อันตรายของ “ยาพาราเซตามอล” ในแมว !!
ยาพาราเซตามอล ( Paracetamol ) |
ยาพาราเซตามอล ( Paracetamol ) หรืออีกชื่อหนึ่ง
คือ อะเซตามิโนเฟน ( Acetaminophen) เป็นยาแก้ปวดที่นิยมใช้ในคน
หาซื้อง่าย ราคาถูก แต่รู้หรือไม่ว่า มีพิษต่อน้องแมวถึงแก่ชีวิตได้!!
ในแมวโตที่มีน้ำหนักประมาณ 4 - 5 กิโลกรัม การป้อนยาพาราเพียงแค่ครึ่งเม็ดก็เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
เนื่องจากแมวขาดเอนไซม์ที่ใช้เปลี่ยนแปลงยา
ไม่สามารถขจัดยาดังกล่าวออกจากร่างกายทางตับได้ ทำให้เกิดการสะสมสารที่เป็นพิษในร่างกายแล้วยังแพร่กระจายทางกระแสเลือดไปทำลายเม็ดเลือดแดงและเซลล์ตับ
เนื่องจากหน้าที่ของตับโดยตรงคือการขจัดสิ่งที่มีพิษออกจากร่างกาย และเนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงของแมวไวต่อการเกิดพิษจากยานี้เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการทำลายของเซลล์เม็ดเลือดแดงจนกระทั่งเกิดเม็ดเลือดแดงแตก
ทำให้ร่างกายไม่สามารถขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆที่สำคัญของร่างกายได้
น้องแมวที่ได้รับยาพาราเซตามอลไปจะมีอาการอย่างไร?
แมวมีอาการอาเจียน |
อาการเริ่มแรก คือ อาเจียน น้ำลายยืด หลังจากนั้นประมาณ 1-4 ชั่วโมงเม็ดเลือดแดงจะถูกทำลาย แมวจะแสดงอาการเด่นชัดขึ้นคือ หน้าบวม
เหงือกเริ่มมีสีม่วงคล้ำ หายใจหอบ ใบหน้า ฝ่าเท้า ขา บวมมากขึ้น
สีเหงือกจะเปลี่ยนเป็นซีดเหลือง
ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อๆหรือสีช็อกโกแลต
เนื่องจากการถูกทำลายของเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดแดงแตก
ทำให้แมวแสดงอาการหายใจลำบาก เนื่องจากการนำออกซิเจนโดยเม็ดเลือดแดงเข้าสู่เซลล์น้อยลง
ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่อวัยวะสำคัญ เช่นปอด หัวใจ ไม่เพียงพอ ทำให้กดการหายใจ
และเสียชีวิตในที่สุด ภายใน 18-36 ชั่วโมง
รักษาเบื้องต้น อย่างไร?
ทำให้แมวอาเจียน หากแมวเพิ่งทานยาไปไม่เกิน
4-6 ชั่วโมง และป้อน Activated
Charcoal (ยาผงถ่าน) เพื่อลดการดูดซึมตัวยาพาราเซตามอลเข้าสู่ร่างกาย
จากนั้นรีบพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด โดยการรักษาพิษจากยาพาราเซตามอล
จะเน้นไปที่การให้ยาต้านพิษ
และการรักษาตามอาการ การใช้ยาถอนพิษนั้น สัตวแพทย์ไม่สามารถยืนยันผลการตอบสนองของยา เพราะพิษของยาจะทำลายตับและการสร้างเม็ดเลือดแดงของน้องแมวอย่างรุนแรง
และการรักษาตามอาการ การใช้ยาถอนพิษนั้น สัตวแพทย์ไม่สามารถยืนยันผลการตอบสนองของยา เพราะพิษของยาจะทำลายตับและการสร้างเม็ดเลือดแดงของน้องแมวอย่างรุนแรง
น้องแมวจะรอดหรือไม่?
อัตราการรอดชีวิตในแมวต่ำมาก แต่ในรายที่โชคดี พบว่า
มักมีอาการดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง และมีโอกาสรอดชีวิตสูง โดยมักไม่พบผลกระทบจากยาตัวนี้ในระยะยาวเมื่อน้องแมวหายป่วยแล้ว
ดังนั้น หากเจ้าของเริ่มรู้สึกว่าน้องแมวของเราซึมลง เบื่ออาหาร
ตัวร้อน มีไข้ ควรรีบพามาพบสัตวแพทย์ใกล้บ้าน
ไม่ควรรอช้า และไม่หายาแก้ไข้มาป้อนเองนะคะ
บทความโดย สพ.ญ.นลิน
จิลลานนท์ (หมอใบเฟิร์น)
คลินิก สัตวแพทย์
IPD และ อายุรกรรมทั่วไป
โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
โทร 02-953-8085-6 Line: @vet4
www.vet4hospital.com
โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4
โทร 02-953-8085-6 Line: @vet4
www.vet4hospital.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น