารถสอดดา้ ย ทั้งแนว การมดั
เขาจะทาไวเ้ พยี งครึ่งดอก การทอผ้าจกใหเ้ กดิ ลวดลายตอ้ งยกเขาเที่ยวไป เทยี่ วกลบั ๒ เทย่ี ว เกิดลวดลาย ๑ ดอก

ท่มี า : ศูนย์การเรียนรผู้ ้าจกเมืองลอง (พิพิธภัณฑบ์ า้ นศลิ ปนิ แห่งชาติ)

๘. การทอผ้า

รปู ภาพท่ี ๓๓ การทอผ้า
ทม่ี า : ศนู ย์การเรยี นรผู้ ้าจกเมืองลอง (พพิ ธิ ภณั ฑ์บ้านศลิ ปนิ แหง่ ชาติ)

๒๖

๑. เมื่อเตรยี มด้ายพงุ่ และยืนเรียบรอ้ ยแล้ว นาเอาด้ายยนื สบื ตอ่ ในเขาและฟนั หวีและกางกห่ี รือหูก
เสรจ็ แลว้ ทาการพงุ่

๒. การพงุ่ ขนั้ แรกเอาหลอดดา้ ยเข้ากระสวยโดยรอ้ ยดา้ ยในหลอดทางรขู องกระสวย
๓. ใชเ้ ทา้ เหยยี บไมเ้ หยียบขา้ งใดขา้ งหนึ่งผกู มันติดกบั ไมเ้ หยยี บด้ายท่ีอยูใ่ นระหวา่ งเขากจ็ ะสลับข้ึน

ลงและมชี อ่ งว่างตรงกลางจะกวา้ งหรือแคบก็แลว้ แตก่ ารเหยยี บไม้เหยยี บ
๔. ใช้มอื ขา้ งใดข้างหนง่ึ จบั ด้ามกระสวยพรอ้ มทง้ั เงอ่ื นด้วย ส่วนมอื อีกขา้ งหน่งึ จับฟมื หรือฟนั หวีให้

อา้ กวา้ งออกไป แล้วสอดกระสวยเขา้ ไปในช่องว่างงของเสน้ ดา้ ยน้นั แตต้ อ้ งผลักให้พ้นขอบด้าย
อีกขา้ งหนง่ึ ดว้ ยสว่ นเงอื่ นดว้ ยท่ีจบั ไว้อกี ขา้ งหนึง่ ก็คงเช่นเดมิ ด้ายในกระสวยกจ็ ะคลายออกมา
เองตามความกวา้ งของขอบผ้าและฟนั หวี เสรจ็ แลว้ จงึ ดงึ กระสวยออกจากขอบผ้านามาวางไว้
กอ่ น เอามือไปจับฟนั หวีหรือฟมื ตัดอัดกระแทกขา้ มาหาตวั เองจนกว่าจะ เหน็ วา่ เข้าท่ีหรอื แนน่
ดแี ลว้ จึงเปลี่ยนเทา้ เหยียบใหมอ่ กี ข้างหน่ึง ซงึ่ จะสลบั กบั คราวที่แล้ว ในขณะทฟ่ี ืมสลับหันนนั้ ผู้
เหยยี บกจ็ ะสอดกระสวยขา้ ไปอีกทาดง้ั นีไ้ ปเร่อื ยๆ จนได้ขนาดตามท่กี าหนด หรอื ยกขาสอดเอา
ไมด้ าบใสแ่ ลว้ เอา กระสวยพงุ่ จับขอบฟมื กระแทกให้แน่น แล้วยกขาดอกเกบ็ ลายสแี ลว้
กระแทก ให้จนแน่น ตามด้วยเหยยี บไม่เหยียบแลว้ เอากระสวยพุ่งตาม ทาไปเรอื่ ยๆ จนได้
ขนาดตามทตี่ ้องการ

๙. การตรวจสอบคณุ ภาพ

รปู ภาพท่ี ๓๔ เป็นการตรวจสอบความถกู ต้องของความประนีต ความสวยงาม รวมทั้งคุณภาพ หากพบ
ขอ้ บกพรอ่ งจะได้ทาการแก้ไขหรอื ปรับปรุงให้ได้คุณภาพ

ท่มี า : ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ า้ จกเมืองลอง (พพิ ธิ ภณั ฑ์บ้านศลิ ปินแห่งชาติ)

องค์ประกอบของผำ้ ซน่ิ ตีนจก ๒๗

ส่วนหัวซิ่น

รปู ภาพที่ ๓๕ องค์ประกอบของผ้าซิ่น ส่วนตวั ซน่ิ
ส่วนตนี ซิ่น

รปู ภาพท่ี ๓๕ องคป์ ระกอบของผ้าซิ่นตีนจก

ลวดลายในผา้ จก
การทอผา้ จกในอดตี นยิ มทอกนั เพยี งไม่กีล่ ายในผ้าจกผนื เดียวกนั อยา่ งมากกม็ ีเพยี ง ๔ แถวเท่าน้ัน เป็น
อยา่ งมาก การทอผา้ จกในปัจจบุ ัน (ข้อมลู ปี พ.ศ. ๒๕๔๒) เป็นการเอาใจตลาดหรือกลุ่มพอ่ คา้ แมข่ ายผา้ พืน้ เมือง
จะมีการผกู ลายข้ึนมากมายจนไม่สามารถทีจ่ ะแยกว่าตรงไหนเป็นลายหลกั ตรงไหนเป็นลายประกอบ

ลำยผำ้ ซ่นิ ตนี จก อำเภอลอง จังหวดั แพร่ ๒๘

จมุ หวั ใจ นกกินนา้ รว่ มเต้า/นกกินนา้ ร่วมตน้
ขอกญุ แจหรอื ขอปะเจ
เชิงสะเปา เครอื ขอ

รปู ภาพที่ ๓๖ ลายขอหัวใจ
ที่มา : รา้ นเวียงเหนือ ผ้าตีนจก

ขามดส้ม ๒๙
เชงิ นกคู่
นกกนิ นา้ ร่วมต้น
นกกนิ นา้ รว่ มต้น

รูปภาพที่ ๓๗ ลายขามดส้ม
ทีม่ า : ร้านเวยี งเหนอื ผ้าตนี จก

โก้งเก้งซอ่ นนก ๓๐
เชิงคู่
เครอื ดอกหมาก
ขอผกั กดู

รูปภาพที่ ๓๘ ลายขอผกั กดู
ท่มี า : ร้านเวยี งเหนอื ผา้ ตีนจก

หงส์คู่ ๓๑
เถาในเลอื ย
งูหอ้ ยส้าว
นกกนิ นา้ รว่ มตน้
เชิงนกคู่

รูปภาพที่ ๓๙ ลายงหู ้อยส้าว
ท่ีมา : ร้านเวยี งเหนอื ผ้าตนี จก

๓๒

โคมหลวง โก้งเก้งซอ่ นนก
เชงิ สะเปา นกนอ้ ยบนิ จร

รูปภาพท่ี ๔๐ ลายโก้งเกง้ ซอ้ นนก
ที่มา : รา้ นเวยี งเหนอื ผา้ ตนี จก

๓๓

เขียวหมา นกซอ้ น
เชิงสะเปา หงส์คู่

รปู ภาพที่ ๔๑ ลายเจยี งแสน
ท่ีมา : รา้ นเวยี งเหนือ ผ้าตีนจก

นกกนิ นา้ รว่ มต้น ๓๔
นกคู่
สา้ เภาลอยนา้
เชิงคู่ ขอจมุ หวั ใจ
เขยี วหมา

รปู ภาพที่ ๔๒ ลายสาเภาลอยน้า
ทม่ี า : ร้านเวยี งเหนอื ผา้ ตีนจก

ขอกาบนกคู่ ๓๕

เถาใบเลือย

ฟนั ปลา

รปู ภาพที่ ๔๓ ลายราชบุรี
ทม่ี า : รา้ นเวยี งเหนือ ผ้าตนี จก

๓๖

สะเปานกคู่ สร้อยกาบหมาก

รปู ภาพที่ ๔๔ ลายสร้อยกาบหมาก
ทมี่ า : รา้ นเวยี งเหนอื ผา้ ตีนจก

๓๗

ตงุ ไชย เครอื ขอดาว
นกกนิ น้ารว่ มตน้ โคมโบราณ

เชิงสะเปา

รปู ภาพท่ี ๔๕ ลายโคมช่อน้อยตุงชยั
ที่มา : รา้ นเวยี งเหนอื ผา้ ตีนจก

๓๘

นกกนิ นา้ รว่ มต้น
นกคู่

แมงโบ้งเลน

รปู ภาพที่ ๔๖ ลายแมงโบ้งเลน
ทม่ี า : ร้านเวียงเหนอื ผ้าตนี จก

๓๙

นกกินนา้ ร่วมต้น
หงส์ดา้

รูปภาพท่ี ๔๗ ลายเชยี งแสนหงสด์ า
ทีม่ า : รา้ นเวยี งเหนือ ผา้ ตีนจก

ดอกผักแวน่ ๔๐
ขอสามเหลีย่ ม
มะลเิ ลือย
รปู ภาพท่ี ๔๘ ลายนกนอน
ท่ีมา : ร้านเวยี งเหนือ ผา้ ตนี จก นกนอน
เครือขอ
ดาว
ดอกผกั แวน่

๔๑

สบั ปะรด ลกู โซ่
เชงิ สะเปา
ขอสามเหล่ยี ม

รปู ภาพท่ี ๔๙ ลายหม่าขนัด
ทม่ี า : รา้ นเวยี งเหนือ ผา้ ตีนจก

นกกินน้ารว่ มตน้ ๔๒
ขนั ดอก
เถาไม้เลือย
หงส์คู่

เชงิ นกคู่
รปู ภาพท่ี ๕๐ ลายขันดอก
ทมี่ า : ร้านเวียงเหนือ ผ้าตีนจก

๔๓

นกน้อย นกกนิ นา้ รว่ มตน้
นกกินนา้ ร่วมต้น ขอลอ้ ม
เชิงสะเปา
นกนอ้ ย

รปู ภาพท่ี ๕๑ ลายขอล้อมนก
ทม่ี า : ร้านเวยี งเหนอื ผา้ ตนี จก

๔๔

ขนั ดอกหมู่

นกกินนา้ ร่วมตน้

รูปภาพที่ ๕๒ ลายขันดอกหมู่
ท่ีมา : ร้านเวยี งเหนอื ผ้าตนี จก

สา้ เภาลอยนา้ ๔๕
สะเปา
นกกินน้ารว่ มตน้

ลายขอ
รปู ภาพที่ ๕๓ ลายสาเภาลอยน้า
ทม่ี า : รา้ นเวยี งเหนอื ผา้ ตีนจก

๔๖

งวงนา้ คใุ นฟันปลา นกคู่
เถาไม้เลอื ย ขอกาบ

สะเปา

รูปภาพที่ ๕๔ ลายขอกาบ
ที่มา : รา้ นเวียงเหนอื ผ้าตีนจก

หลงั เต่า ๔๗
เชิงสะเปา
ดอกต่อม
พานดอก

รปู ภาพท่ี ๕๕ ลายหลงั เต่า
ท่ีมา : รา้ นเวียงเหนอื ผา้ ตีนจก

๔๘

กุหลาบเวยี งพงิ ค์

ดอกไม้ ๕ หย่อม

เชงิ ใบสน

รูปภาพที่ ๕๖ ลายกหุ ลาบเวยี งพงิ ค์
ทม่ี า : ร้านเวียงเหนอื ผ้าตนี จก

๔๙

สะเปาลอยนา้

เครอื ขอดาว ดอกเซีย
นกกินนา้ ร่วมต้น ลูกโซ่

รปู ภาพท่ี ๕๗ ลายดอกเซียหรอื ลายภูพงิ ค์
ทมี่ า : รา้ นเวยี งเหนือ ผา้ ตีนจก

๕๐

จดี อกมาโอ

เชิงคู่

รปู ภาพท่ี ๕๘ ลายจมี้ ะโอ
ทีม่ า : รา้ นเวียงเหนอื ผ้าตีนจก


Click to View FlipBook Version