พระตำหนักปางตอง

หนีตาม เด็กหลังเขา :: พระตำหนักปางตอง - ศูนย์การเลี้ยงแกะตามพระราชดำริ



หลังจากที่ออกเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมาตั้งแต่หลังอาหารเช้า เพื่อที่จะเข้าไปจับจองพื้นที่หลับนอนริมอ่างเก็บน้ำให้ได้ทีดี ๆ แต่มานึกกันอีกทีจะไปถึงเร็วไปโดยใช่ที่หรือไม่ ทำให้ต้องมีการปรับเปลียนแผนกันอย่างฉับไว

นั่นคือ ตกลงกันว่าเราจะแวะเที่ยวระหว่างทางก่อนที่จะเดินทางเข้าปางอุ๋ง ซึ่งก็มีที่เที่ยวหลากหลายให้เราเลือก สุดท้ายเราเลือกที่จะแวะน้ำตกผาเสื่อ และพระตำหนักปางตอง ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำตกผาเสื่อเพียง 5 กม. เท่านั้น

นอกจากที่นี่จะเป็นที่ประทับแล้วยังเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาพื้นที่สูงปางตอง ซึ่งบริเวณพระตำหนักมีแปลงสาธิตการปลูกดอกไม้ไทย และต่างประเทศ ปลูกผลไม้และการเลี้ยงสัตว์ เช่น แกะ ไก่ฟ้า ซึ่งปางอุ๋งที่เราจะไปพักกันก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึงของโครงการพัฒนาพื้นที่สูงปางตองเช่นกัน

ก่อนที่จะเข้าถึงพระตำหนัก เราถูกทหารเรียกให้จอดรถเพื่อลงไปนมัสการ "ศาลมหาราช" ซึ่งก็งง ๆ ว่าทำไมต้องมาเรียกให้จอดเพื่อเข้าไปกราบไหว้ แต่มาคิดอีกที ถ้าไม่เรียก ทุกคนก็คงขับเลยเข้าไป และไม่ได้ทำการสักการะ หรือหากจะมองโลกในแง่ร้าย ร้านขายดอกไม้และเครื่องบูชาตรงนี้คงทำการค้าขายได้ยาก

เราพยายามมองโลกในแง่ดี และเดินเรียงแถวกันเข้าไปกราบสักการะองค์พระนเรศวรมหาราชภายในศาล และพอหันกลับลงไปมองก็พบว่ารถทุกคันที่ขับผ่าน ต่างถูกเรียกให้ลงมาไหว้เหมือนกันหมด

พวกเราขับรถไปตามจุดต่าง ๆ ที่ได้รรับการระบุเอาไว้ในหนังสือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่ ออน หาติดมือมาด้วย ซึ่งในนั้นมีแผนที่พระตำหนักระบุส่วนต่าง ๆ เอาไว้อย่างชัดเจน

เราเลือกที่จะแวะเข้าไปยังส่วนที่ดูเหมือนจะเป็น "สวนสัตว์" ที่อยู่ด้านหน้าก่อนส่วนอื่น ที่นี่จะเป็นการเก็บรักษาพันธุ์นก และไก่พื้นบ้านเอาไว้หลากหลาย รวมถึงบรรดาสัตว์ประจำถิ่นต่าง ๆ ด้วย

โดยเฉพาะไก่ฟ้า ที่มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์มีลักษณะสวยงาม และค่อนข้างหาได้ยากแล้วในธรรมชาติ หลักจากพ้นจากส่วนที่เป็นส่วนจัดแสดงพันธุ์นกและสัตว์หายากแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังจุดที่เป็นไคล์แมคของพระตำหนักปางตอง ที่ถือเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว

นั่นคือ ฟาร์มแกะ ที่มีความเชื่องจนนักท่องเที่ยวสามารถเข้าอุ้ม หรือพาจูงเดินได้เลยทีเดียว ทำให้สมาชิกหลายคนในกลุ่มของเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้อุ้มเจ้าแกะน้อย

เจ้าแกะน้อยที่ทางพระตำหนักปางตองจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวสำหรับอุ้มเล่นนั้น ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี โดยจะต้องมีขนาดตัวที่เล็กเพื่อสะดวกในการที่นักท่องเที่ยวที่เป็นเด็กจะอุ้มเล่นได้

ต้องสะอาดขนสีขาวปุกปุยหน้าอุ้ม ผิดกับเจ้าแกะที่วิ่งเล่นอยู่ในฟาร์มตัวอื่น ๆ ที่กำลังเลมหญ้าอยู่กลางทุ่ง ที่มีลักษณะค่อนข้างกลัวคน นอกจากนี้ทางพระตำหนักฯ ยังมีบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถนำนมมาป้อนให้กับเจ้าลูกแกะน้อยได้อีกด้วย

เราจะเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนที่เป็นผู้หญิงและเด็กต่างต่อรอคิวกันเพื่อที่จะอุ้มเจ้าลูกแกะถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึก

นอกจากนี้แล้วยังมีร้านอาหารที่ขายอาหารที่ได้จากวัตถุดิบภายในโครงการฯ ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้ ดอกไม้ หรือเนื้อแกะเนื้อวัวชั้นดี การเลี้ยงแกะที่นี่จะปล่อยให้แกะได้และเลมหญ้าในทุ่งหญ้าตามธรรมชาติ แต่ต้องมีการล้อมรั่วเอาไว้เพื่อกันแกะขึ้นมาบนถนน และเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับนักท่องเที่ยวและบรรดาแกะน้อยทั้งหลาย

ลองไปดูภาพการเลี้ยงแกะในธรรมชาติกันดูบ้างค่ะ

แกะน้อยในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

วัน ๆ ไม่ค่อยทำอะไร และเล็มหญ้ากินกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

และอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่

มีนิสัยขี้ตื่นกลัว

ถ้ากลัวขึ้นมาหละก็ วิ่งกันป่า (หญ้า) ราบเลยทีเดียว

ไอ้นี่น้อยใจอะไรขึ้นมา ทำเป็นหนีออกจากฝูงซะงั้น

มีอิสระ (ที่จำกัด) อยู่ในทุ่งหญ้า

ส่วนเจ้าตัวนี้ สีขาวปุกปุย

มีคนตัดหญ้ามาให้กินกันถึงที่

มีสาวน้อยนั่งเป็นเพื่อน แต่ขาดอิสระภาพอยู่บนเกวียนรอคนมาอุ้มถ่ายรูป

ร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากโครงการฯ

กระบวนการผลิตขนแกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าแนะนำของทางโครงการ

มีทั้งหมด 8 ขั้นตอน

แกะพันธุ์ดี ภายในโครงการ

มีแสดงไว้ให้เห็นโดยรอบ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องสำอางค์ที่ทำจากผลิตภัณฑ์แกะ เช่น ครีมรกแกะขายเสียด้วย ซึ่งก็เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ให้ควักกระเป๋าจ่ายเงินกันได้เป็นอย่างดี

เราแวะถ่ายรูปกับเจ้าแกะน้อยได้ซักพักหนึ่งก็ตัดสินใจเดินต่อไปในส่วนของ "สวนกุหลาบ" ภายในพระตำหนัก