แก่งบางระจัน เพชรบูรณ์

แก่งบางระจัน เพชรบูรณ์


แก่งบางระจัน บ้านหนองแม่นา เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในแหล่งธรรมชาติ และวิถีชีวิตชุมชน โดยชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารจัดการ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

    ตำบลหนองแม่นาเป็นตำบลที่มีแหล่งธรรมชาติที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของอำเภอเขาค้อ มีลำธาร ซึ่งมีลักษณะเป็นเกาะแก่งหินที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี ในฤดูฝนน้ำจะเอ่อท่วมแก่งมองไม่ค่อยเห็นก้อนหินสวยงามที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำ ส่วนช่วงหลังฤดูฝนน้ำจะลดลง ทำให้ความสวยงามของเกาะแก่งหินก็จะออกมาอวดความสวยงามต่อผู้ที่ไปเยือน
   นอกจากความสวยงามแล้วยังเป็นแหล่งที่พบหอยก้นตัด ปลาพุงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นปลาที่มีลักษณะคล้ายปลายี่สก หรือนวลจันทร์เป็นปลาล่าเหยื่อ(ปัจจุบันสงวนเป็นแหล่งขยายพันธุ์) และที่โด่งดังกำลังทำการวิจัยเพื่อแนวทางในการอนุรักษ์คือเป็นแหล่งแมงกะพรุนน้ำจืด พบเป็นประเทศที่ 5 ของโลก



แม้จะเป็นสัตว์หายากควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง แต่เราชาวเขาค้อ ก็อดไม่ได้ที่จะขออวดว่า เรามีแมงกะพรุนน้ำจืด สัตว์ที่หายากมากชนิดหนึ่งของโลกอยู่ที่หนองแม่นา แก่งบางระจัน และอยากเชิญชวนให้ท่านทีมีหัวใจอนุรักษ์ อยากท่องเที่ยวในเชิงนิเวศน์ มานั่งเรือพาย เที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืด พร้อมซึมซับบรรยากาศอันร่มรื่นของแก่งบางระจัน นอกจากนี้ ยังสามารถชมผีเสื้อนานาพันธุ์ นับพันตัวบินเรียงรายรอบๆตัวเรา ในช่วง 2 เดือน มีนาคม - เมษายน นี้เท่านั้น

 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นั่งเรือพายเที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืด ที่แก่งบางระจัน บ้านหนองแม่นา เขาค้อ เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่กี่ปี แต่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นเปิดตัวให้ได้ยลโฉมเจ้าแมงกะพรุนน้ำจืด สัตว์น้ำที่หายากมากพันธุ์หนึ่งของโลก และปรากฎโฉมอยู่ในกี่แห่งเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมแมงกะพรุนและผีเสื้อกันนานาพันธุ์ ได้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพราะแมงกะพรุนเริ่มปรากฎโฉมให้เห็นกันแล้ว และจะค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ และเยอะที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน



จากแก่งน้ำไหลเชียวในฤดูฝน กลายมาเป็นท้องน้ำที่เงียบสงบร่มรื่นในฤดูร้อน ที่อยู่ที่สำคัญของแมงกะพรุนน้ำจืด
ธรรมชาติ ของแมงกะพรุนคืออาศัยอยู่ในทะเล ถือเป็นสัตว์น้ำเค็ม ส่วนที่พบที่หนองแม่นานั้นตาม ทฤษฏีทางธรณีวิทยามีข้อสมมติฐานว่า พบแมงกะพรุนมาตั้ง แต่ยุคพรีเคมเบรียน ยุคนั้นโลกยังเป็น Water world  หลักฐานทางธรณีวิทยาจังหวัดเพชรบูรณ์พบว่าแผ่นดินยกตัวขึ้นมาจากทะเลในสมัย ไตรแอคสิกตอนปลาย มีหลักฐานการค้นพบรอยตีนบรรพบุรุษไดโนเสาร์ที่หน้าผาหิน บริเวณบ้านนาพอสอง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เมื่อนำมาประกอบกับการวิจัยแมงกะพรุนน้ำจืด เป็นไปได้ว่าแมงกะพรุนที่อยู่ในสภาพโพลิป ติดขึ้นมากับแผ่นดินที่ยกตัวสูงขึ้นจากทะเล  และน้ำทะเลกลายมาเป็นน้ำจืด แมงกะพรุนจึงเกิดการปรับตัววิวัฒนาการมาเป็นแมงกะพรุนน้ำจืด

            ขณะที่มีรายงานการค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดในประเทศไทย 2 สายพันธุ์ คือ Craspedacusta Sinensis แมงกะพรุนน้ำจืดสายน้ำนิ่ง พบได้แถบลุ่มน้ำโขง เช่น น่าน เลย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร  และ Craspedacusta sowerbyi แมงกะพรุนสายน้ำไหล พบได้ที่เพชรบูรณ์แห่งเดียวในขณะนี้  และเป็นแห่งที่สองของโลกที่พบแมงกะพรุนน้ำจืดปรากฏตัวอยู่บนภูเขาสูง แห่งแรกอยู่ที่เทีอกเขาแอปปาเลเชี่ยนในสหรัฐอเมริกา อาหารของแมงกะพรุนคือแพลงค์ตอนสัตว์ จะปรากฏตัวในช่วงเดทือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี โดยมีสภาพธรรมชาติเป็นผู้กำหนด

     แหล่ง ที่พบแมงกะพรุนน้ำจืดบนเขาค้อ คือแก่งบางระจัน เป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำเข็ก อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ด้านที่เข้าจากทางเขาค้อ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ความสำคัญของแก่งบางระจันคือความสวยงามของกระแสน้ำในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ที่มีกระแสน้ำไหลแรงตลอดเส้นทางชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวได้เข้าไปพักผ่อนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่ในฤดูแล้ง กระแสน้ำแทบไม่มีการไหวติง ซึ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของที่นี่ เพราะเป็นช่วงที่แมงกะพรุนน้ำจืด ปรากฏกายออกมาบนแก่งน้ำขังนิ่งบนภูเขาแห่งนี้ นับร้อยนับพันตัว


แมงกะพรุนน้ำจืดมีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุนน้ำเค็ม แต่จะมีเนื้อเยื่อขยายจากขอบเข้ามาข้างในตัวเป็นลักษณะคล้ายวงแหวนที่เรียก ว่า “Velum” มีขนาดเล็กกว่าแมงกะพรุนน้ำเค็ม และมีหนวดรอบขอบตัวประมาณ 50-500 เส้น ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่าเหรียญกษาปณ์ แมงกะพรุนน้ำจืดน่าจะเป็นสัตว์ประจำถิ่นของไทยมานานแล้ว โดยชาวบ้านบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า “แมงยุ้มวะ” ซึ่งเป็นภาษาถิ่น หมายถึงอาการหุบเข้าออกของขอบตัวเวลาที่มันเคลื่อนที่ โดยมีรายงานการพบครั้งแรก  ในแม่น้ำโขง   ที่บ้านคกไผ่ อ.เชียงคาน จ.เลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 หลัง จากนั้นก็มีราย งานการพบแมงกะพรุนน้ำจืดจากอีกหลายแหล่ง เช่นในแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเลยจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี  ในลำน้ำเข็กทั้งในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลก ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เป็นต้น แต่ที่สามารถพบเห็นได้เป็นประจำในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี คงมีเพียงแค่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่ จ.เลย  จนถึง จ.อุบลราชธานี และในลำน้ำเข็กทั้งในเขต จ.เพชรบูรณ์ และพิษณุโลกเท่านั้น

           สาเหตุที่เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี เนื่องจากวงจรชีวิตของสัตว์ชนิดนี้มี 2 ช่วง
โดยสัตว์ชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามน้ำตื้นที่มีพื้นท้องน้ำที่เป็นของแข็งเช่น ตามแก่งหินของต้นน้ำลำธารที่น้ำค่อนข้างเย็น อุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนมิถุนายน- กุมภาพันธ์นี้ แมงกะพรุนน้ำจืดจะอยู่ในช่วงพักตัวโดยมีรูปร่างเป็นแท่งมีแฉกซึ่งขนาดเล็ก มาก เกาะอยู่บนพื้นหิน (Polyp) และจะขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศ (Asexual) ด้วยการแตกหน่อ จนเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น (ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) จึงพัฒนาตัวเองให้ลอยไปตามน้ำ (Medusa) เพื่อผสมพันธุ์ทำให้เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ การขยายพันธุ์ในช่วงนี้จะผสมพันธุ์แบบใช้เพศ (Sexual) โดยเพศผู้จะปล่อยน้ำเชื้อมาผสมกับไข่ที่เพศเมียปล่อยออกมา หลังจากนั้น ตัวอ่อนก็จะจมลงเกาะตามพื้นเข้าสู่ช่วงพักตัวต่อไป

           การท่องเที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งบางระจัน เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม เหมือนกับวงจรชีวิตของแมงกะพรุนน้ำจืด โดยกลุ่มชุมชนคนรักษ์ป่า ในเขต ต.หนองแม่นา ซึ่งก็คือชาวบ้านที่พยายามรักษาแก่งน้ำแห่งนี้ ให้ปราศจากการบุกรุก จากกลุ่มนายทุนใดๆ โดยได้รับการสนับสนุน จากทางอำเภอเขาค้อ และจังหวัดเพชรบูรณ์

            แนวความคิดในการเปิดให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมนำนักท่องเที่ยวเข้าชมแมงกะพรุนน้ำ จืด  เป็นแนวความคิดในเชิงอนุรักษ์และสร้างสรรค์ เพื่อให้ชาวบ้านซึ่งรู้ข้อมูลในท้องถิ่นดีที่สุด ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ความรู้ ตอบคำถาม และพาเที่ยว มีทั้งโปรแกรมในการเดินทางค้างแรมในป่า และการพายเรือเพื่อชมแมงกะพรุนเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเรียนรู้ธรรมชาติร่วมไปกับการ ทำความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งนอกจากการล่องเรือชมแมงกะพรุนแล้ว ยังสามารถชมพืชพันธุ์ และสัตว์นานาชนิด ที่เป็นพืชและสัตว์ประจำท้องถิ่น เช่นหอยก้นตัด ปลาประจำท้องถิ่น ผีเสื้อที่หายากหลายชนิด เช่นผีเสื้อหางติ่งปารีส ผีเสื้อเหลืองหนามใหญ่ โคนปีกดำ และผีเสื้อหางแหลมเป็นต้น


การเที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืด สามารถติดต่อผ่านทางรีสอร์ทที่พัก หลายแห่ง มีการจัดโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยว บรรจุการเที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืดไว้ด้วย หรือหากท่านที่สะดวกเดินทางไปเที่ยวชมเอง สามารถตรงเข้าไปยังแก่งบางระจัน เพื่อติดต่อขอฝีพาย พายเรือเข้าชมแก่งได้ นอกจากนี้ยังสามารถสอบถาม ปรึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวกับชาวบ้านได้โดยตรง ติดต่อสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่


Cr:http://www.khaoko.com
     

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น