วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน

บูชารอยพระพุทธบาทตากผ้า ชมมหาเจดีย์สี่ครูบาบนยอดเขา ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน

 

ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/lamphun/watprabattakpa/180/big.jpg

 

        รอยพระพุทธบาทนั้นถือว่าเป็นปูชนียสถานที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยส่วนมากรอยพระพุทธบาท จะเป็นรอยพระบาทของพุทธองค์ที่ทรงประทับไว้เพื่อเป็นมิ่งมงคลแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จังหวัดลำพูนนอกจากมีพระธาตุหริภุญชัย พระธาตุเก่าแก่อายุมากกว่าพันปีแล้ว ก็ยังมีรอยพระพุทธบาทสำคัญก็คือรอยพระพุทธบาทตากผ้าซึ่งถือว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่แตกต่างจากรอยพระพุทธบาททั่ว ๆ  ไป ทั้งหมด คือเป็นรอยที่พระพุทธองค์ทรงตากผ้าจีวรไว้บนผาหินซึ่งปรากฏเป็นรอยตารางเหมือนผ้าจีวรของพระที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้  จึงเป็นที่มาของชื่อวัดพระพุทธบาทตากผ้าซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญของจังหวัดลำพูนอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นบนยอดเขาภายในวัดยังมีโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธ์ก็คือองค์มหาเจดีย์สี่ครูบาอีกด้วย

ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/lamphun/watprabattakpa/300/24.jpg

 

         วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองลำพูนที่สร้างมานานและถือว่าเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ ของลำพูนเพราะมีรอยพระพุทธบาทและรอยตากผ้าซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ภายในวัดแห่งนี้มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโบราณสถานที่สำคัญหลายอย่าง มีรอยพระพุทธบาทใหญ่ 2 รอย ,มีรอยเท้าพระอรหันต์ 7ขวบ,รอยตากผ้า,  ถ้ำฤาษี,องค์เจดีย์สี่ครูบา,พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและวัตถุโบราณ เป็นสถานที่สำคัญของพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง

ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/lamphun/watprabattakpa/300/13.jpg

 

         ตามตำนานกล่าวว่า ในอดีต สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ได้เสด็จมาสู่สุวรรณภูมิโดยพุทธนิมิตครั้งหนึ่งพระองค์พร้อม ด้วยสาวกได้เสด็จจาริกสั่งสอนไปตามที่ต่างๆ จนมาถึงที่แห่งนี้  แล้วได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้บนพื้นผาลาดศิลาใหญ่ และได้ทรงรับสั่ง ให้พระอานนท์เถระนำจีวรไปตากไว้บนผาลาดใกล้ ๆ กับที่ประทับบริเวณที่ตากจีวรนั้นปรากฏเป็นรอยตารางคล้ายตารางจีวร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบันวัดนี้จึงได้ชื่อว่า  วัดพระพุทธบาทตากผ้า  มาจนถึงทุกวันนี้

 

ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/lamphun/watprabattakpa/300/12.jpg

 

          วัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขามีทัศนียภาพที่สวยงามเมื่อเราเดินทางเข้าไปยังวัดเราก็จะมองเห็นตัววัดและบันไดนาคขึ้นไป ยังองค์เจดีย์สี่ครูบาบนยอดเขาอย่างชัดเจนเห็นเป็นแนวตรงระหว่างถนนทางเข้าประตูวัดบันไดนาคและเจดีย์สี่ครูบา เป็นการกำหนดแนวของสิ่งปลูกสร้างได้อย่างลงตัวสวยงาม ภายในวัดส่วนมากพื้นจะเป็นพื้นหินศิลาแทบทั้งหมด ภายในวัดจัดสถานที่ได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยด้านหน้าวัดเป็นอาคารสำหรับบริการอาหารเครื่องดื่มสำหรับคนที่เข้าเยี่ยมชมและบูชารอยพระพุทธบาทหรือเข้ามาทำบุญที่วัด นอกจากมีบริการอาหารเครื่องดื่มแล้วก็ยังมีสินค้าของที่ระลึกจากทางภาคเหนือให้เราได้เลือกชมเลือกซื้ออีกด้วย อาทิ เช่นเสื้อผ้าชาวล้านนา,ผ้าแพร,สมุนไพรไทย เป็นต้น มีจุดบริการดอกไม้ธูปเทียนพร้อม ภายในวัดร่มรื่นเย็นสบายมีต้นไม้สลับไปกับพื้นหินภายในวัดมีความเงียบสงบเหมาะสำหรับปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง 

         ทางด้านทิศใต้ก็เป็นรอยพระพุทธบาทใหญ่สองรอยซึ่งประทับไว้บนแผ่นหินประดิษฐานภายวิหารจตุรมุขหลังสวย ตัววิหารเป็นศิลปกรรม ที่งดงามด้วยคุณลักษณะแบบผสมผสานสวยงามลงตัว มีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศปิดทองประดับกระจกหลากสีสวยงามวิจิตร ทั้งด้านในและด้านนอก ฝาผนังเป็นภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาสวยงามน่าชม ภายในกลางวิหารเป็นเจดีย์องค์เล็กที่ครอบรอยพระพุทธบาทไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำเป็นรั้วระเบียงล้อมรอบ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างครอบไว้ในครั้งแรกต่อมาจึงมีการสร้างวิหารหลังใหญ่ครอบอีกชั้นหนึ่งอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน บนเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวิหารเอาไว้และด้านหน้าระเบียงเป็นรูปเหมือนของครูบาศรีวิชัย เคียงคู่กับครูบาพรหมมา โดยทำเป็นบันไดลงไปยังรอยพุทธบาทได้ทั้งสี่ด้าน รอยพระพุทธบาทมีขนาดใหญ่พอสมควรและเป็นสองรอยติดกันเหมือนการย่างก้าวไปข้างหน้า ภายในวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็น ศาสนสถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังพบรอยพระอรหันต์อายุ  7 ขวบตรงด้านหน้าวิหารอีกด้วย ซึ่งเชื่อกันว่ารอยเท้านี้เป็นรอยเท้าของ พระอรหันต์อายุ 7 ขวบที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามายังสถานที่แห่งนี้และได้อธิฐานจิตเหยียบไว้เป็นรอยเท้าบนพื้นหินอย่างที่เห็น โดยทางวัดทำเป็นซุ้มเจดีย์สวยงามครอบเอาไว้ทางด้านนอกวิหาร ภายในวิหารแห่งนี้ทุก ๆวันก็จะมีพุทธศาสนิกชนเข้าไปบูชารอยพระพุทธบาทอยู่เป็นประจำ เพราะมีความเชื่อกันว่าการบูชารอยพระพุทธบาทนั้นเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต

 

 

 

 

ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/lamphun/watprabattakpa/300/4.jpg

           ถัดจากวิหารที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทก็เป็นรอยตากผ้าขนาดใหญ่เป็นปูชนียสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งภายในวัดซึ่ง เชื่อกันว่า เป็นรอยตากผ้า จีวรของพระพุทธเจ้าลักษณะเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยม คล้ายกับผืนนาของชาวมคธ อินเดีย เพราะเนื่องจากได้นำลักษณะของพื้นนาดังกล่าวมาเป็นตัวอย่างการ ตัดเย็บจีวร และพระภิกษุได้ใช้นุ่งห่มมาจนถึงทุกวันนี้ รอยตากผ้าเป็นรอยขนาดใหญ่เท่า ๆกับ ผ้าจีวรพระในปัจจุบันโดยทำเป็นรั้วรอบรอยตากผ้าเอาไว้ นอกจากนั้นในบริเวณนี้ก็มีการค้นพบรอยเท้าเล็ก ๆ อีกหลายรอยบนแผ่นหินอีกด้วย           ภายในวัดนอกจากมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งแล้ว ภายในวัดยังมีวิหารขนาดกลางภายในจัดแสดงของเก่าพื้นบ้านและวัตถุโบราณต่าง ๆ ให้เราได้ชมและศึกษาหาความรู้ได้อีกด้วย ตรงบริเวณนี้ยังมีถ้ำฤาษีลักษณะของถ้ำจะเป็นลักษณะตัวยู เป็นถ้ำไม่ใหญ่มากอยู่ใต้พื้นหินศิลา  มีรูปปั้นฤาษีประดิษฐานอยู่ด้านในสืบเนื่องจากรอยพระพุทธบาทนั้นเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูนและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลำพูนและคนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือ เมื่อถึงวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุก ๆปี ซึ่งตรงกับวันถวายพระเพลิงพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พี่น้องใน อ.ป่าซางและชาวจังหวัดลำพูน ก็จะมีการจัดงานประเพณีการสรงน้ำพระพุทธบาทขึ้นเป็นประจำทุกปีซึ่งเป็นประเพณี ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ใครที่ต้องการเข้าร่วมใน พิธีก็เชิญได้เลย ตรวจสอบวันเวลาที่แน่นอนก่อนการเดินทางองค์เจดีสี่ครูบาเป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่สวยงามที่ตั้งอยู่ยอดเขาภายในวัดพระพุทธบาทตากผ้าเป็นศาสนสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งภายในวัด เป็นองค์มหาเจดีย์ที่ผสมผสานระหว่างพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัยได้อย่างสวยงามลงตัว ตั้งอยู่บนแท่นรับขนาดสูง ก่ออิฐถือปูนรูปทรงสี่เหลี่ยม มีซุ้มประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศแต่ละซุ้มประตูประดับตกแต่งด้วยการปิดทองประดับกระจกสวยงาม          องค์เจดีย์ทางด้านบนหุ้มด้วยแผ่นทองทั้งองค์สวยงามอร่าม รอบนอกองค์เจดีย์เป็นระเบียงมีศาลาล้อมรอบทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และรูปหล่อครูบาที่เป็นพระเกจิของลำพูนอีกหลายองค์ ด้านหน้าบันไดทางขึ้นด้านหลังเจดีย์เป็นวิหารหลังสวยทรงจัตุรมุขทางด้านตะวันออกองค์เจดีย์เป็นพระอุโบสถวิหารหลังใหญ่ที่ตกแต่งด้วยศิลปกรรมแบบล้านนาไทยที่งดงามวิจิตรอย่างยิ่งทั้งด้านในและด้านนอก  ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บนแท่นรับที่ตกแต่งได้อย่างละเอียดงดงาม เสารับภายในวิหารหลังนี้เป็นงานแกะสลักบนเสาไม้ลวดลายวิจิตรพิสดารสลับด้วยสีพื้นเห็นถึงความประณีตของช่างที่จัดสร้าง ตามฝาผนังเป็นภาพจิตรกรรมที่ไม่เหมือนอุโบสถหรือวิหารทั่วไปโดยทำเป็นภาพลักษณะแบบแกะสลักเล่าเรื่องราวในพุทธศาสนาและปิดทองทั้งหมดทุกภาพ สวยงามมาก ๆ  เป็นอุโบสถที่มีศิลปกรรมที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูนเลยทีเดียว          ภายในเจดีย์สี่ครูบา ตรงกลางเป็นองค์เจดีย์องค์เล็กอีกองค์หนึ่ง ที่บรรจุอัฐถิและประดิษฐานรูปหล่อเหมือนของครูบาสี่องค์ไว้สี่ด้าน ก็คือ ครูบาพรหมจักร ,ครูบาพ่อเป็ง,ครูบา(พ่อ),ครูบาคัมภีระและครูบาอินทจักร ซึ่งเป็นอาริยะสงฆ์ที่ชาวป่าซางและจังหวัดลำพูนให้ความเคารพศรัทธากันอย่างแพร่หลาย  องค์เจดีย์ลงรักปิดทองประดับกระจกทั้งองค์สวยงามลักษณะเป็นองค์เจดีย์แบบแปดเหลี่ยมย่อมุมสิบสอง มีประดับแท่นบูชาทั้งสี่ด้าน ภายในเจดีย์ปูด้วยหินอ่อนสวยงาม ผนังเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาสวยงาม ภายในเย็นสบายมาก ๆ  นอกจากเราจะได้กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วเมื่อเราเดินลงมาตรงศาลาทางด้านนอกเจดีย์เราก็ได้ชมวิวสวย ๆของ อ.ป่าซาง และพักผ่อนรับอากาศดี ๆ และเย็นสบายมาก ๆ

 

 

สร้างโดย: 
อ.ปาลิดา สวนชัง เเละ น.ส. ณัฐกานด์ พูนเพิ่มทรัพย์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 269 คน กำลังออนไลน์