The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พืชสมุนไพรที่พบในป่าครอบครัว ในจังหวัด ตาก กำแพงเพชร พิจิตร resize-2 หน้า 98-197

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หนังสือ, 2023-09-25 21:08:25

พืชสมุนไพรที่พบในป่าครอบครัว ในจังหวัด ตาก กำแพงเพชร พิจิตร resize-2 หน้า 98-197

พืชสมุนไพรที่พบในป่าครอบครัว ในจังหวัด ตาก กำแพงเพชร พิจิตร resize-2 หน้า 98-197

98 99 ชื่อทั่วไป หน�มแดง ชื่อส�มัญ Carunda, Christ’s thorn, Karanda ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Carissa carandas L. วงศ์ Apocynaceae ชื่อท้องถิ่น มะน�วไม่รู้โห่ (ภ�คกล�ง); มะน�วโห่ (ภ�คใต้); หน�มขี้แฮด (เชียงใหม่); หน�มแดง (กรุงเทพฯ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม มีน้ำ�ย�งข�ว สูง 2–3 เมตร กิ่งก้�นมี หน�ม ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปไข่กลับ รูปวงรี หรือรูปขอบขน�น กว้�ง 1.5–4 ซม. ย�ว 3–7 ซม. ดอก ช่อ กลีบดอกสีข�ว โคนกลีบเชื่อมติด กันเป็นหลอดย�วสีชมพูแกมแดง ผล สดรูปไข่ เมื่อสุกสีม่วงดำ� แหล่งที่พบในประเทศไทย พืชปลูก พบทั่วไป ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ค�ดว่�ถิ่นกำ�เนิดอยู่บริเวณอินเดียใต้ กระจ�ย พันธุ์ในอินเดีย ศรีลังก� จีน พม่� ม�เลเซีย อินโดนีเซีย นิเวศวิทย� ในประเทศไทย พบเป็นพืชปลูก ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ผล แช่ในน้ำ�ผึ้ง รับประท�นแก้ปวดเมื่อย ปวด ข้อ หรือต้มกับน้ำ�เติมน้ำ�ต�ลดื่มลดไขมันใน หลอดเลือด – ชื่อพ้อง หน�มแดง Carissa carandas L.


100 101 ชื่อทั่วไป ร�ชพฤกษ์ ชื่อส�มัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding–pipe tree ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cassia fistula L. วงศ์ Fabaceae ชื่อท้องถิ่น กุเพยะ (กะเหรี่ยง–ก�ญจนบุรี); ปือยู ปูโย เปอ โซ แมะหล่�หยู่ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); คูน (ภ�คกล�ง, ภ�คเหนือ); ชัยพฤกษ์ ร�ชพฤกษ์ (ภ�คกล�ง); ร�ชพริก (ภ�คตะวันออกเฉียงใต้); ลมแล้ง (ภ�คเหนือ); ลักเคยลักเกลือ (ภ�คใต้) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 เมตร หูใบขน�ดเล็ก ร่วงเร็ว ใบ ประกอบย�ว 30–40 ซม. มีใบย่อย 3–8 คู่ รูปไข่หรือแกมรูปขอบขน�น ย�ว 7–13 ซม. ปล�ยแหลม โคนรูปลิ่ม ก้�นใบย่อยย�ว 0.5–1 ซม. ช่อดอกห้อยลง ย�ว 20–60 ซม. ใบประดับ ย�วประม�ณ 1 ซม. ร่วงเร็ว ก้�นดอกย�ว 3–5 มม. กลีบเลี้ยงรูปไข่แคบ ย�ว 1–1.5 ซม. ดอกสี เหลือง กลีบรูปไข่กว้�ง ย�ว 2.5–3.5 ซม. มีก้�น แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ถิ่นกำ�เนิดอินเดีย ศรีลังก� และชว� นิเวศวิทย� พบต�มป่�เบญจพรรณ และป่�เต็งรัง และปลูก ทั่วไปเป็นไม้ริมท�งหรือเป็นไม้ประดับต�มบ้�น เรือนและสถ�นที่ต่�งๆ ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ฝักและเมล็ด ต้มร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ดื่ม รักษ�อ�ก�รอัมพ�ต; ยอด ต้มยอดจำ�นวน 5 ยอดในน้ำ�เดือด รับประท�นเพื่อขับลม – ชื่อพ้อง ร�ชพฤกษ์ Cassia fistula L. สั้นๆ เกสรเพศผู้อันย�ว 3 อัน ก้�นชูอับเรณูย�ว 3–4 ซม. โค้งงอ อับเรณูย�วประม�ณ 5 มม. มีรู เปิดที่โคน อันสั้น 4 อัน ก้�นชูอับเรณูย�ว 0.6–1 ซม. ตรง ลดรูป 3 อัน รังไข่และก้�นเกสรเพศ เมียมีขนกำ�มะหยี่ ฝัก รูปทรงกระบอก ห้อยลง ย�ว 20–60 ซม. เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1.5–2.5 ซม. เมล็ด รูปรี แบน สีน้ำ�ต�ลเป็นเง� ย�ว ประม�ณ 1 ซม. มีผนังกั้นบ�งๆ


102 103 ชื่อทั่วไป สังว�ลพระอินทร์ ชื่อส�มัญ Doddler-laurel, Love vine ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cassytha filiformis L. วงศ์ Lauraceae ชื่อท้องถิ่น เขียงคำ�, เขียวคำ� (อุบลร�ชธ�นี); เขืองคำ�โคก (เลย); ช้องน�งคลี่ (ภ�คใต้); เซ�ะเบียง (เขมร); ผักปลัว (ประจวบคีรีขันธ์); รังกะส�, รังนกกะส� (จันทบุรี); สังว�ลพระอินทร์ (นครร�ชสีม�) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ก�ฝ�กเถ�ล้มลุก ลำ�ต้นเป็นเส้นกลมย�ว สีเขียว แกมเหลือง ใบ ลดรูปเป็นเกล็ดเล็กๆ ออกเรียง สลับต�มลำ�ต้น ดอก สีเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อที่ ซอกของเกล็ดใบ ดอกย่อยขน�ดเล็กรูปทรงกลม กลีบเลี้ยงและกลีบดอกคล้�ยกัน เรียงเป็นสองวง วงละ 3 กลีบ ผล เป็นผลสด ทรงกลม ผิวเรียบ เมื่อสุกมีสีข�ว ขน�ด 4-6 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คตะวันออก ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบทั้งในทวีปเอเชีย แอฟริก� และออสเตรเลีย นิเวศวิทย� เก�ะต�มต้นไม้ทั้งใหญ่ และเล็กในป่�เข�ทั่วไป สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่มร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ดื่ม รักษ�แผลเปื่อย โรคเอดส์ – ชื่อพ้อง สังว�ลพระอินทร์ Cassytha filiformis L. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


104 105 ชื่อทั่วไป แพงพวยบก ชื่อส�มัญ Madagascar periwinkle, Periwinkle ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Catharanthus roseus (L.) G. Don วงศ์ Apocynaceae ชื่อท้องถิ่น แพงพวยบก แพงพวยฝรั่ง (กรุงทพมห�นคร); นมอิน (สุร�ษฎ์ธ�นี); ผักปอดบก (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้�นน้อย มีย�งสีข�ว ใบ เป็น ใบเดี่ยว รูปขอบขน�นแกมรูปไข่กลับ สีเขียวเข้ม เป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อกระจุก 1–3 ดอกที่ ซอกใบ สีชมพู สีม่วง หรือสีข�ว กลีบดอกมี 5 กลีบ ผล แห้งแตกด้�นเดียว เมล็ด สีดำ� แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในอินเดีย ศรีลังก� และ ม�ด�กัสก�ร์ นิเวศวิทย� พบเป็นวัชพืชต�มที่พื้นโล่งและแหล่งน้ำ� ที่ระดับ คว�มสูงได้ถึง 1,500 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ� เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่มรักษ�มะเร็ง – ชื่อพ้อง แพงพวยบก Catharanthus roseus (L.) G. Don


106 107 ชื่อทั่วไป เถ�คัน ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cayratia trifolia (L.) Domin วงศ์ Vitaceae ชื่อท้องถิ่น เครือพัดส�ม (ภ�คเหนือ); เถ�คัน (นร�ธิว�ส); เถ�คันแดง (ภ�คกล�ง) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เลื้อย ย�ว 2–20 เมตร มีมือเก�ะ ใบ ประกอบแบบนิ้วมือ เรียงสลับ ใบย่อย 3 ใบ ใบ ย่อยรูปวงรีหรือรูปใบหอก กว้�ง 1–4 ซม. ย�ว 2–8 ซม. ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบ กลีบดอกสี เขียวอ่อน ผล เป็นผลสด รูปกลมแป้น เมื่อสุกสี ดำ� แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ จีนตอนใต้ บังกล�เทศ กัมพูช� อินเดีย อินโดนีเซีย ล�ว ม�เลเซีย เนป�ล เวียดน�ม นิเวศวิทย� พบบริเวณเชิงเข� หรือต�มลำ�ธ�ร ที่คว�มสูง 500–1,000 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เถ� ต้มในน้ำ�เกลือร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น เช่น ร�งแดง ดื่มบำ�รุงเส้นเอ็น บำ�รุงไต – ชื่อพ้อง เถ�คัน Cayratia trifolia (L.) Domin


108 109 ชื่อทั่วไป บัวบก ชื่อส�มัญ Asiatic pennywort ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Centella asiatica (L.) Urb. วงศ์ Apiaceae ชื่อท้องถิ่น บัวบก (ทั่วไป); ปะหนะเอข�เด๊�ะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน); ผักแว่น (ภ�คใต้); ผักหนอก (ภ�ค เหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุกเก�ะเลื้อย ลำ�ต้นเกลี้ยง มีไหล ใบ เป็น ใบเดี่ยว เรียงเวียนถี่ ดูคล้�ยเป็นกระจุกที่โคน ต้น รูปไตหรือค่อนข้�งกลม กว้�ง 0.8–5.5 ซม. ย�ว 0.5–4.5 ซม. มี 14–16 ใบ ต่อหนึ่งกระจุก โคนรูปหัวใจ ขอบหยักมน ด้�นล่�งเกลี้ยงหรือมี ขนอุย ก้�นใบย�ว 0.5–25 ซม. ที่โคนมีปีกบ�ง และแห้ง เกลี้ยงหรือมีอุยหน�แน่น ช่อดอก แบบช่อซี่ร่ม ออกต�มซอกใบ อ�จเป็นช่อดอก หรือช่อประกอบ 2–5 ช่อ ก้�นช่อย�ว 0.5–1.2 ซม. แต่ละช่อมีดอกขน�ดเล็ก 2–4 ดอก ใบ ประดับย�วประม�ณ 2 มม. รูปรีแกมรูปไข่ บ�ง และแห้ง ร่วงง่�ย ใบประดับย่อยย�วประม�ณ 1.5 มม. รูปรีแกมรูปไข่กว้�ง บ�งและแห้ง ก้�น ดอกย่อยย�วประม�ณ 1 มม. หรือไม่มีก้�น กลีบ ดอก 5 กลีบ ย�ว 1–1.5 มม. ผล แบบผลแห้ง แตก รูปไตหรือรูปทรงกลม กว้�งประม�ณ 3 มม. ย�ว 2 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คเหนือ ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ ภ�คกล�ง ภ�คตะวันออกเฉียงใต้ และภ�คตะวัน ตกเฉียงใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในเขตร้อนและเขตอบอุ่น นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มบ่อน้ำ� ริมน้ำ� ป่�ดิบ น�ข้�ว หรือ พบขึ้นเป็นวัชพืชในสวน ที่ระดับคว�มสูงตั้งแต่ 300–1,450 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ�ต้นหรือไหล สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ตำ�ให้ละเอียด พอกบริเวณที่เป็นแผล เพื่อรักษ�บ�ดแผล; ทั้งต้น ล้�งทำ�คว�มสะอ�ด ต�กแดดให้แห้ง นำ�ม�บด ผสมในเครื่องดื่ม ช่วยบำ�รุงสมอง ป้องกันคว�มจำ�เสื่อม – ชื่อพ้อง บัวบก Centella asiatica (L.) Urb.


110 111 ชื่อทั่วไป เหนียวหม� ชื่อส�มัญ Barbed grass ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Centotheca lappacea Desv. วงศ์ Poaceae ชื่อท้องถิ่น ขนหมอยแม่ม่�ย (สตูล); หญ้�อีเหนียว (ชัยน�ท); เหนียวหม� (ระนอง); เหล็กไผ่ (สุร�ษฎร์ธ�นี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ หญ้� มีเหง้� ลำ�ต้นเทียมสูง 30–60 ซม. ใบ เป็น ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอก ย�ว 10–16 ซม. โคนสอบ ขอบมีขนส�ก เส้นใบมีเส้นขว�งเป็น ต�ร�ง ลิ้นก�บขอบมีขนครุย ช่อดอก แบบช่อ แยกแขนง ช่อแขนงคล้�ยช่อกระจะ ช่อดอกย่อย ออกเดี่ยวๆ เรียงเวียน รูปใบหอกแกมรูปไข่ แบน ด้�นข้�ง ย�ว 5–7 มม. ก้�นช่อย�วได้ถึง 3 มม. มีดอกย่อย 3 ดอก ดอกล่�งสมบูรณ์เพศ ดอก บน 2 ดอก เป็นหมัน แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในแอฟริก� อินเดีย ศรีลังก� เนป�ล ภูฏ�น จีน พม่� ภูมิภ�คอินโดจีนและม�เลเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เก�ะแปซิฟิก นิเวศวิทย� ป่�เบญจพรรณ และป่�ดิบชื้น ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด แยกกอ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่ม ช่วยกระชับป�กมดลูก – ชื่อพ้อง เหนียวหม� Centotheca lappacea Desv.


112 113 ชื่อทั่วไป เอื้องหม�ยน� ชื่อส�มัญ Cane reed, Crape ginger, Spiral flag ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cheilocostus speciosus (J. Koenig) C. D. Specht วงศ์ Costaceae ชื่อท้องถิ่น ชู้ไลบ้อง ซูเลโบ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); บันได สวรรค์ (ภ�คใต้); เอื้องช้�ง (นครศรีธรรมร�ช); เอื้องต้น (ยะล�); เอื้องเพ็ดม้� (ภ�คกล�ง); เอื้อง หม�ยน�, เอื้องใหญ่ (ภ�คใต้) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน สูง 1–3 เมตร บ�งครั้งแตก กิ่ง ใบ เรียงเวียน ใบด้�นล่�งมักลดรูป ใบช่วง บนรูปขอบขน�น รูปใบหอก หรือแกมรูปไข่กลับ ย�ว 15–23 ซม. ปล�ยแหลมย�ว โคนกลม แผ่น ใบด้�นล่�งมีขนย�วคล้�ยไหมหน�แน่น ก้�น ใบย�ว 5–7 มม. ช่อดอก ออกที่ยอด รูปรี ย�ว 10–15 ซม. ก้�นช่อสั้น ใบประดับสีเขียวหรือ น้ำ�ต�ลอมแดง รูปไข่ ปล�ยแหลม ย�ว 1.2–2 ซม. แต่ละใบประดับมีดอกเดียว ใบประดับย่อย ขน�ดเล็กกว่�ใบประดับ ขอบมีขนครุย หลอด กลีบเลี้ยงย�วได้ถึง 2 ซม. ปล�ยแยกเป็น 3 กลีบ ขน�ดไม่เท่�กัน สีแดง ปล�ยกลีบมีขนย�วคล้�ย ไหม หลอดกลีบดอกย�วประม�ณ 1 ซม. กลีบ ดอกสีข�วหรืออมชมพู รูปรี ย�ว 3–5 ซม. กลีบ ป�กแผ่ออกคล้�ยรูปแตร ย�ว 6.5–9 ซม. กว้�ง 5.5–7.5 ซม. ด้�นในมีปื้นสีเหลือง เกสรเพศผู้ ย�ว 2.5–4.5 ซม. ก้�นแผ่กว้�ง 1–1.2 ซม. โคน มีปื้นสีเหลือง มีขนสั้นนุ่ม ผล กลม เส้นผ่�น ศูนย์กล�งประม�ณ 1.5 ซม. เมล็ด สีดำ� ขน�ด เล็ก แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ อินเดีย พม่� จีนตอนใต้ ภูมิภ�คอินโดจีน ม�เลเซีย นิวกินี ออสเตรเลีย นิเวศวิทย� พบต�มช�ยป่�หรือในป่�เบญจพรรณ ป่�ดิบ แล้ง ป่�ดิบชื้น ป่�ดิบเข� และป่�พรุ คว�มสูงถึง ประม�ณ 1,400 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด แยกหน่อ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น หัวหรือเหง้� ต้มให้สตรีหลังคลอดดื่มตอนอยู่ไฟ ช่วยขับน้ำ�ค�วปล� หรือตุ๋นร่วมกับไก่ดำ� รับ ประท�นบำ�รุงร่�งก�ย Costus speciosus (J. Koenig) Sm. ชื่อพ้อง เอื้องหม�ยน� Cheilocostus speciosus (J. Koenig) C. D. Specht


114 115 ชื่อทั่วไป ส�บเสือ ชื่อส�มัญ Camfhur grass, Christmas bush, Common floss flower, Devil weed, Siam weed ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Chromolaena odorata (L.) R. M. King & H. Rob. วงศ์ Asteraceae ชื่อท้องถิ่น ช้�ผักคร�ด ยี่สุ่นเถื่อน (สุร�ษฎร์ธ�นี); ชิ โพกวย ไช้ปู่กอ เซโพกวย บ่อโส่ เพ�ะจีแค (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); บ้�นร้�ง ผักคร�ด (ร�ชบุรี); เบญจม�ศ (ตร�ด); ฝรั่งรุกที่ ฝรั่งเห�ะ (สุพรรณบุรี); มนทน (ช�วบน–เพชรบูรณ์); มุ้ง กระต่�ย (อุดรธ�นี); รำ�เคย (ระนอง); ส�บเสือ (สิงห์บุรี); หญ้�ค่�พั้ง (ฉ�น–แม่ฮ่องสอน); หญ้� ดงร้�ง, หญ้�พระศิริไอยสวรรค์ (สระบุรี); หญ้� ดอกข�ว (ทั่วไป); หญ้�ฝรั่งเศส (จันทบุรี ตร�ด); หญ้�เมืองว�ย หญ้�เมืองฮ้�ง (ภ�คเหนือ); หญ้� ลืมเมือง (หนองค�ย); หญ้�เล�ฮ้�ง (ขอนแก่น); หญ้�เหม็น (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ); หม� หลง (ชลบุรี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่มขน�ดเล็ก สูง 1–2 เมตร อ�ยุหล�ยปี ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้�ม รูปขอบขน�นแกม ส�มเหลี่ยม กว้�ง 3–7 ซม. ย�ว 6–12 ซม. ขอบ ใบหยัก ดอก สีข�วถึงม่วงอ่อน ออกเป็นช่อที่ ปล�ยกิ่ง ดอกย่อยจำ�นวนม�ก รอบนอกเป็น ดอกเพศเมีย มีก้�นชูเกสรย�ว ด้�นในเป็นดอก สมบูรณ์เพศ กลีบดอกเป็นหลอด ปล�ยแยกเป็น 5 แฉก เกสรเพศผู้สั้น 5 อัน อยู่ภ�ยในหลอด ดอก ผล ขน�ดเล็ก รูปกระสวย แบน ส่วนปล�ย มีขนย�วสีข�ว แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ เป็นพืชพื้นเดิมของทวีปอเมริก�กล�งและ อเมริก�ใต้ ปัจจุบันพบกระจ�ยทั่วไปในเขตร้อน ทวีปเอเชีย นิเวศวิทย� ขึ้นต�มบริเวณพื้นที่เปิด ต�มช�ยป่� ป่�รกร้�ง หรือป่�ที่ถูกทำ�ล�ย ตั้งแต่ระดับน้ำ�ทะเลจนถึง คว�มสูง 1,500 เมตร ออกดอกและติดผลช่วง เดือนพฤศจิก�ยน–มกร�คม ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ นำ�ใบ 1–2 ใบ ม�ขยี้ผสมปูนแดงหรือ ย�เส้น ใช้แปะแผลสดเพื่อห้�มเลือด Eupatorium odoratum L. ชื่อพ้อง ส�บเสือ Chromolaena odorata (L.) R. M. King & H. Rob.


116 117 ชื่อทั่วไป เพชรสังฆ�ต ชื่อส�มัญ Devil’s backbone, Veldt grape ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cissus quadrangularis L. วงศ์ Vitaceae ชื่อท้องถิ่น ขั่นข้อ (ร�ชบุรี); เพชรสังฆ�ต สันชะควด (กรุงเทพฯ); ส�มร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เลื้อย ลำ�ต้นอวบน้ำ� สีเขียวหรืออมเหลือง เป็นสี่เหลี่ยมมีข้อคอด ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกข้อ ละ 1 ใบ บริเวณใกล้ยอด ด้�นตรงข้�มใบมีมือ เก�ะ แผ่นใบรูปไข่หรือค่อนข้�งกลม กว้�ง 3–8 ซม. ย�ว 4–10 ซม. โคนใบป้�นหรือเว้�เล็ก น้อย ปล�ยใบมน ขอบใบหยัก ดอก ออกเป็นช่อ ที่ซอกใบ ดอกขน�ดเล็ก สีชมพูจ�งแกมแดงที่ ขอบนอก กลีบดอกหลุดร่วงง่�ย มี 4 กลีบ เกสร เพศผู้ 4 อัน ผล เป็นผลสด รูปกลมเส้นผ่�น ศูนย์กล�ง 3–5 มม. เมื่อแก่เป็นสีแดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทุกภ�ค เป็นพืชปลูก ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในเขตร้อนของทวีปเอเชียและ แอฟริก� นิเวศวิทย� ต�มบริเวณช�ยป่�หรือที่ชื้น ที่ระดับคว�มสูงไม่ เกิน 600 เมตร ออกดอกและติดผลช่วงเดือน มิถุน�ยน–สิงห�คม ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ� เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใช้ลำ�ต้นหรือเถ�แก่ที่มีอ�ยุประม�ณ 2 ปี หั่น เป็นแผ่นบ�งๆ ใส่ในกล้วยสุก กลืนโดยระวัง อย่�ให้โดนบริเวณริมฝีป�กเพร�ะจะทำ�ให้คัน รักษ�โรคริดสีดวง – ชื่อพ้อง เพชรสังฆ�ต Cissus quadrangularis L.


118 119 ชื่อทั่วไป มะกรูด ชื่อส�มัญ Leech lime, Makrut lime, Mauritius papeda ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Citrus hystrix DC. วงศ์ Rutaceae ชื่อท้องถิ่น โกร้ยเชียด (เขมร); มะกรูด (ทั่วไป); มะขุน (ภ�ค เหนือ); มะขู (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); มะขูด (ภ�คเหนือ); ส้มกรูด, ส้มมั่วผี (ภ�คใต้) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 8 เมตร ลำ�ต้นและกิ่งมีหน�ม ใบ เป็นใบประกอบ แต่ลดรูปเหลือใบย่อยเพียงใบ เดียว เรียงสลับกัน รูปไข่ กว้�ง 3.5–5 ซม. ย�ว 5–7 เมตร ปล�ยใบมน โคนใบมน ด้�นบนสีเขียว เข้มเป็นมัน ก้�นใบแผ่คล้�ยใบ ดอก ออกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อมี 4–5 ดอก ที่ซอกใบ กลีบดอก 4–8 กลีบ ร่วงง่�ย เมื่อบ�นมีขน�ดเส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1.5–5 ซม. เกสรเพศผู้จำ�นวนม�ก ผล ค่อนข้�ง กลม ผิวขรุขระ ขน�ดเส้นผ่�นศูนย์กล�ง 3–7 ซม. เมื่อสุกมีสีเหลือง เมล็ด มีขน�ดเล็กหล�ย เมล็ด แหล่งที่พบในประเทศไทย ปลูกทั่วประเทศ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ถิ่นกำ�เนิดในจีนตอนใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภ�คม�เลเซีย และปลูกทั่วไปในเขตร้อน นิเวศวิทย� เป็นพืชปลูก ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ผล เข้�ย�ดองมะกรูดโดยใช้ผลมะกรูด 33 ผล ผ่� 4 ส่วน ใช้ 3 ส่วน ใส่สมุนไพรชนิดอื่น โดย เฉพ�ะผักเป็ดแดง ดื่มเป็นย�บำ�รุงเลือด ช่วย ให้เจริญอ�ห�ร หรือ ผลสดอังไฟให้อุ่นบีบน้ำ� มะกรูดใส่คอ รักษ�อ�ก�รไอ – ชื่อพ้อง มะกรูด Citrus hystrix DC.


120 121 ชื่อทั่วไป ส้มจี๊ด ชื่อส�มัญ Calamodin, Marumi kumquat, Nagami kumquat, Oval kumquat ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Citrus japonica Thunb. วงศ์ Rutaceae ชื่อท้องถิ่น กำ�ก๊วด กำ�กั๊ด กิมกิด (จีน); มะน�วหว�น ส้ม (กรุงเทพมห�นคร); ส้มมะปิด (ตร�ด) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้นขน�ดเล็ก แตกกิ่งก้�นเป็นพุ่มเตี้ย ใบ เป็น ใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 1 ใบ รูปไข่ หรือรูปรี ปล�ยแหลม โคนมน ขอบใบเรียว ดอก ออกเป็นช่อหรือเป็นดอกเดี่ยว ที่ปล�ยยอด สี ข�ว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ผล แบบผล สด รูปทรงกลม เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1.5–2 ซม. ผิวเรียบ เปลือกบ�ง ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่สี เหลืองอมส้ม มีหล�ยเมล็ด แหล่งที่พบในประเทศไทย พบม�กในภ�คใต้และภ�คตะวันออก ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเก�หลี นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มที่ล�ดชันและสันเข�ในป่�ดิบชื้น ที่ ระดับคว�มสูงตั้งแต่ 900–1,800 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ผลสด รับประท�น แก้ไอ แก้เจ็บคอ ทำ�ให้ชุ่ม คอ – ชื่อพ้อง ส้มจี๊ด Citrus japonica Thunb.


122 123 ชื่อทั่วไป สันโสก ชื่อส�มัญ Pink wampee ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clausena excavata Burm. f. วงศ์ Rutaceae ชื่อท้องถิ่น ขี้ผึ้ง (นครร�ชสีม�); ชะมัด (อุบลร�ชธ�นี); เพี้ย ฟ�น (ภ�คเหนือ); มะหลุย (ภ�คใต้); มุยใหญ่ (ภูเก็ต); ยม (ชุมพร); รุ้ย (ก�ญจนบุรี); สมัด ใบใหญ่ (เพชรบูรณ์); สันโสก (ภ�คตะวันออก เฉียงใต้); ส�มเสือ (ชลบุรี); ส�มโสก (จันทบุรี); สำ�รุย (ยะล�); สีสม (ภ�คกล�ง); แสนโสก (นครร�ชสีม�); หญ้�ส�บฮิ้น (ภ�คเหนือ); หมอน้อย (ภ�คกล�ง); หมี่ (ภ�คเหนือ); หวด หม่อน (ภ�คกล�ง, ภ�คเหนือ); หัสคุณ (สระบุรี, สงขล�); หัสคุณโคก (เพชรบูรณ์); อ้อยช้�ง (สระบุรี); เสม็ด (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขน�ดเล็ก สูง 1.5–4 เมตร มี ขนสั้นๆ ที่บริเวณปล�ยกิ่ง ใบ เป็นใบประกอบ แบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 15–30 ใบ รูป ขอบขน�นหรือรูปเคียว กว้�ง 1.5–4 ซม. ย�ว 3–8 ซม. ท้องใบมีขนบ�งๆ โคนใบเบี้ยว เนื้อใบ มีต่อมน้ำ�มันเห็นได้ชัดเจน ดอก ออกเป็นช่อแยก แขนงที่ปล�ยกิ่ง ดอกย่อยจำ�นวนม�ก กลีบดอก สีข�วแกมเหลือง ผล เป็นผลสด รูปกระสวยสี แดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ภูมิภ�คเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิเวศวิทย� ป่�ดงดิบ และป่�ละเม�ะ ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบสด รับประท�นแก้พิษงู แก้น้ำ�เหลืองเสีย งูสวัด ไฟล�มทุ่ง หรือตำ�พอกแผลงูกัด งูสวัด ไฟ ล�มทุ่ง – ชื่อพ้อง สันโสก Clausena excavata Burm. f.


124 125 ชื่อทั่วไป ส่องฟ้�ดง ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clausena harmandiana (Pierre) Pierre ex Guillaumin วงศ์ Rutaceae ชื่อท้องถิ่น โปร่งฟ้� (ทั่วไป); ล่องฟ้� (อุดรธ�นี); สมุยหอม (นครศรีธรรมร�ช); ส่องฟ้�ดง (เลย); เหม็น (จันทบุรี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม สูงประม�ณ 1–2 เมตร ใบ เป็นใบ ประกอบขนนกปล�ยคี่ เรียงตัวแบบสลับ ใบย�ว 25–30 ซม. ใบย่อย 4–9 ใบ กว้�ง 5–8 ซม. ย�ว 5–14 ซม. เนื้อใบมีต่อมน้ำ�มันเห็นได้ชัดเจน ดอก ออกเป็นช่อ ที่ปล�ยยอด มีขน ช่อดอกย�ว 10–20 ซม. ดอกขน�ดเล็ก สีเหลืองแกมข�ว ขน�ด 3–4 มม. ผล กลม สีชมพู มีต่อมน้ำ�มัน มี เมล็ด 1–2 เมล็ด แหล่งที่พบในประเทศไทย พบในภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ ภ�คตะวัน ตก และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ อินโดจีน ม�เลเซีย อินโดนีเซีย นิเวศวิทย� พบในป่�ดิบแล้ง ที่ระดับคว�มสูงไม่เกิน 400 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ ต้มดื่มบำ�รุงหัวใจ หรือเคี้ยวใบช่วยให้เลิกก�ร สูบบุหรี่ – ชื่อพ้อง ส่องฟ้�ดง Clausena harmandiana (Pierre) Pierre ex Guillaumin


126 127 ชื่อทั่วไป ดีหมี ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cleidion javanicum Blume วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น ก�ด�วกระจ�ย (ประจวบคีรีขันธ์); ก�ไล, กำ�ไล (สุร�ษฎร์ธ�นี); คัดไล (ระนอง); จ๊�มะไฟ (ภ�ค เหนือ); เซยกะชู้ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); ดิน หมี, ดีหมี (ลำ�ป�ง); มะดีหมี (ภ�คเหนือ); หำ�ม้� (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น สูง 10–20 เมตร ใบ เป็นใบ เดี่ยว เรียงสลับ รูปรี รูปรีแกมใบหอก หรือรูป ใบหอก กว้�ง 3.5–8 ซม. ย�ว 10–22 ซม. ขอบ ใบหยักฟันเลื่อยแกมซี่ฟัน ที่ซอกของเส้นใบด้�น ท้องใบมีต่อมกระจัดกระจ�ย ดอก แยกเพศ ออกที่ซอกใบ ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อกระจะเชิง ลด ดอกเพศเมียเป็นดอกเดี่ยว ไม่มีกลีบดอก ผล เป็นผลแห้ง แตกได้ รูปทรงกลมคู่ แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ม�กท�งภ�คเหนือ ภ�คตะวันออกเฉียง เหนือ และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ อินเดีย จีนตอนใต้ พม่� ภูมิภ�คอินโดจีน และ ม�เลเซีย นิเวศวิทย� ป่�ดิบแล้ง ป่�ดิบชื้น และป่�ดงดิบ ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เปลือกต้น ต้มน้ำ�ดื่มแก้ไข้ม�ล�เรีย – ชื่อพ้อง ดีหมี Cleidion javanicum Blume


128 129 ชื่อทั่วไป ผักเสี้ยนผี ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cleome viscosa L. วงศ์ Cleomaceae ชื่อท้องถิ่น ผักส้มเสี้ยนผี (ภ�คเหนือ); ผักเสี้ยนผี (ภ�ค กล�ง, ภ�คใต้) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุกสูงได้ถึง 1 เมตร ทุกส่วนมีขนและเป็น เมือกเหนียว มีกลิ่นเหม็น ใบ เป็นใบประกอบ แบบนิ้วมือ เรียงสลับ ใบย่อย 3-5 ใบ รูปไข่กลับ หรือรูปไข่ กว้�ง 1-1.5 ซม. ย�ว 1.5-4.5 ซม. ปล�ยใบแหลมหรือมน ก้�นใบย�ว 1.5-6 ซม. ดอก สีเหลือง กลีบดอกรูปช้อนหรือขอบขน�น ผล เป็นฝัก รูปทรงกระบอก มีขนละเอียดหน� แน่น เมล็ด สีน้ำ�ต�ลแดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ถิ่นกำ�เนิดทวีปแอฟริก�เขตร้อน เอเชีย และ ออสเตรเลีย และมีก�รแพร่กระจ�ยทั่วไปในทวีป อเมริก�เขตร้อน นิเวศวิทย� ชอบดินทร�ย ขึ้นได้ทั้งในสภ�พอ�ก�ศแห้งและชื้น เป็นวัชพืช พบขี้นทั่วไปต�มไร่ร้�ง และข้�งท�ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ตำ�ผสมน้ำ� เอ�น้ำ�ที่ได้กรอกหู หรือใช้ต้น ที่ตำ�พอกหู แก้หูอื้อ ลมออกหู; ทั้งต้น ต้มต้น สดผสมผลมะตูมแห้งและพริกไทยดำ�แห้ง ดื่ม ลดคว�มดัน ลดไขมัน รักษ�โรคเบ�หว�น; ทั้ง ต้น นำ�ม�สับ ต�กแดดให้แห้ง บดผสมรวมกับ สมุนไพรชนิดอื่น ได้แก่ หัวหญ้�แห้วหมู บอระ เพ็ด ผักเสี้ยนผี ขมิ้นชัน ใส่น้ำ�ผึ้ง ปั้นเป็นลูก กลอน รับประท�นเป็นย�อ�ยุวัฒนะ ป้องกัน โรค; ทั้งต้น ต�กแห้ง ต้มน้ำ�ดื่ม แก้น้ำ�เหลืองเสีย ทำ�ให้เลือดลมเดินสะดวก; ร�ก ทุบให้แตก แยง เข้�รูหู รักษ�อ�ก�รหูอื้อ – ชื่อพ้อง ผักเสี้ยนผี Cleome viscosa L. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


130 131 ชื่อทั่วไป เท้�ย�ยม่อม ชื่อส�มัญ Bowing lady, Sky rocket, Tube flower, Turk’s turban, Turk’s turbin ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clerodendrum indicum (L.) Kuntze วงศ์ Lamiaceae ชื่อท้องถิ่น พญ�เลงจ้อน พญ�เล็งจ้อน เล็งจ้อน ใต้ (เชียงใหม่); พินพี (เลย); ท้�วย�ยม่อม ป่� (อุบลร�ชธ�นี); พมพี (อุดรธ�นี); โพพิ่ง (ร�ชบุรี); ว่�นพญ�ใบหอกหล่อ (สระบุรี); หญ้� ลิ้นจ้อน (ประจวบคีรีขันธ์); ก�ซะลอง จรดพระ ธรณี ดอกค�น (ยะล�); ปิ้งขม ปิ้งหลวง ไม้เท้� ฤาษี (ภ�คเหนือ); ดอกไม้มอญ จรดพระธรณี พญ�ลิงจ้อน ปู่เจ้�ปทุมร�ช� ไม้ท้�วย�ยม่อม เท้�ย�ยม่อม (ภ�คกล�ง); พญ�ร�กเดียว ไม้เท้� ฤาษี (ภ�คใต้); พวกวอ (กะเหรี่ยง-กำ�แพงเพชร) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่มขน�ดเล็ก ลำ�ต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 2 เมตร ไม่มีกิ่งก้�นส�ข�หรือแตกกิ่งน้อยบริเวณยอด กิ่งเป็นสันสี่เหลี่ยม ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเป็น กระจุกรอบข้อ หรือออกตรงข้�มรูปใบหอก ย�ว 10-21 ซม. ดอก ออกเป็นช่อต�มกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น กลีบดอก สีข�ว เป็นหลอดย�วเรียวโค้ง ย�วได้ถึง 9 ซม. ปล�ยแยกเป็น 5 แฉก ผล เป็นผลสด มี 2-4 พู เมื่อแก่สีดำ� มีกลีบเลี้ยงติดคงทนสีแดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วไปทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดในอินเดีย นิเวศวิทย� พบขึ้นทั่วไปต�มป่�เบญจพรรณและป่�เต็งรัง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ร�กหรืออ�จใช้ส่วนของลำ�ต้นแทน ใช้ร่วมกับ ร�กของเดื่ออุทุมพร ชิงชี่ คนท� ย่�น�ง หรือ เรียกว่� ย�ห้�ร�ก ต�กแห้ง ต้มน้ำ�ดื่ม แก้ไข้หัว แก้พิษงู; ลำ�ต้น ต�กแห้ง ต้มรับประท�น บำ�รุง น้ำ�นม – ชื่อพ้อง เท้�ย�ยม่อม Clerodendrum indicum (L.) Kuntze ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ�


132 133 ชื่อทั่วไป น�งแย้มป่� ชื่อส�มัญ Hill glory bower ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clerodendrum infortunatum L. วงศ์ Lamiaceae ชื่อท้องถิ่น กุ๋มคือ (สุโขทัย); ขัมพี (พิษณุโลก); ขี้ขม (ภ�คใต้); ชมพี, ซมซี (สุโขทัย); ต่�งไก่แดง (ขอนแก่น); นมสวรรค์ (ภ�คกล�ง, ภ�คใต้); น�ง แย้มป่� (พิษณุโลก); ปิ้ง, ปิ้งแดงดอกข�ว, ปิ้ง เห็บ (เชียงใหม่); พนมสวรรค์ป่� (ทั่วไป); โพะค ว่อง (กะเหรี่ยง–ก�ญจนบุรี); ส�วยิ้ม (ทั่วไป); ฮวนฮ่อ, ฮอนห้อแดง (เลย) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 4 เมตร ใบ รูปไข่กว้�งหรือรูป หัวใจ ย�ว 6–25 ซม. โคนใบกลมหรือรูปหัวใจ ขอบใบจักซี่ฟัน แผ่นใบมีขนสั้นนุ่ม ก้�นใบย�ว 1.5–15 ซม. ดอก ออกเป็นช่อตั้งตรง ย�วได้ ถึง 60 ซม. กลีบดอกสีข�ว หลอดกลีบดอกย�ว 1.5–2 ซม. ป�กหลอดมีปื้นสีชมพูอมม่วง ปล�ย แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศอินเดีย ศรีลังก� พม่� ล�ว เวียดน�ม และภูมิภ�คม�เลเซีย นิเวศวิทย� ป่�เบญจพรรณ ป่�เต็งรัง ป่�ดิบแล้ง หรือเข� หินปูน ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ร�ก ต้มน้ำ�ดื่มหรือบดเป็นผง รับประท�นรักษ� มะเร็ง มีฤทธิ์แรงกว่�น�งแย้มดอกข�ว; ทั้ง 5 ได้แก่ ร�ก ลำ�ต้น ใบ ดอก และผล ต้มน้ำ�ดื่ม แก้ ไข้ป่� – ชื่อพ้อง น�งแย้มป่� Clerodendrum infortunatum L. แยกเป็น 5 แฉก รูปขอบขน�น เกสรเพศผู้และ เกสรเพศเมียย�วโผล่พ้นหลอดกลีบดอกเห็นชัด ผล เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1–1.2 ซม. เมื่อสุกสีดำ� มี กลีบเลี้ยงขย�ยในผล ติดทน


134 135 ชื่อทั่วไป พญ�ปล้องทอง ชื่อส�มัญ Sabah snake grass ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clinacanthus nutans (Burm. f.) Lindau วงศ์ Acanthaceae ชื่อท้องถิ่น ผักมันไก่, ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่); พญ�ปล้องคำ� (ลำ�ป�ง); พญ�ปล้องดำ� (ภ�คกล�ง); พญ�ยอ (ทั่วไป); โพะโซ่จ�ง (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); ลิ้น งูเห่� (จันทบุรี); เสลดพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1–2 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปไข่แกมรูปใบหอก ย�ว 5–10 เมตร โคนเบี้ยว ปล�ยเป็นติ่งแหลมย�ว แผ่นใบ ค่อนข้�งบ�ง ดอก ออกเป็นช่อสั้น ใบประดับ มีขนย�วด้�นนอก ดอกย่อยตั้งขึ้นเรียงตัวค่อน ข้�งแน่น ก้�นดอกสั้น กลีบเลี้ยงมีขนย�วด้�น นอก กลีบดอกสีแดง โคนกลีบสีเขียว ปล�ยกลีบ มีริ้วสีเหลืองอมเขียวด้�นใน ย�ว 3–4 ซม. กลีบ ป�กล่�งรูปรี ปล�ยแยก 3 กลีบ รูปไข่ กลีบป�ก บน 2 กลีบ รูปส�มเหลี่ยมแคบ เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดบนหลอดกลีบดอกยื่นพ้นป�กกลีบหลอด เล็กน้อย เกสรเพศเมียมีรังไข่ 1 อัน ผิวเรียบ ผล เป็นแบบผลแห้งแตก รูปทรงกระบอก ย�ว ประม�ณ 2 ซม. เมล็ด ขน�ดเล็ก ย�วประม�ณ 2 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทั่วไป ทุกภ�คในประเทศ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในเขตร้อนของทวีปเอเชีย นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มที่ดินร่วน ระบ�ยน้ำ�ดี แสงแดดจัด พบปลูกต�มรั้วบ้�น และแปลงผักสวนครัวทั่วไป ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ�กิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ ตำ�พอกบริเวณที่โดนแมลงสัตว์กัดต่อย ตำ� รวมกับใบบัวบกในอัตร�ส่วนเท่�กัน ใช้พอกลด อ�ก�รฟกช้ำ� หรือตำ�ผสมเหล้�ท�แก้ไฟล�มทุ่ง หรืองูสวัด; ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่ม รักษ�มะเร็งต่อมลูก หม�ก หรือใช้เพื่อถอนฤทธิ์ย�ตัวอื่น; เข้�ย�กับ สมุนไพรชนิดอื่นในตำ�รับย�น้ำ�สมุนไพรขมิ้น ชัน–ว่�นชักมดลูก; เข้�ย�กับสมุนไพรชนิดอื่นใน ตำ�รับย�เหลือง Clinacanthus siamensis Bremek. ชื่อพ้อง พญ�ปล้องทอง Clinacanthus nutans (Burm. f.) Lindau


136 137 ชื่อทั่วไป อัญชัน ชื่อส�มัญ Blue pea, Butterfly pea ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Clitoria ternatea L. วงศ์ Fabaceae ชื่อท้องถิ่น แดงชัน (เชียงใหม่) อัญชัน (ภ�คกล�ง); เอื้องชัน (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เถ�พันเลื้อย ย�ว 1–5 เมตร ใบ เป็นใบ ประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 3–9 ใบ รูปรีแกมไข่กลับ กว้�ง 1–3 ซม. ย�ว 2–5 ซม. ดอก ออกเดี่ยวที่ซอกใบ กลีบดอกสีน้ำ�เงิน ม่วง หรือข�ว รูปดอกถั่ว ผล เป็นฝัก รูปด�บ โค้งเล็ก น้อย ปล�ยเป็นจะงอย แตกเป็น 2 ฝ� เมล็ดรูป ไต จำ�นวน 8–10 เมล็ด แหล่งที่พบในประเทศไทย พบเป็นวัชพืช และพืชปลูกทั่วทุกภ�คของไทย ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ จีนตอนใต้ ภูฏ�น อินเดีย ล�ว พม่� เวียดน�ม และอเมริก�เหนือ นิเวศวิทย� ป่�ละเม�ะ ริมถนน และป่�ที่ระดับคว�มสูง 100–2,000 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ดอกและใบ ต้มรวมกัน ดื่มแก้เบ�หว�น ลด หินปูนต�มข้อ; ดอก ตำ�พอกบนผิวหนัง ทำ�ให้ขน ดกดำ� หรือต้มดื่มเพื่อขับปัสส�วะ – ชื่อพ้อง อัญชัน Clitoria ternatea L.


138 139 ชื่อทั่วไป ผักตำ�ลึง ชื่อส�มัญ Baby watermelon, Gentleman’s toes, Ivy gourd, Little gourd, Scarlet–fruited gourd ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Coccinia grandis (L.) Voigt วงศ์ Cucurbitaceae ชื่อท้องถิ่น แคเด๊�ะ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); ผักแคบ (ภ�ค เหนือ); ผักตำ�ลึง (ทั่วไป) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เถ�ล้มลุก แยกเพศต่�งต้น มีมือจับออกต�ม ซอกใบ ไม่แยกแขนง ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่กว้�ง จักตื้น ๆ หรือแฉกลึก 3–5 แฉก ย�ว 5–10 ซม. โคนรูปหัวใจ ขอบจักฟันเลื่อย ปล�ย จักมีติ่ง โคนมีต่อมขน�ดเล็ก ดอก ออกเดี่ยว ๆ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปลิ่มแคบ ย�วประม�ณ 3 มม. กลีบดอกรูประฆังกว้�ง สีข�ว ย�ว 1.5–3 ซม. ปล�ยแยกเป็น 5 แฉก รูปส�มเหลี่ยม เกสร เพศผู้ 3 อัน เป็นหมันในดอกเพศเมียรังไข่ใต้วง กลีบ ก้�นเกสรเพศเมียย�ว 3–5 มม. ยอดเกสร แยกเป็น 3 แฉก ย�ว 5–7 มม. ผล เป็นผลสดมี หล�ยเมล็ด รูปขอบขน�น ย�ว 2.5–6 ซม. สุกสี แดงสด เมล็ดรูปแบน ย�ว 6–7 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วประเทศ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในแอฟริก� เอเชีย และ ออสเตรเลีย นิเวศวิทย� พบขึ้นเป็นวัชพืชในเขตร้อน ที่ระดับคว�มสูง ประม�ณ 400 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น น้ำ�ในเถ� หยอดต� รักษ�อ�ก�รต�แดง หรือต� อักเสบ – ชื่อพ้อง ผักตำ�ลึง Coccinia grandis (L.) Voigt


140 141 ชื่อทั่วไป เล็บมือน�ง ชื่อส�มัญ Drunken sailor, Rangoon creeper ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Combretum indicum (L.) DeFilipps วงศ์ Combretaceae ชื่อท้องถิ่น จะมั่ง, จ๊�มั่ง (ภ�คเหนือ); ไท้หม่อง (กะเหรี่ยง– แม่ฮ่องสอน); มะจีมั่ง (ภ�คเหนือ); เล็บมือน�ง (ภ�คกล�ง, ภ�คใต้); อะดอนิ่ง (มล�ยู–ยะล�) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เถ�เนื้อแข็ง กิ่งอ่อนมีขนปกคลุม ใบ เป็นใบ เดี่ยว ออกตรงข้�ม รูปไข่แกมขอบขน�น กว้�ง 4–6 ซม. ย�ว 5–15 ซม. โคนใบมน ปล�ยใบ แหลม ขอบใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อต�มซอก ใบหรือปล�ยยอด สีแดงชมพูจนถึงข�วอมเหลือง กลิ่นหอม กลีบเลี้ยงเชื่อมเป็นหลอด ย�ว 3–8 ซม. กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบขน�นแกมรี ปล�ย แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ถิ่นกำ�เนิดในเอเชียเขตร้อน นิเวศวิทย� ขึ้นต�มช�ยป่� ริมแม่น้ำ� คว�มสูงตั้งแต่ระดับน้ำ� ทะเลจนถึงประม�ณ 300 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เถ�และใบ ต้มดื่มน้ำ�แก้ไข้ผิดฤดู หรือไข้หัวลม (ไข้ที่เกิดในฤดูหน�ว); เมล็ด ทุบพอแตกต้มน้ำ� ดื่ม ฆ่�พย�ธิ Quisqualis indica L. ชื่อพ้อง เล็บมือน�ง Combretum indicum (L.) DeFilipps มน ย�ว 1–1.4 ซม. เกสรเพศผู้ 10 อัน ผล รูปรี กว้�ง 1.5 ซม. ย�ว 3.5 ซม. มีสันต�มย�ว 5 สัน ภ�ยในมี 1 เมล็ด


142 143 ชื่อทั่วไป สะแกน� ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Combretum quadrangulare Kurz วงศ์ Combretaceae ชื่อท้องถิ่น แก (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ); ขอนแข้ จอง แข้ (แพร่); ซังแก (เขมร–ปร�จีนบุรี); แพ่ง (ภ�ค เหนือ); สะแก, สะแกน� (ภ�คกล�ง) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 12 เมตร ลำ�ต้นมักมีกิ่งที่ลดรูป เป็นหน�ม เปลือกเรียบ กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม 4 เหลี่ยม ส่วนต่�ง ๆ มีเกล็ดปกคลุมหน�แน่น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้�มรูปไข่กลับหรือแกมรูป ขอบขน�น ย�ว 8–18 ซม. ดอก ออกเป็นช่อ แบบช่อเชิงลด ต�มซอกใบ ย�ว 3–6 ซม. มัก แยกแขนง ใบประดับรูปเส้นด้�ย ย�วประม�ณ 1 มม. กลีบเลี้ยงรูปถ้วยกว้�ง กว้�ง 2–2.5 มม. ย�วประม�ณ 1.2 มม. เป็นเหลี่ยม มี 4 กลีบ รูปส�มเหลี่ยมขน�ดเล็ก กลีบดอกสีครีม รูปไข่ กลับ ย�ว 0.8–1.2 มม. ปล�ยแหลม เกสรเพศ ผู้ 4 อัน ย�ว 3–4 มม. จ�นฐ�นดอกเป็นวง มีขน หน�แน่น ผล มี 4 ปีก รูปรีกว้�ง ย�วประม�ณ 2 ซม. ปีกกว้�ง 3–4 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบจ�กอินเดีย ถึงค�บสมุทรอินโดจีน นิเวศวิทย� ขึ้นต�มที่โล่ง ต�มป่�ละเม�ะทั่วไป เข�หินปูน เตี้ยๆ หรือริมธ�รน้ำ�ช�ยป่� ที่ระดับคว�มสูงถึง ประม�ณ 250 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ย�งจ�กลำ�ต้น เตรียมโดยก�รตัดลำ�ต้นเป็นท่อน เจ�ะรูตรงกึ่งกล�ง ใช้ไฟรมตรงหัวท้�ยให้ย�ง ออก เอ�ย�งม�ถูฟัน ทำ�ให้ฟันแข็งแรง รักษ� อ�ก�รเหงือกบวม – ชื่อพ้อง สะแกน� Combretum quadrangulare Kurz


144 145 ชื่อทั่วไป เครือออน ชื่อส�มัญ Wooly shower of orchid ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Congea tomentosa Roxb. วงศ์ Lamiaceae ชื่อท้องถิ่น ก�ใบ้ดง (เย้�); ค้�งเบี้ย (นครพนม); เครือออน (ภ�คเหนือ); งวงชุม (เลย); จั่งบั่ง (เชียงใหม่); ท้องปลิง (จันทบุรี); เบี้ย (นครพนม); พญ�โจร, พวงประดิษฐ์ (กรุงเทพฯ); พลูหีบ, ล้วงสุ่มข�ว, ล้วงสุ่มตัวผู้ (นครร�ชสีม�); สะแกบ (อุตรดิตถ์); สังขย� (พิษณุโลก, สงขล�); ออนแดง (เชียงใหม่) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เถ� มีเนื้อไม้ มีขนนุ่ม ปล�ยกิ่งทอดย้อยลง ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้�ม รูปไข่แกมรูปรี กว้�ง 4–5 ซม. ย�ว 6–13 ซม. ปล�ยแหลมเป็นติ่งสั้น โคนมน ดอก ออกเป็นช่อต�มปล�ยกิ่ง ประกอบ ด้วยช่อย่อยเป็นกระจุก มี 5–7 ดอก มีใบประดับ รองรับ 3 ใบ สีชมพูอมม่วง ติดคงทน ดอกย่อยสี ข�วมีขน�ดเล็ก เกสรเพศผู้ 4 อัน ผล ขน�ดเล็ก รูปไข่กลีบ มีใบประดับติดที่ขั้ว มี 1 เมล็ด แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คเหนือ ภ�คกล�ง ภ�คตะวันออก และภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิเวศวิทย� ป่�โปร่ง ถึงป่�ดิบเข� ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เถ�ขน�ดใหญ่ สับต�กแห้ง ต้มน้ำ�ดื่มละล�ยนิ่ว ในไต – ชื่อพ้อง เครือออน Congea tomentosa Roxb.


146 147 ชื่อทั่วไป พลับพลึง ชื่อส�มัญ Cape lily, Giant lily, Golden-leaf Crinum lily, Poison bulb, Spider lily ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Crinum asiaticum L. วงศ์ Amaryllidaceae ชื่อท้องถิ่น พลับพลึง, พลับพลึงทอง (ทั่วไป); พลึงเล (นร�ธิว�ส); ลิลัว (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุกมีหัวใต้ดิน ลำ�ต้นบนดินเกิดจ�กก�บใบ ซ้อนทับกันเป็นลำ� สูงได้ถึง 1.5 เมตร ใบ เป็น ใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนออกรอบลำ�ต้น รูปขอบ ขน�นย�ว กว้�ง 10-15 ซม. ย�วประม�ณ 1 เมตร ปล�ยใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น อวบน้ำ� ดอก ออกเป็นช่อขน�ดใหญ่ที่ซอกใบใกล้ปล�ย ยอด ก้�นช่อดอกย�วประม�ณ 90 ซม. อวบแข็ง ดอกย่อย 10-40 ดอก กลีบดอกสีข�ว มีกลิ่น หอม ผล ผลสดรูปค่อนข้�งกลม สีเขียวอ่อน แหล่งที่พบในประเทศไทย ในธรรมช�ติ พบภ�คตะวันตก ภ�คกล�ง ภ�ค ตะวันออก และภ�คใต้ มักพบเป็นพืชปลูกทั่วทุก ภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มห�สมุทรอินเดีย เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ของทวีปเอเชีย ถึงแถบตะวันตกเฉียงใต้ของ มห�สมุทรแปซิฟิก นิเวศวิทย� ป่�ดิบในพื้นที่ต่ ำ�ใกล้ช�ยห�ด ที่คว�มสูง 0-100 เมตร สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ อังไฟ นำ�ม�ประคบ รักษ�อ�ก�รปวดเมื่อย หรือฟกช้ำ�; ใบ ทับหม้อเกลือ ได้แก่ ก�รใช้ใบ รองหม้อเกลือที่ผ่�นคว�มร้อน ว�งบนท้อง บรรเท�อ�ก�รปวดท้องประจำ�เดือน – ชื่อพ้อง พลับพลึง Crinum asiaticum L. ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อ


148 149 ชื่อทั่วไป พังคี ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Croton crassifolius Geiseler วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น ปังคี, พังคี (เชียงใหม่); พังคีน้อย (ภ�คตะวัน ออก); ฝ้�ยน้ำ� (อุบลร�ชธ�นี); เจตพังคี (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 20-30 ซม. ใบ เป็นใบเดี่ยว รูป ไข่แกมรูปใบหอก กว้�ง 3-5 ซม. ย�ว 6-10 ซม. โคนใบมน ปล�ยใบแหลม ขอบใบจักตื้น ดอก สี ข�วนวล ออกเป็นช่อที่ปล�ยยอด แยกเพศอยู่ บนช่อเดียวกัน ดอกเพศผู้ขน�ด 8 มม. ขอบกลีบ มีขนนุ่ม เกสรเพศผู้จำ�นวน 15-25 อัน ดอกเพศ เมียคล้�ยดอกเพศผู้ แต่กลีบดอกจะสั้นกว่� ผล ค่อนข้�งกลม ขน�ดประม�ณ 1 ซม. มี 3 พู มี แหล่งที่พบในประเทศไทย พบในภ�คเหนือ ภ�คตะวันออก และภ�คตะวัน ออกเฉียงเหนือ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศพม่� จีนตอนใต้ และประเทศแถบ ค�บสมุทรอินโดจีน นิเวศวิทย� ป่�เต็งรัง และป่�เบญจพรรณ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ร�ก ฝนผสมเหล้� รับประท�นขับลม บำ�รุงธ�ตุ หรือโขลก พอกบนท้องใต้สะดือ แก้ท้องอืดท้อง เฟ้อ – ชื่อพ้อง พังคี Croton crassifolius Geiseler ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ขนปกคลุมแน่น เมื่อแก่ผลจะแตก เมล็ดกลม แกมรี กว้�ง 3-4 มม. ย�ว 7-8 มม.


150 151 ชื่อทั่วไป เปล้�ใหญ่ ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Croton mangelong Y. T. Chang วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น ควะวู (กะเหรี่ยง-ก�ญจนบุรี); เซ่งเค่คัง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); เปล้�หลวง (ภ�ค เหนือ); เป�ะ (กำ�แพงเพชร); สะก�ว�, ส่�กู วะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); ห้�เยิ่ง (เงี้ยวแม่ฮ่องสอน) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 เมตร มีเกล็ดคลุมหน�แน่น ต�มกิ่งอ่อนและก้�นดอก ใบ เป็นใบเดี่ยว รูป ขอบขน�น ย�ว 10-32 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย มี ต่อมติดที่โคนเส้นกล�งใบด้�นล่�ง ดอก ออก เป็นช่อ แยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ย�ว 10-35 ซม. ดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยงรูปรี ย�ว 2.5-3 มม. กลีบดอกรูปขอบขน�น ย�วเท่� ๆ กลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้ 10-12 อัน ดอกเพศเมียมีกลีบเลี้ยง รูปรี ย�ว 2.5-3 มม. มีขนหน�แน่น ไม่มีกลีบ ดอกหรือลดรูป ก้�นเกสรเพศเมียแยกกัน ยอด เกสรย�ว 3-4 มม. ผล กลม เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 6-8 มม. มีเกล็ดปกคลุม แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทุกภ�ค ยกเว้นภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ อินเดีย เนป�ล ภูฐ�น บังกล�เทศ พม่� ล�ว กัมพูช� และเวียดน�ม นิเวศวิทย� พบทั่วไปในป่�เบญจพรรณ และป่�ผลัดใบ ป่� สน-ก่อ และพื้นที่ถูกรบกวน ป่�ไผ่ ที่คว�มสูง 10-950 เมตร สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ ใช้ร่วมกับใบหน�ด หั่นเป็นฝอย ห่อผ้�นึ่งให้ ร้อน นำ�ม�ประคบแก้ปวดเมื่อย เหน็บช�; เมล็ด ตำ�ผสมเหล้� รับประท�นช่วยขับโลหิตสำ�หรับ สตรี Croton roxburghii N. P. Balakr. ชื่อพ้อง เปล้�ใหญ่ Croton mangelong Y. T. Chang ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


152 153 ชื่อทั่วไป เถ�เอ็นอ่อน ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cryptolepis dubia (Burm. f.) M. R. Almeida วงศ์ Apocynaceae ชื่อท้องถิ่น กวน (เงี้ยว–แม่ฮ่องสอน); เครือเข�เอ็น (เชียงใหม่); ตีนเป็ดเครือ (ภ�คเหนือ); เถ� เอ็นอ่อน (ภ�คกล�ง); นอออหมี (กะเหรี่ยง– แม่ฮ่องสอน); พรมทัต (จันทบุรี); เมื่อย (ภ�ค กล�ง); หญ้�ลิเลน (ปัตต�นี); หมอนตีนเป็ด (สุร�ษฎร์ธ�นี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้เถ�เนื้อแข็ง เลื้อยพัน มีน้ำ�ย�งข�ว ลำ�ต้นมี เปลือกร่อนเป็นแผ่นบ�งสีน้ำ�ต�ลเข้ม ใบ เป็น ใบเดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปรีแกมขอบขน�น กว้�ง 3–8 ซม. ย�ว 5–18 ซม. ท้องใบสีออกข�ว ดอก ออกเป็นดอกช่อที่ซอกใบ กลีบดอกสีเหลืองอ่อน มีกลีบ 5 กลีบ รูปใบหอกแคบ เกสรเพศผู้เชื่อม ติดกัน ผล แห้ง แตกได้ รูปไข่แกมใบหอกเมล็ด สีน้ำ�ต�ลมีขนสีข�ว แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทั่วไปทั่วทุกภ�ค ยกเว้นภ�คกล�ง ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ จีน อินเดีย พม่� เนป�ล ป�กีสถ�น ศรีลังก� เวียดน�ม นิเวศวิทย� พบบริเวณช�ยป่�เบญจพรรณ ป่�ละเม�ะ และ พื้นที่ที่ถูกรบกวน ระดับคว�มสูงประม�ณ 600 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เถ�แก่ ล้�งให้สะอ�ด ต�กให้แห้ง ต้มน้ำ�ดื่มบำ�รุง เส้นเอ็น; ใบหรือเถ� สับรวมกับใบหน�ด ใบ มะข�ม และใบส้มป่อย ทำ�ลูกประคบรักษ�เส้น เอ็น Cryptolepis buchananii Roem. & Schult. ชื่อพ้อง เถ�เอ็นอ่อน Cryptolepis dubia (Burm. f.) M. R. Almeida


154 155 ชื่อทั่วไป ว่�นน�งคำ� ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Curcuma amada Roxb. วงศ์ Zingiberaceae ชื่อท้องถิ่น – ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ลุ้มลุก อ�ยุหล�ยปี มีเหง้�ใต้ดิน รูปไข่ ขน�ด 3–4 x 2–3 ซม. ส่วนเหนือดิน สูง 90–120 ซม. ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรี กว้�งประม�ณ 19 ซม. ย�วประม�ณ 75 ซม. สีเขียวทั้งใบ ช่อดอก เกิด กล�งกลุ่มใบ ช่อย�ว 50–85 ซม. ก้�นช่อย�ว 35–65 ซม. ใบประดับส่วนล่�ง สีข�วหรือเขียว อ่อน ใบประดับส่วนยอด สีข�วหรือชมพูอ่อน ส่วนปล�ยมีแต้มสีชมพู กลีบดอกและสเตมิโนด สีข�ว กลีบป�กสีเหลือง อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่น ส�มเหลี่ยมปล�ยแหลม ชี้ลง ย�ว 4–5 มม. รังไข่ มีขนปกคลุม แหล่งที่พบในประเทศไทย ภ�คเหนือ และภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พม่� นิเวศวิทย� พบในป่�ผลัดใบ ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เข้�ย�กับสมุนไพรชนิดอื่นในตำ�รับย�น้ำ� สมุนไพรขมิ้นชัน–ว่�นชักมดลูก – ชื่อพ้อง ว่�นน�งคำ� Curcuma amada Roxb.


156 157 ชื่อทั่วไป ว่�นชักมดลูก ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Curcuma comosa Roxb. วงศ์ Zingiberaceae ชื่อท้องถิ่น ว่�นชักมดลูก (ภ�คกล�ง) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ลุ้มลุก อ�ยุหล�ยปี มีเหง้�ใต้ดิน รูปไข่ ขน�ด 8–10 x 5–6 ซม. เนื้อในสีน้ำ�ต�ลอ่อนถึงข�ว ส่วนเหนือดินสูงประม�ณ 60 ซม. ใบ เป็นใบ เดี่ยว รูปรี กว้�ง 14–17 ซม. ย�ว 20–40 ซม. แผ่นใบสีเขียวและมีสีแดงแต้มเป็นแถบขน�บ ต�มแนวสองข้�งของเส้นกล�งใบ ช่อดอก เกิด จ�กเหง้�และเกิดก่อนใบ ช่อดอกย�วประม�ณ 20 ซม. ใบประดับส่วนล่�งรูปไข่ สีข�วและมี แต้มสีเขียวหรือชมพูบริเวณกล�งและปล�ย ใบ ประดับส่วนยอดสีชมพูอ่อน ส่วนปล�ยมีแต้ม สีชมพูเข้ม กลีบดอกและสเตมิโนดสีข�ว กลีบ ป�กสีข�ว มีแถบเหลืองบริเวณเส้นกล�งแผ่น กลีบ อับเรณูมีเดือยเป็นแผ่นส�มเหลี่ยมปล�ย แหลม ชี้ลง รังไข่เกลี้ยง ย�วประม�ณ 4 มม. แหล่งที่พบในประเทศไทย ภ�คเหนือ และภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พม่� นิเวศวิทย� พบในป่�ผลัดใบ ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เข้�ย�กับสมุนไพรชนิดอื่นในตำ�รับย�น้ำ� สมุนไพรขมิ้นชัน–ว่�นชักมดลูก; หัว ต้มน้ำ�ดื่ม หรือบดประคบ ช่วยให้มดลูกเข้�อู่ – ชื่อพ้อง ว่�นชักมดลูก Curcuma comosa Roxb.


158 159 ชื่อทั่วไป ขมิ้น ชื่อส�มัญ Tumeric ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Curcuma longa L. วงศ์ Zingiberaceae ชื่อท้องถิ่น ขมิ้น (ทั่วไป); ขมิ้นเกง, ขมิ้นหยอก, ขมิ้นหัว (เชียงใหม่); ขมิ้นชัน (ภ�คกล�ง, ภ�คใต้); ขี้มิ้น, หมิ้น (ภ�คใต้); ต�ยอ (กะเหรี่ยง–กำ�แพงเพชร); สะยอ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก อ�ยุหล�ยปี สูง 30–95 ซม. เหง้�ใต้ดิน รูปไข่ อ้วนสั้น มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออก ด้�นข้�ง 2 ด้�น ตรงกันข้�ม เนื้อในเหง้�สีเหลือง ส้ม มีกลิ่นฉุน ใบ เป็นใบเดี่ยว กล�งใบสีแดงคล้ำ� แทงออกจ�กเหง้�เรียงเป็นวงซ้อนทับกัน รูปใบ หอก กว้�ง 12–15 ซม. ย�ว 30–40 ซม. ดอก ช่อ แทงออกจ�กเหง้� แทรกขึ้นม�ระหว่�งก้�น ใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบ ประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บ�นครั้งละ 3–4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู แหล่งที่พบในประเทศไทย ปลูกทั่วไปทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน นิเวศวิทย� พืชปลูก ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อหรือไหลจ�กลำ�ต้นแม่ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เข้�ย�กับสมุนไพรชนิดอื่นในตำ�รับย�น้ำ� สมุนไพรขมิ้นชัน–ว่�นชักมดลูก; เหง้� ต�กแห้ง บดกินแก้ท้องอืด – ชื่อพ้อง ขมิ้น Curcuma longa L.


160 161 ชื่อทั่วไป ปรงเหลี่ยม ชื่อส�มัญ Thai sago ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cycas siamensis Miq. วงศ์ Cycadaceae ชื่อท้องถิ่น กุ้นผง (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ); โกโล่โคดึ, ต� ซูจือดึ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); ต�ลปัตรฤาษี (ภ�คตะวันตกเฉียงใต้); ปรงป่� (ภ�คกล�ง); ปรง เหลี่ยม (ตร�ด); ผักกูดบก (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม ลำ�ต้นสั้น สูงได้ถึง 2 เมตร มีหัวใต้ดิน ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนแน่น ที่ปล�ยยอด ใบสีเขียวเป็นมัน ย�วประม�ณ 60- 90 ซม. ใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปขอบขน�นแคบ มีจำ�นวน 50-70 คู่ กว้�งประม�ณ 6 มม. ย�ว 7.5-20 ซม. ปล�ยใบแข็งเป็นหน�ม เส้นกล�งใบ นูนเห็นชัดเจนทั้งสองด้�น อวัยวะสืบพันธุ์ เรียก ว่� โคน เป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น โคน เพศผู้จะออกเป็นช่อแน่น มีขน�ดย�วประม�ณ 30 ซม. โคนเพศเมียแผ่เป็นแผ่นคล้�ยก�บ เมล็ด เป็นรูปไข่แกมขอบขน�น สีน้ำ�ต�ล ผิวผลเกลี้ยง มีขน�ดย�วประม�ณ 4 ซม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศพม่� จีน (ยูนน�น) ล�ว และ เวียดน�ม นิเวศวิทย� ป่�ระดับล่�ง ถึงป่�ดิบเข� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ลำ�ต้นใต้ดิน หมักร่วมกับข้�วเหนียว หัวบุก หัว กลอย หัวบอน ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน หัวคล้� ขมิ้น น้อย ให้เกิดเป็นส�โท รับประท�นครั้งละ 1 ช้อนช� แก้อ�ก�รคว�มจำ�เสื่อม – ชื่อพ้อง ปรงเหลี่ยม Cycas siamensis Miq. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


162 163 ชื่อทั่วไป ผักหน�มฝรั่ง ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Cyrtosperma johnstonii (N. E. Br.) N. E. Br. วงศ์ Araceae ชื่อท้องถิ่น ผักหน�มฝรั่ง ว่�นสิงหโมร� (กรุงเทพฯ พิจิตร) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก อ�ยุหล�ยปี สูงได้ถึง 3 เมตร มีเหง้� ใต้ดินขน�ดใหญ่ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเป็นกระ จุกใกล้ร�ก รูปเงี่ยงใบหอกหรือรูปหัวลูกศร แผ่น ใบมีแต้มสีน้ำ�ต�ลแดง เส้นใบสีเขียวหรือสีน้ำ�ต�ล โคนใบเป็นพูย�วได้ถึง 70 ซม. ก�บใบรูปเรือ ย�ว 9-40 ซม. ด้�นนอกสีม่วงเข้ม ด้�นในสีเขียว แกมเหลือง ก้�นใบย�วได้ถึง 2.5 เมตร มีจุด ประสีข�ว เขียว น้ำ�ต�ล และชมพู ขอบก้�นใบ มีหน�มทู่ ดอก เป็นช่อเชิงลด มีก�บย�ว 7-25 ซม. แหล่งที่พบในประเทศไทย เป็นพืชปลูก ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ภูมิภ�คม�เลเซีย นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มที่ชื้นแฉะ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น หัว ต�กแห้ง ต้มน้ำ�ดื่ม รักษ�อ�ก�รประจำ�เดือน ม�ไม่ปกติ – ชื่อพ้อง ผักหน�มฝรั่ง Cyrtosperma johnstonii (N. E. Br.) N. E. Br. ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อ เพ�ะเมล็ด


164 165 ชื่อทั่วไป ตะโกน� ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Diospyros rhodocalyx Kurz วงศ์ Ebenaceae ชื่อท้องถิ่น โก (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ); ตะโกน� (ทั่วไป); นมงัว (นครร�ชสีม�); มะโก (ภ�คเหนือ); มะ ถ่�นไฟผี (เชียงใหม่) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 เมตร เปลือกต้นสีออกดำ� ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปไข่หรือรูปไข่กลับ ย�ว 3-12 ซม. แผ่นใบด้�นล่�งมีขนสั้นนุ่ม ก้�นใบย�ว 2-7 มม. ดอก แยกเพศอยู่ต่�งต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อ กระจุกสั้น ๆ ต�มซอกใบ ก้�นดอกย�ว 1-2 มม. กลีบเลี้ยงรูประฆัง ย�ว 3-4 มม. มี 4 กลีบ ด้�น นอกมีขนสั้นนุ่ม ติดทน กลีบดอกรูปคนโท ย�ว 0.8-1.2 ซม. มี 4 กลีบ เกสรเพศผู้ 14-16 อัน รังไข่ที่ไม่เจริญมีขน ดอกเพศเมียออกเดี่ยว ๆ ก้�นดอกย�ว 2-3 มม. รังไข่มี 4 ช่อง มีขนคล้�ย ขนแกะ เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันมี 8-10 อัน ผล เป็นผลสด กลม ขน�ดเส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1.5- 2.5 ซม. มีขนกำ�มะหยี่หน�แน่น ผลแก่เกลี้ยง เมื่อแก่สีส้ม กลีบเลี้ยงแฉกลึกเกินกึ่งหนึ่ง ไม่พับ งอกลับ แหล่งที่พบในประเทศไทย พบแทบทุกภ�ค ยกเว้นภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในพม่� ล�ว และเวียดน�ม นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มป่�เบญจพรรณ ป่�ดิบแล้ง และท้อง ไร่ท้องน� ที่ระดับคว�มสูง 40-300 เมตร สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เปลือก ต้มน้ำ�ดื่ม รักษ�อ�ก�รเส้นเอ็นอักเสบ ปวดเส้น ปวดเข่�; เปลือก ใช้ร่วมกับเปลือกทิ้ง ถ่อน สับเป็นชิ้นเล็กๆ ผึ่งแดดให้แห้ง บดเป็นผง คลุกกับน้ำ�ผึ้งปั้นลูกกลอน รับประท�นเป็นย� อ�ยุวัฒนะ บำ�รุงร่�งก�ย; เปลือก ต้มน้ำ�ดื่มบำ�รุง กำ�หนัด – ชื่อพ้อง ตะโกน� Diospyros rhodocalyx Kurz ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


166 167 ชื่อทั่วไป ย�งน� ชื่อส�มัญ Yang ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Dipterocarpus alatus Roxb. ex G. Don วงศ์ Dipterocarpaceae ชื่อท้องถิ่น ก�ตีล (เขมร-ปร�จีนบุรี); ขะย�ง (ช�วบนนครร�ชสีม�); จ้อง (กะเหรี่ยง); จะเตียล (เขมร); ชันน� (ชุมพร); ทองหลัก (ละว้�); ย�ง (ทั่วไป); ย�งกุง (เลย); ย�งข�ว (ทั่วไป); ย�งคว�ย (หนองค�ย); ย�งตัง (ชุมพร); ย�งน� (ทั่วไป); ย�งเนิน (จันทบุรี); ย�งแม่น้ำ� ย�งหยวก (ทั่วไป); ร�ลอย (ส่วย-สุรินทร์); ลอย (โซ่-นครพนม) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 40 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยว รูป รีหรือรูปไข่ ย�ว 9-24 ซม. ปล�ยแหลมหรือ แหลมย�ว โคนค่อนข้�งกลม หรือเว้�ตื้น ก้�นใบ ย�ว 2-6 ซม. หูใบรูปใบหอก หลุดร่วงง่�ย ช่อ ดอก มี 3-5 ดอก กลีบดอก สีข�วแกมชมพู บิด เวียน ย�วประม�ณ 3 ซม. ด้�นนอกมีขนสั้นนุ่ม ผล ค่อนข้�งกลม มี 5 ครีบ มีปีกย�ว 2 ปีก ย�ว 11-15 ซม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในอินเดียรวมหมู่เก�ะอันด�มัน ศรีลังก� บังกล�เทศ พม่� ภูมิภ�คอินโดจีน ยกเว้นเวียดน�มตอนบน นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มที่ร�บลุ่มริมลำ�ธ�รหรือแม่น้ำ�ในป่�ดิบ แล้ง ที่ระดับคว�มสูงถึงประม�ณ 500 เมตร สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เปลือก ต้มใส่เกลือ กลั้วป�ก รักษ�อ�ก�รปวด ฟัน เหงือกอักเสบ; น้ำ�ย�ง ใช้ถูฟันทำ�ให้ฟันแข็ง แรงและฆ่�เชื้อโรคในช่องป�ก; ผล ต้มดื่ม รักษ� โรคเก�ต์ – ชื่อพ้อง ย�งน� Dipterocarpus alatus Roxb. ex G. Don ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


168 169 ชื่อทั่วไป เหียง ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq. วงศ์ Dipterocarpaceae ชื่อท้องถิ่น กุง (มล�ยู-ภ�คใต้); เก�ะสะเตียง (ละว้�- เชียงใหม่); คร�ด (โซ่-นครพนม); ซ�ด (ภ�ค ตะวันออกเฉียงเหนือ); ตะแบง (ภ�คตะวัน ออก); ตะล�อ่ออ�หมื่อ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่); ต�ด (จันทบุรี, พิษณุโลก); ย�งเหียง (จันทบุรี, ร�ชบุรี); ล่�ทะยอง (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่); สะแบง (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ, อุตรดิตถ์); ส�ละอองโว (กะเหรี่ยง-ก�ญจนบุรี); เห่ง (ลื้อน่�น); เหียง (ทั่วไป) เหียงพลวง, เหียงโยน (ประจวบคีรีขันธ์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงถึง 30 เมตร กิ่งอ่อนมีขนย�วนุ่ม ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่หรือรูปรี กว้�ง 12- 15 ซม. ย�ว 15-25 ซม. มีขนที่ผิวใบด้�นล่�ง หูใบหุ้มยอดสีแดง หลุดร่วงง่�ย ดอก ออกเป็น ช่อ เป็นกลุ่มที่ซอกใบ มี 3-7 ดอก สีข�วอมชมพู กลีบดอกบิดเวียน ผล กลม เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 2-2.5 ซม. มีปีกขน�ดใหญ่ 2 ปีก รูปแถบ ย�ว 15-20 ซม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศพม่� และหมู่เก�ะอันด�มัน นิเวศวิทย� ป่�เต็งรัง และป่�ดิบเข� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ผล บดเป็นผงหรือต้มน้ำ�ดื่ม รักษ�โรคเก�ต์ – ชื่อพ้อง เหียง Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


170 171 ชื่อทั่วไป โด่ไม่รู้ล้ม ชื่อส�มัญ Prickly leaved elephant’s foot ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Elephantopus scaber L. วงศ์ Asteraceae ชื่อท้องถิ่น ขี้ไฟนกคุ่ม (เลย); คิงไฟนกคุ่ม (ชัยภูมิ); เคย โป้ (ภ�คเหนือ); โด่ไม่รู้ล้ม (ภ�คกล�ง); ตะซี โกวะ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); หญ้�ไก่นกคุ่ม, หญ้�ปร�บ, หญ้�ไฟนกคุ้ม, หญ้�ส�มสิบสอง ห�บ, หน�ดผ� (ภ�คเหนือ); หน�ดมีแคลน (สุร�ษฎร์ธ�นี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก อ�ยุหล�ยปี ลำ�ต้นสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงซ้อนสลับเป็นวง มักแผ่ร�บไปกับผิวดิน แผ่นใบรูปขอบขน�น หรือรูปใบหอกกลับ ขอบ ใบหยักฟันเลื่อย ผิวใบมีขนทั้งสองด้�น ดอก ออกเป็นช่อกระจุกแน่น แต่ละช่อมีใบประดับ รองรับ 3 ใบ ดอกย่อยขน�ดเล็ก กลีบดอก แหล่งที่พบในประเทศไทย พบเป็นวัชพืช กระจ�ยทั่วประเทศ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ กระจ�ยทั่วไปในเขตร้อนของทวีปแอฟริก� อเมริก� และเอเชีย นิเวศวิทย� พบต�มพื้นที่เปิดในป่�เต็งรัง ป่�ดิบ หรือป่�สน– ก่อ ที่คว�มสูง 0–300 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด แยกกอ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เข้�ย�กับสมุนไพรชนิดอื่นในตำ�รับย�น้ำ� สมุนไพรขมิ้นชัน–ว่�นชักมดลูก – ชื่อพ้อง โด่ไม่รู้ล้ม Elephantopus scaber L. โคนเป็นหลอดเรียว ปล�ยแยกเป็น 5 กลีบ ผล ขน�ดเล็ก รูปกระบอง มีสันต�มย�ว มีขนย�วที่ ปล�ยผล 5 เส้น


172 173 ชื่อทั่วไป คำ�รอก ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Ellipanthus tomentosus Kurz วงศ์ Connaraceae ชื่อท้องถิ่น กะโรงแดง (ภ�คตะวันออก); คำ�รอก (ชลบุรี); จันนกกด (นครร�ชสีม�); ช้�งน้�ว (ร�ชบุรี, นครร�ชสีม�); ต�นกกดน้อย (สุรินทร์); ประดง เลือด (สุโขทัย); ล�เก�ะก�ยู (มล�ยู–ภ�คใต้); หม�ต�ยท�กล�ก (ภ�คตะวันออก); หำ�ฟ�น (เชียงใหม่); อุ่นขี้ไก่ (ลำ�ป�ง); ประดงไฟ, ต�นก กด (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้นขน�ดเล็ก ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรี หรือรูปใบ หอก กว้�ง 3–6 ซม. ย�ว 6–15 ซม. โคนใบมน หรือรูปลิ่ม ปล�ยใบมน หรือเรียวแหลม ท้องใบ มีขนโดยเฉพ�ะที่เส้นใบ ดอก ออกเป็นช่อเป็น กลุ่มแน่น มักสมบูรณ์เพศ ดอกย่อยจำ�นวนไม่ ม�ก มีขนปกคลุมเล็กน้อย กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้จำ�นวน 5 อัน กลีบดอกสีข�ว หรือสี ครีม ด้�นนอกมีขนประปร�ย ด้�นในมีขนม�ก ผล แบบแห้งแตก มีขนสีน้ำ�ต�ล เมล็ดแก่สีดำ� มี เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงสดติดที่โคน แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คเหนือ ภ�คกล�ง ภ�คตะวันออก เฉียงเหนือ ภ�คตะวันตก และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศพม่� อินเดีย ภูมิภ�คอินโดจีน และภูมิภ�คม�เลเซีย นิเวศวิทย� ป่�ผลัดใบ ป่�เต็งรัง ช�ยป่�ดิบ และป่�พรุ ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่มแก้ดีซ่�น ต�เหลือง มะเร็งตับ – ชื่อพ้อง คำ�รอก Ellipanthus tomentosus Kurz


174 175 ชื่อทั่วไป ทองเดือนห้� ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Erythrina stricta Roxb. วงศ์ Fabaceae ชื่อท้องถิ่น เช่� (กะเหรี่ยง–ก�ญจนบุรี); ทองกี, ทองแค, ทองเดือนห้�, ทองบก (ภ�คเหนือ); ทองหน�ม (เลย); ทองหล�งป่� (เชียงใหม่); ทองเหลือง (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้นสูง 10–20 เมตร ลำ�ต้นมีหน�มสั้นๆ ใบ เป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ ใบ ย่อยรูปไข่ กว้�ง 8 ซม. ย�ว 10–15 ซม. ดอก ออกเป็นช่อกระจะหรือแยกแขนง ออกที่ปล�ย กิ่ง ดอกย่อยออกเรียงด้�นเดียวคล้�ยแปรงสีฟัน กลีบเลี้ยง รูปช้อน กลีบดอกรูปดอกถั่ว สีแดง หรือส้มแดง ผล เป็นฝัก รูปทรงกระบอกย�ว โค้งเล็กน้อย แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ตอนใต้ของประเทศจีน ภูฏ�น กัมพูช� อินเดีย ล�ว พม่� เนป�ล เวียดน�ม นิเวศวิทย� พบในป่� ริมลำ�ธ�ร ที่คว�มสูงประม�ณ 1,400 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ นำ�ใบทองเดือนห้�และใบของสมุนไพรอื่น อีก 5 ชนิด ได้แก่ ทองหล�ง ว่�นน้ำ� หัวไพล สมอไทย ห�งนกยูง ม�เผ�ไฟจนเป็นถ่�น ผสม พิมเสน นำ�ไปป้�ยลิ้น มีสรรพคุณ แก้ลิ้นแข็ง – ชื่อพ้อง ทองเดือนห้� Erythrina stricta Roxb.


176 177 ชื่อทั่วไป ด�หล� ชื่อส�มัญ Ginger flower, Red ginger lily, Torch ginger, Torch lily ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Etlingera elatior (Jack) R. M. Sm. วงศ์ Zingiberaceae ชื่อท้องถิ่น กะล� (นครศรีธรรมร�ช); ก�หล�, ด�หล�, ด� หล�ข�ว (กรุงเทพฯ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก อ�ยุหล�ยปี มีเหง้�ใต้ดิน ส่วนเหนือดิน สูง 3-6 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปใบหอก ย�วได้ ถึง 85 ซม. ดอก ออกเป็นช่อจ�กเหง้� ก้�นช่อ ดอกย�ว 0.8-2 เมตร ใบประดับสีชมพูหรือข�ว เรียงซ้อนเหลื่อมที่โคน กลีบเลี้ยงและกลีบดอก สีชมพู แดง หรือสีข�วอมเหลืองในใบประดับสี ข�ว กลีบป�กสีแดงเข้ม ขอบสีเหลือง ผล ย่อย รูปไข่กว้�ง ย�วประม�ณ 2.5 ซม. ผิวเรียบ มีขน ละเอียด แหล่งที่พบในประเทศไทย ในธรรมช�ติพบภ�คใต้ตอนล่�ง และปลูกประดับ ทั่วประเทศ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบที่ค�บสมุทรมล�ยู ชว�สุม�ตร� และภ�คใต้ ตอนล่�งของไทย นิเวศวิทย� ขึ้นต�มป่�ดิบชื้น คว�มสูงระดับต่ ำ�ๆ เป็นไม้ ประดับทั่วไปในเขตร้อน สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น หัว ต้มหรือต�กแดด บดเป็นผง ชงน้ำ�ร้อนดื่ม เป็นย�บำ�รุง – ชื่อพ้อง ด�หล� Etlingera elatior (Jack) R. M. Sm. ก�รขย�ยพันธุ์ แยกหน่อ


178 179 ชื่อทั่วไป สันพร้�หอม ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Eupatorium fortunei Turcz. วงศ์ Asteraceae ชื่อท้องถิ่น เกี๋ยงพ�ใย (ภ�คเหนือ); สะพัง (เลย); ซะเป มอก พ� หญ้�ลั่งพั้ง (เงี้ยว–แม่ฮ่องสอน); พอกี่ พ่อสู่ เจ�ะ (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก อ�ยุหล�ยปี ลำ�ต้นสีเขียวหรือสีม่วงแดง มีขน ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่ ขอบจัก ฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียว เส้นใบและก้�นใบสีแดง ดอก ออกเป็นช่อกระจุก มีใบประดับรองรับช่อ ดอก เรียงซ้อนกัน ออกที่ซอกใบใกล้ปล�ยยอด กลีบดอกสีข�วหรือสีแดง เชื่อมติดกันเป็นหลอด แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คเหนือและภ�คตะวันออก ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดในทวีปเอเชีย นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มป่�โปร่ง หรือต�มป่�ร�บที่รกร้�ง ทั่วไป หัวไร่ปล�ยน� ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้งต้น ต้มน้ำ�ดื่ม แก้ไข้ตัวร้อน – ชื่อพ้อง สันพร้�หอม Eupatorium fortunei Turcz. ปล�ยแยกเป็น 5 กลีบ ผล แบบผลแห้ง รูปรี มี 5 สัน สีดำ� มีขนย�วสีข�วติดด้�นบนของผล


180 181 ชื่อทั่วไป น้ำ�นมร�ชสีห์ ชื่อส�มัญ Asthma plant, Garden spurge ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Euphorbia hirta L. วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น นมร�ชสีห์ น้ำ�นมร�ชสีห์ ผักโขมแดง (ภ�ค กล�ง); หญ้�น้ำ�หมึก (ภ�คเหนือ); หญ้�หลังอึ่ง (เงี้ยว–แม่ฮ่องสอน) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 50 ซม. ลำ�ต้นสีเขียวอมแดง หรือน้ำ�ต�ล มีย�งข�ว ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียง ตรงข้�ม รูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขน�น เบี้ยว ย�ว 1.2–4 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบมีขน กระจ�ยทั้งสองด้�น ดอก ออกเป็นช่อต�มซอก ใบ ดอกขน�ดเล็ก ผล ลักษณะเป็น 3 พู ย�ว ประม�ณ 1 มม. มีขนสั้นนุ่ม เมล็ดรูปรีเป็น เหลี่ยม ย�วประม�ณ 0.7 มม. สีน้ำ�ต�ลแดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดในอเมริก�กล�ง นิเวศวิทย� พบขึ้นเป็นวัชพืชริมถนน ริมท�งรถไฟ ในไร่น� ป่�ผลัดใบ ทุ่งหญ้� เจริญเติบโตได้ดีในดินทร�ย หรือแนวหินปูน ที่ระดับคว�มสูงได้ถึง 1,200 เมตร ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ ต�กแห้งต้มน้ำ�ดื่ม บำ�รุงน้ำ�นม; ทั้งต้น ต้มน้ำ� ดื่ม แก้ท้องเดินท้องเสีย – ชื่อพ้อง น ้ำ�นมร�ชสีห์ Euphorbia hirta L.


182 183 ชื่อทั่วไป สลัดไดป่� ชื่อส�มัญ Malayan spurge tree ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Euphorbia antiquorum L. วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น กะลำ�พัก (นครร�ชสีม�); สลัดไดป่� (ภ�คกล�ง); สลัดได (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขน�ดเล็ก สูงได้ถึง 4 เมตร ทุกส่วนมีย�งสีข�ว กิ่งเป็นรูปส�มเหลี่ยมหรือ สี่เหลี่ยมอวบน้ำ� ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูป ไข่กลับ อวบน้ำ� ร่วงง่�ย ดอก ออกเป็นช่อสั้น ใบ ประดับสีเหลือง ดอกตัวผู้และตัวเมียไม่มีกลีบ ดอก ผล เป็นผลแห้งแตกได้ ขน�ดเล็ก มี 3 พู แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดในทวีปเอเชียเขตร้อน นิเวศวิทย� ภูเข�ที่มีหินปูน หรือที่แห้งแล้งบนก้อนหิน หรือ บนภูเข� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ลำ�ต้น กวนกับน้ำ�ร้อนหรือนึ่ง ต�กแห้ง หั่น บด ผง อ�จผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น รับประท�น แก้ โรคเก�ต์ ปวดข้อ – ชื่อพ้อง สลัดไดป่� Euphorbia antiquorum L. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ�


184 185 ชื่อทั่วไป ปล�ไหลเผือก ชื่อส�มัญ Ali’s umbrella ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Eurycoma longifolia Jack วงศ์ Simaroubaceae ชื่อท้องถิ่น กรุงบ�ด�ล (สุร�ษฎร์ธ�นี); คะน�ง, ชะน�ง (ตร�ด); ตรึงบ�ด�ล (ปัตต�นี); ตุงสอ (ภ�ค เหนือ); ตุวุเบ๊�ะมิง, ตูวุวอมิง (มล�ยู–นร�ธิว�ส); ปล�ไหลเผือก (ภ�คกล�ง); เพียก (ภ�คใต้); หยิก บ่อถอง, หยิกไม่ถึง (ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ); ไหลเผือก (ตรัง); เอียนดอน (ภ�คตะวันออก เฉียงเหนือ); แฮพันชั้น (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม ไม่ค่อยแตกกิ่งก้�น กิ่งและแกนกล�งใบ มีขนต่อม ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ย�ว ได้ถึง 1 เมตร รูปใบหอกถึงรูปใบหอกแกมรูป ไข่กลับ กว้�ง 1.5–6 ซม. ย�ว 5–20 ซม. ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกแขนง กลีบดอกสีแดง มี 5 หรือ 6 กลีบ กว้�ง 2–3 มม. ย�ว 4–5.5 มม. มี ขนประปร�ย ผล รูปรี กว้�ง 5–12 มม. ย�ว 10–17 มม. เมื่อสุกสีม่วงเข้ม แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คเหนือ ภ�คกล�ง ภ�คตะวันออก ภ�คตะวันออกเฉียงเหนือ และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบ เส้นศูนย์สูตรและเขตร้อนชื้น เช่น ประเทศ ม�เลเซีย อินโดนีเซีย พม่� ล�ว และกัมพูช� นิเวศวิทย� ป่�เบญจพรรณ ป่�ดิบแล้ง ป่�ดิบชื้น และป่�เต็ง รัง ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ร�ก ต้มน้ำ�ดื่มแก้ไข้ม�ล�เรีย บำ�รุงกำ�ลังผู้ช�ย – ชื่อพ้อง ปล�ไหลเผือก Eurycoma longifolia Jack


186 187 ชื่อทั่วไป กระบือเจ็ดตัว ชื่อส�มัญ Blindness tree, Chinese croton, Jungle fire plant, Picara ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Excoecaria cochinchinensis Lour. วงศ์ Euphorbiaceae ชื่อท้องถิ่น กะเบือ (ร�ชบุรี); กระบือเจ็ดตัว, กำ�ลังกระบือ (ภ�คกล�ง); ใบท้องแดง (จันทบุรี); ลิ้นกระบือ (ภ�คกล�ง); บัวล� (ภ�คเหนือ) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม มีย�งสีข�วข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปรี หรือ รูปขอบขน�น กว้�ง 2–4 ซม. ย�ว 6–14 ซม. ขอบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบเรียบสีม่วงแดง ดอก แยกเพศอยู่ต่�งต้น ออกเป็นช่อที่ซอกใบและปล�ยกิ่ง มีขน�ดเล็ก แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คกล�ง ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ มีถิ่นกำ�เนิดในภูมิภ�คอินโดจีน นิเวศวิทย� พบปลูกทั่วไปเพื่อเป็นไม้ประดับ ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ�กิ่ง ตอนกิ่ง สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบ ต้มน้ำ�ดื่ม แก้สันนิบ�ต ขับเลือดเสีย – ชื่อพ้อง กระบือเจ็ดตัว Excoecaria cochinchinensis Lour. กลีบดอกหลุดร่วงง่�ย ผล แห้งแตก รูปค่อนข้�ง กลม มี 3 พู


188 189 ชื่อทั่วไป กันเกร� ชื่อส�มัญ Tembesu ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Fagraea fragrans Roxb. วงศ์ Gentianaceae ชื่อท้องถิ่น มันปล� (ภ�คเหนือ ภ�คอีส�น); ตำ�เส� ทำ�เส� (ภ�คใต้); ตะมะซู ตำ�มูชู (มล�ยู ภ�คใต้) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 เมตร เปลือกแตกเป็นร่อง ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปรี รูปขอบขน�น แกมรูปไข่ หรือรูปไข่กลับ ย�ว 7-11 ซม. ปล�ย แหลมหรือย�วคล้�ยห�ง ดอก ออกเป็นช่อ กระจุก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ย�ว 2-3 มม. ปล�ย กลีบกลม กลีบดอกรูปแตร สีครีมเปลี่ยนเป็นสี เข้มก่อนร่วง ย�ว 1.2-2 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ยื่นพ้นป�กหลอดกลีบดอก ผล เป็นผลสด เส้น ผ่�นศูนย์กล�ง 5-8 มม. สุกสีเหลืองหรืออมแดง ปล�ยมีติ่งแหลม เมล็ดขน�ดประม�ณ 1 มม. เป็นเหลี่ยม แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบขึ้นกระจ�ยในอินเดีย พม่� ภูมิภ�คอินโดจีน ม�เลเซีย และนิวกินี นิเวศวิทย� พบขึ้นต�มช�ยฝั่งทะเล ป่�เบญจพรรณ ป่�ดิบ แล้ง และป่�ดิบชื้น สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ทั้ง 5 ได้แก่ ร�ก ลำ�ต้น ใบ ดอก และผล ต�ก แห้ง ต้มน้ำ�ดื่ม แก้ไข้ Cyrtophyllum fragrans (Roxb.) DC. ชื่อพ้อง กันเกร� Fagraea fragrans Roxb. ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


190 191 ชื่อทั่วไป เดื่อหว้� ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Ficus auriculata Lour. วงศ์ Moraceae ชื่อท้องถิ่น เดื่อหว้� (เชียงใหม่); ตะกื้อเด๊�ะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน); ไทรโพ (ภ�คกล�ง); มะเดื่อหว้� (ก�ญจนบุรี); เดื่อหลวง (ภ�คเหนือ); มะเดื่อ ชุมพร (ยะล�); ฮ�กอบ�เต๊�ะ (มล�ยู-นร�ธิว�ส); มะเดื่อหอม (มะยม ม�นันท์) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น สูงได้ถึง 15 เมตร ทุกส่วนมี น้ำ�ย�งสีข�ว ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่ กว้�งเกือบกลม กว้�ง 7-25 ซม. ย�ว 10-30 ซม. ดอก ออกเป็นช่อที่ลำ�ต้น มีฐ�นรองดอกหุ้ม มิดลักษณะคล้�ยผล ดอกแยกเพศขน�ดเล็กม�ก อยู่ในช่อเดียวกัน ผล เป็นผลรวม รูปกรวยคว่ ำ� แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศป�กีสถ�น อินเดียตอนเหนือ เนป�ล รัฐสิกขิม ภูฏ�น พม่� จีนตอนใต้ ล�ว เวียดน�ม กัมพูช� และค�บสมุทรม�เลเซีย นิเวศวิทย� ป่�ดิบ และป่�เบญจพรรณ สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ผลสุก รับประท�นเพื่อบำ�รุงหัวใจ; ร�ก ต�ก แห้ง บดเป็นผง ละล�ยกับเหล้�หรือน้ำ� อ�จผสม สมุนไพรชนิดอื่น รับประท�นบำ�รุงกำ�หนัด – ชื่อพ้อง เดื่อหว้� Ficus auriculata Lour. เกือบกลม ขน�ดใหญ่ กว้�งได้ถึง 6 ซม. เมื่อสุก สีม่วงแดงหรือม่วงดำ� ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด


192 193 ชื่อทั่วไป เดื่อปล้อง ชื่อส�มัญ Rough–leaf stem fig ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Ficus hispida L. f. วงศ์ Moraceae ชื่อท้องถิ่น เดื่อปล้อง (ภ�คเหนือ, นครศรีธรรมร�ช, สระบุรี); เดื่อป่อง (กรุงเทพฯ); เดื่อส�ย (เชียงใหม่); ตะเออน่� (กะเหรี่ยง–แม่ฮ่องสอน); มะเดื่อปล้อง (ภ�คกล�ง); เอ�แหน่ (กะเหรี่ยง– แม่ฮ่องสอน); ฮะกอสะนีย� (มล�ยู–นร�ธิว�ส) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้นขน�ดเล็ก สูง 5–15 เมตร ทุกส่วนมีย�ง ข�ว กิ่งอ่อนกลวง ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปไข่กลับ กว้�ง 4–8 ซม. ย�ว 9–15 ซม. แผ่น ใบทั้งสองด้�นมีขนหย�บ ขอบใบจัก ดอก ออก เป็นช่อต�มกิ่งและลำ�ต้น ฐ�นรองดอกหุ้มมิด ลักษณะคล้�ยผล อยู่บนช่อที่แตกแขนง ดอก แยกเพศขน�ดเล็กม�ก อยู่ในช่อดอกเดียวกัน ผล เป็นผลรวม รูปค่อนข้�งกลม เส้นผ่�น ศูนย์กล�ง 1.5–2.5 ซม. แหล่งที่พบในประเทศไทย พบทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ พบในประเทศอินเดีย เนป�ล จีนตอนใต้ พม่� ภูมิภ�คอินโดจีน ม�เลเซีย และอินโดนีเซีย นิเวศวิทย� ป่�โปร่ง ป่�ละเม�ะ จนถึงป่�ดิบเข� ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด ปักชำ� สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ร�ก ต้มน้ำ�ดื่ม หรือบดเป็นผงผสมกับผลย�งใน อัตร� 2:1 แก้ปวดข้อ ช่วยคล�ยกล้�มเนื้อ; ย�ง บริเวณขั้วผล ท�แก้สะเก็ดเงิน – ชื่อพ้อง เดื่อปล้อง Ficus hispida L. f.


194 195 ชื่อทั่วไป เดื่ออุทุมพร ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Ficus racemosa L. วงศ์ Moraceae ชื่อท้องถิ่น กูแซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); เดื่อเกลี้ยง (ภ�ค กล�ง, ภ�คเหนือ); เดื่อน้ำ� (ภ�คใต้); มะเดื่อ, มะเดื่อชุมพร, มะเดื่ออุทุมพร (ภ�คกล�ง) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น สูง 10-30 เมตร ทุกส่วนมีย�งข�ว ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรี รูปขอบขน�น หรือรูปใบหอก กว้�ง 3-9 ซม. ย�ว 7-18 ซม. ดอก ออกเป็นช่อต�มกิ่งหรือต้น ฐ�นรองดอก หุ้มมิดลักษณะคล้�ยผล อยู่บนช่อย�วไม่แตก แขนง ดอกแยกเพศขน�ดเล็กม�ก อยู่ในช่อดอก เดียวกัน ผล เป็นผลรวม รูปค่อนข้�งกลม หรือ รูปแพร์ เส้นผ่�นศูนย์กล�ง 1.5-3 ซม. เมื่อสุกสี ส้มหรือสีแดง แหล่งที่พบในประเทศไทย พบได้ทั่วทุกภ�ค ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ ศรีลังก� ป�กีสถ�น อินเดีย เนป�ล สิกขิม บังกล�เทศ พม่� จีนตอนใต้ เวียดน�ม ล�ว กัมพูช� ม�เลเซีย อินโดนีเซีย และท�งเหนือของ ออสเตรเลีย นิเวศวิทย� พบต�มริมธ�รในป่�เบญจพรรณ ป่�ดิบแล้ง ที่ ระดับคว�มสูง 350-650 เมตร สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น เปลือก ต้มน้ำ�ดื่ม บำ�รุงน้ำ�นมสำ�หรับหญิงให้นม บุตร; ร�ก ต้มน้ำ�ดื่มแก้ไข้พิษไข้หัว ได้แก่ ไข้ที่ เกิดจ�ก ฝี สิว หรือใช้เป็นส่วนประกอบในย�ห้� ร�ก แก้ไข้ – ชื่อพ้อง เดื่ออุทุมพร Ficus racemosa L. ก�รขย�ยพันธุ์ ปักชำ�


196 197 ชื่อทั่วไป ชะมวง ชื่อส�มัญ – ชื่อวิทย�ศ�สตร์ Garcinia cowa Roxb. ex Choisy วงศ์ Clusiaceae ชื่อท้องถิ่น กะมวง (ภ�คใต้); ก�นิ (มล�ยู–นร�ธิว�ส); ชะมวง (ภ�คกล�ง); มวงส้ม (นครศรีธรรมร�ช); หม�กโมก (อุดรธ�นี) ลักษณะท�งพฤกษศ�สตร์ ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 4–10 เมตร มีย�งเหลือง ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้�ม รูปรี หรือรูปรีแกม ขอบขน�น กว้�ง 2–5 ซม. ย�ว 7–12 ซม. ดอก สีเหลือง แยกเพศอยู่ร่วมต้น ดอกเพศผู้อยู่รวม กันเป็นช่อ เกสรเพศผู้จำ�นวนม�ก ดอกเพศ เมียอยู่เดี่ยวหรือออกเป็นช่อ 2–3 ดอก รังไข่ กลม ผล เป็นผลสด รูปกลมหรือเบี้ยว เส้นผ่�น ศูนย์กล�ง 2.5–4.5 ซม. เป็นร่องต�มย�วโดย รอบ แหล่งที่พบในประเทศไทย พบท�งภ�คตะวันออก และภ�คใต้ ถิ่นกำ�เนิดและก�รกระจ�ยพันธุ์ อินเดีย และภูมิภ�คเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิเวศวิทย� ขึ้นต�มป่�ผลัดใบ ที่ระดับคว�มสูงไม่เกิน 1,500 เมตร ออกดอกและติดผลเดือนกุมภ�พันธ์ – พฤษภ�คม ก�รขย�ยพันธุ์ เพ�ะเมล็ด สรรพคุณจ�กปร�ชญ์พื้นบ้�น ใบที่ยังไม่แก่จัด ใช้ทำ�อ�ห�ร หรือบดเป็นผงใส่ แคปซูล รับประท�นเป็นย�ระบ�ย – ชื่อพ้อง ชะมวง Garcinia cowa Roxb. ex Choisy


Click to View FlipBook Version